Special Scoop



สมาธิภาคอังกฤษ ครั้งแรกในนครลอสแอนเจลิส… ตอนจบ

ทำไมหลวงพ่อวิริยังค์ ในอายุ 99 ปี ยังต้องทำงานหนักเพื่อพระพุทธศาสนา

ในวัยเด็กต้องช่วยบิดามารดาทำงานหนัก ตักน้ำจากลำคลอง หาบมาใส่ตุ่มจนเต็มทุกวัน หาบน้ำครั้งละหลายๆ หาบ จนต้องเอาผ้ารองบ่าเพราะบ่าแตก ตำข้าวเปลือกเป็นข้าวสารในเวลากลางคืน ตำครั้งหนึ่งก็ใช้ได้ 7 วัน ช่วยทำกับข้าว พอฤดูแล้งหลังจากทำนา ก็ไปเลี้ยงวัวควาย

ในวันนั้น ใช้เกวียนลากไม้ในไร่เพื่อมาเผาถ่านก็ครึ่งค่อนวันแล้ว พอนำวัวเข้าคอกเสร็จ น้ำที่บ้านก็หมด จึงเอากระป๋องไปหาบน้ำ 10 กว่าเที่ยวจนเต็มตุ่ม เหนื่อยมาก ทานอาหารเย็นเสร็จ มารดาบอกว่า ข้าวสารที่จะใช้วันรุ่งขึ้นหมดแล้ว ด้วยความเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจจากการทำงานหนักมาทั้งวัน แต่ก็มิได้ปริปากบอกมารดา ไปยุ้งข้าวโกยข้าว 2 กระบุง หาบไปบ้านนาดี ซึ่งอยู่ไม่ไกล และเริ่มตำข้าวด้วยครกกระเดื่อง เหยียบด้วยเท้า ครกหนึ่งใช้เวลาตำครึ่งชั่วโมง จนได้ 1 กระบุง ก็เป็นเวลา 3 ทุ่มแล้ว เหนื่อยมาก แต่จะตำกระบุงที่ 2 เพื่อจะเก็บไว้ทานได้หลายวัน จึงรีบตำอย่างรวดเร็ว เพราะดึกมากแล้ว

จน ด.ช.วิริยังค์ รู้สึกเจ็บท้องน้อย เจ็บมาก จนเป็นลมล้มพับไปคาครก เด็กใบ้พูดไม่ได้รีบวิ่งเอะอะไปเพื่อแจ้งผู้ใหญ่ จนน้าๆ รีบมาอุ้มร่างกายที่หมดสติกลับบ้าน บิดามารดาตกใจ ปฐมพยาบาลอยู่ชั่วโมงกว่า จึงรู้สึกตัวขึ้น แต่ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวช่วงล่างได้ ร่างกายเป็นอัมพาตเสียแล้ว ลำบากเรื่องการขับถ่าย ทำเองไม่ได้

บิดามารดาต้องตามหาหมอยา หมอผี มารักษา ก็ไม่ทุเลาลง พี่เขยที่เป็นหมอแผนปัจจุบัน บอกว่าหมดหวังแล้ว น้ำหนักก็ลดลงมาก ผ่ายผอม ต้องเป็นภาระแก่บิดามารดา จน ด.ช.วิริยังค์ เสียใจ คิดว่าตัวเองหมดท่า ไม่มีค่าเสียแล้ว

จนเดือนหนึ่งแล้ว ด.ช.วิริยังค์ ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ถ้ามีผู้ใดมารักษาให้หายเป็นปกติ จะอุทิศชีวิตนี้แก่พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น” หลังจากนั้น 7 วัน ได้มีตาผ้าขาวจากภาคอีสาน มาที่วัดสว่างอารมณ์ นมัสการพระอาจารย์กงมา บอกได้ข่าวว่ามีเด็กเป็นอัมพาตที่บ้านใหม่สำโรงใช่ไหม

ตาผ้าขาวจึงมาที่บ้านพบบิดามารดา บอกว่าจะรักษาลูกให้ บิดามารดาตอบว่าจะเอาราคาเท่าไหร่ก็บอกเถิด ตาผ้าขาวบอกมาช่วยโดยไม่เอาเงิน และเดินตรงไปที่ ด.ช.วิริยังค์ พูดที่หูว่า “หนูอธิษฐานว่า ถ้าใครมารักษาอัมพาตให้หาย จะอุทิศชีวิตให้พระพุทธศาสนาใช่ไหม”

ด.ช.วิริยังค์ ฟังแล้วก็ตกใจ และสงสัยว่า ตาผ้าขาวล่วงรู้ถึงคำอธิษฐานในใจตนได้อย่างไร ตาผ้าขาวจึงบอกให้พูดดังๆ ให้ลุงฟังอีกครั้ง แล้วจะรักษาให้… ด.ช.วิริยังค์ จึงพูดว่า “ถ้ามีผู้ใดมารักษาให้หายเป็นปกติ ข้าพเจ้าจะอุทิศชีวิตนี้ให้แก่พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น”

ตาผ้าขาวขอหัวไพลหนึ่งหัว ทำน้ำมนต์ เป่าร่างกายให้ 3 ครั้ง แล้วสั่งให้ใส่บาตรในวันรุ่งขึ้นที่ตาผ้าขาวจะมาบิณฑบาต แล้วท่านก็กลับไปพักที่วัด ที่ใต้ต้นมะขาม

รุ่งเช้า ตัวเบาไปหมด พยุงตัวลุกขึ้นได้ตามปกติ และบอกกล่าวแก่บิดามารดา หลังจากนอนมา 37 วัน… เวลา 7 นาฬิกา ตาผ้าขาวมาหน้าบ้าน ด.ช.วิริยังค์ ถือขันข้าวยกขึ้นศีรษะ แล้วเอาทัพพีตักข้าวใส่บาตร ตาผ้าขาวพูดว่า “หนูลืมสัญญาหรือไม่ ให้พูดคำสัญญาอีกครั้ง ดังๆ ” ด.ช.วิริยังค์ พูดคำอธิษฐานอีกครั้ง แล้วตาผ้าขาวค่อยเปิดบาตรให้ใส่

บ่ายนั้น พอไปถึงวัด เห็นตาผ้าขาวที่กลด ตาผ้าขาวได้ทวงสัญญาเป็นครั้งที่ 3 และให้เด็กพูดคำอธิษฐานดังๆ ชัดๆ อีกครั้ง ตาผ้าขาวพาเดินกลับไปที่ต้นมะขาม นั่งสักครู่ แล้วบอก ด.ช.วิริยังค์ว่า “ต่อไปในอนาคต หนูจะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ซึ่งเป็นบุญญาภินิหารจากอดีตชาติ เราจึงมารักษาให้เธอ” ลุงยังบอกคาถาให้ท่อง โดยไม่ให้จด และกำชับว่า ให้สวดทุกวันเป็นเวลา 10 ปี จึงจะใช้ได้ หากขาด 1 วัน ก็ต้องเริ่มนับใหม่ แล้วคาถานี้ จะเป็นเครื่องช่วยงานพระพุทธศาสนาในเวลาคับขัน หรือเวลาสำคัญที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนา…


สถาบันพลังจิตตานุภาพ USA

ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานการเรียนการสอนสมาธิทั้งภาคภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ที่สำนักงานใหญ่ สุญาโณ เลขที่ 3507 E. 7th Street, Los Angeles, CA 90023 ด้วยวิสัยทัศน์ของพระอาจารย์หลวงพ่อในการเผยแผ่วิชาสมาธิเพื่อความสันติสุขของโลก โดยจัดระบบ กฎระเบียบ ข้อปฏิบัติ การดำเนินงานภายใต้นโยบายอย่างเป็นเอกภาพ จึงได้แต่งตั้งทีมบริหารของ Willpower Institute USA โดยมีกรรมการบริหาร 2 ท่าน คือ คุณนิภาพร บัวทอง (ประจำอยู่ประเทศไทย) และคุณแอนนา คูสกุล (ประจำอยู่ประเทศแคนาดา) ทำงานถวายหลวงพ่อมากว่า 20 ปี และผู้อำนวยการสถาบันฯ คือ คุณกัญญ์รินท์ วิศรุตานันท์ (ประจำอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา)


การสร้างพระหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เมื่อปี พ.ศ.2534 (ค.ศ.1991) หลวงพ่อวิริยังค์ได้นั่งสมาธิที่วัดธรรมมงคล เกิดนิมิตเห็นหยกขนาดใหญ่ และงดงามมาก ถึงกับรำพึงว่า “หินหยกได้เกิดขึ้นแล้ว” วันนั้นคือ วันที่ 16 เดือนสิงหาคม ช่วงเข้าพรรษา

พอเดือนพฤศจิกายน หลวงพ่อวิริยังค์ได้เดินทางไปประเทศแคนาดา และได้เห็นหยกมหึมา น้ำหนัก 32 ตันนี้ ที่เจ้าของเหมืองหยกรับซื้อมาจากเจ้าของเหมืองทอง และได้ถูกตีตราไว้แล้วว่า ปักกิ่ง “Beijing” และอีก 2-3 วัน จะถูกแบ่งตัดเป็น 2-3 ชิ้น เพื่อสะดวกในการขนส่งไปประเทศจีน โดยที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นก็ได้ออกข่าวไปเช่นนั้นแล้ว แต่เนื่องจากขณะนั้น ประเทศจีนมีปัญหาการขนย้ายข้ามประเทศอยู่พอดี และพอเจ้าของเหมืองหยกทราบว่า หลวงพ่อมีความตั้งใจที่จะแกะสลักพระพุทธรูปหยกเขียวให้คนกราบไหว้ ซึ่งมีความสำคัญในพระพุทธศาสนา จึงตัดสินใจขายหยกก้อนนี้ให้ประเทศไทย และตีตราใหม่ว่า “Thailand”

หลวงพ่อได้เดินทางไปถึงแหล่งที่มาของหินหยกเนฟไฟรต์นั้น ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างมาก ว่าก้อนหยกมหึมานี้ถูกค้นพบที่เหมืองทองคำเป็นครั้งแรก และประเมินว่าหินหยกนี้เคลื่อนมาจาก Kings Mountain จากเทือกเขา Rocky ผ่านการเดินทางมาในระยะ 8,000-10,000 ปี โดยไหลลงมาผ่านแม่น้ำ และทะเลสาบดีส Dease Lake ในบริติช โคลัมเบีย

การรอคอยหินหยกของหลวงพ่อวิริยังค์มาเป็นเวลากว่า 5 ปี ก็เป็นจริงขึ้น เมื่อนิมิตของท่านในวันนั้น ตรงกับวันเวลาที่หยกถูกค้นพบในเหมืองทองคำพอดี และในที่สุดหินหยกได้ถูกขนส่งทางเรือ ถึงประเทศไทยเดือนมกราคม และถึงวัดธรรมมงคลในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2535 (ค.ศ.1992) และได้ช่างแกะสลักชาวอิตาลี เริ่มแกะสลักหยกเขียวนี้เป็นพระพุทธรูปหยกเขียว ปางนั่งสมาธิ เมื่อเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ขนาดหน้าตักกว้าง 1.66 เมตร และสูง 2.20 เมตร โดยใช้เวลาแกะสลัก 1 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 พระราชทานนามว่า “พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย” ประดิษฐาน ณ ศาลา ภปร. หรือศาลาหลวงพ่อหยก วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 สถานี บีทีเอส ปุณณวิถี

และจากหยกก้อนเดียวกัน ก็ได้แกะสลักเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิม ปางยืนประทานพร ขนาดสูง 2.20 เมตร ใช้เวลาแกะสลัก 9 เดือน ประดิษฐาน ณ ศาลา ภปร. ถือเป็นประติมากรรมอันล้ำค่าน่าอัศจรรย์จากหยกเนื้อดีมาก สีเขียวงดงาม และแข็งแรงมาก


การเรียนการสอนวิชาสมาธิภาคอังกฤษก็ดำเนินต่อไป ด้วยอาจารย์ฝรั่งผู้ทรงคุณวุฒิ
Farewell อำลา อาจารย์ Wilkes

อ.วิลค์ส์ ได้สอนเพียงอาทิตย์เดียว จากวันจันทร์ที่ 17 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2561 แล้วบินกลับดัลลัสบ้านเกิด ดูแลบริษัทหุ้นส่วนทนายความของตัวเอง ท่านทิ้งท้ายไว้ว่าการทำสมาธิทำให้เกิดพลังงาน Energy ที่ได้จากการปฎิบัติทำสมาธิเท่านั้น ไม่ใช่จากหยูกยา หรือ เครื่องดื่มบำรุงกำลังแต่อย่างใด และเราก็จะได้ความแข็งแกร่งทางวิญญาณหรือภายใน Spiritual strength


ประวัติอาจารย์เคนเน็ธ Kenneth Kowalski

อ.เคน เป็นอาจารย์ท่านที่สามในภาคภาษาอังกฤษนี้ ท่านเกิดที่รัฐเพนซิลเวเนีย เติบโตมาในครอบครัวโรมันคาธอลิก เรียนโรงเรียนคาธอลิก แต่สุดท้ายมาปักหลักสร้างครอบครัวที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส และมีลูกสาวคนเดียว เรียนจบและทำงานแล้ว

สมัย อ.เคน เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ในสาขา Bio Medical Engineering เกี่ยวกับการออกแบบเครื่องมือทางการแพทย์ด้านสมองที่ก้าวหน้าทันสมัยสำหรับใช้ในโรงพยาบาล แต่ อ.เคนไม่ได้เลือกทางออกแบบ Design แต่เลือกทางวิศวกรรมไฟฟ้า เริ่มจุดประกายความสนใจในด้านระบบประสาท กลไกของสมอง และสติของมนุษย์ จากนั้น จึงเริ่มสนใจการเรียนสมาธิ ในสมัยที่เรียนอยู่ ก็เคยคิดอยากเป็นนักจิตวิทยา Psychologist หรือ จิตแพทย์ Psychiatrist แต่ก็ได้เรียนจบทางวิศวะที่ตั้งใจไว้แต่แรก

ในสมัยนั้น ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตหาข้อมูล จึงหาซื้อหนังสือทั้งใหม่และเก่า เรียนรู้เรื่องการทำสมาธิ ศาสนาพุทธนิกายต่างๆ เช่น ของจีน ไทย ศรีลังกา ฑิเบต เป็นต้น ศึกษาทุกอย่างแบบองค์รวมของแต่ละนิกาย จนเชี่ยวชาญในด้านคำศัพท์ คุยได้ อธิบายได้ แต่ปฏิบัติทำสมาธิไม่ได้ เคยได้ลองทำการสะกดจิต Hypnotize ตัวเอง จนเข้าภวังค์ไป กลับมารู้สึกตัวได้ พร้อมลั่นวาจาว่า จะไม่ทำอีกเด็ดขาด เพราะน่ากลัวมาก และไม่ได้ให้ผลดีอะไร

จนมายุคปี 1990 ถึงปี 2000 กว่า อินเตอร์เน็ตเริ่มโด่งดัง จนแพร่หลายมาก จึงเริ่มค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ ขณะนั้นก็ทำงานด้าน Computer Technology มาตลอด ไม่เคยได้ทำงานเกี่ยวกับวิศวะที่จบมาเลย

ครั้งหนึ่งมีเพื่อนสนิท มาชวนหลายครั้ง ให้ไปเข้าค่ายการทำสมาธิ Meditation Retreat แต่ตัวเองไม่เคยคิดจะตามไปด้วย เพราะเพื่อนคนนี้ พอกลับมา จะมาเล่าว่า “โอ้โห ดีจังได้เข้าภวังค์ไป 18 ชั่วโมงเลย” ไปหลายครั้ง จนกระทั่งเพื่อนต้องชิงลาออกจากการงานที่ประกอบอยู่ ก่อนที่จะโดนให้ออก เพื่อไม่ให้เสียประวัติ

วันหนึ่งคุณเคนเข้าไปค้นหาข้อมูลออนไลน์ เห็นโฆษณาสอนวิชาพุทธศาสนาฟรีที่วัดไทย Keller ใน Dallas จึงติดต่อและเข้าไปเรียนกับอาจารย์เรเชล คนไทย และได้แนะนำให้ไปเรียนวิชาสมาธิของพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ ที่กำลังจะเปิดสอนตามแผ่นพับโฆษณา

จนกระทั่งวันปฐมนิเทศ ในปี 2009 จึงไปร่วมงาน ครั้งนั้นรู้สึกมีความชุลมุนวุ่นวายคนเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นคนไทยที่แห่กันมากราบไหว้พระอาจารย์หลวงพ่อกัน เห็นความสับสนอลหม่านด้วยผู้คนเนืองแน่น แต่เนื่องจากได้รู้ในวันนั้นว่า อาจารย์เรเชลจะเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่จะสอนหลักสูตรครูสมาธินี้ ก็ยังพอสนใจอยู่บ้าง กระทั่งเหลือบไปเห็นรูปหลวงปู่มั่นบนผนัง รู้จักอย่างดีว่าเป็นปรมาจารย์ด้านสมาธิวิปัสสนา ด้วยตัวเองมีความศรัทธาหลวงปู่มั่นอยู่ก่อนแล้ว จึงบอกกับตัวเองว่า ใช่เลย The right way to go... ยังไงก็ต้องเรียนแน่นอน

อ.เคนรู้จักหลวงปู่มั่นเมื่อปี 2008 จากหนังสือเก่าที่เคยซื้อและศึกษา แปลเป็นภาษาอังกฤษจากหนังสือเขียนขึ้น โดย หลวงตามหาบัว เล่าประวัติหลวงปูมั่นและลูกศิษย์ต่างๆ

ก่อนมาเรียน ด้วยลักษณะงานทางด้านคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีที่เครียดมาก ในระหว่างขับรถไปออฟฟิศ ต้องสั่งงานไปด้วยอารมณ์โกรธ กราดเกรี้ยวเสียงดังเพื่อให้ได้ดั่งใจของคุณเคน เพราะความสำเร็จของงานและรายได้ที่ดีต้องอาศัยความเร็วในการทำงาน การตัดสินใจและสั่งงานฉับพลัน เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทอง จึงมักมีอารมณ์ค้างจากความโกรธ

หลังจากเรียนและปฏิบัติแล้ว ความโกรธค่อยๆ ลดน้อยลงตามลำดับ จนภรรยาเห็นความเปลี่ยนแปลงในสามีในทางที่ดีขึ้น การงานมีประสิทธิภาพ ใจเย็นลง อารมณ์ดีขึ้น ด้วยมีสติระลึกรู้ Consciousness มีตัวรู้กำกับ จนสะสมพลังจิตได้มากพอที่จะเห็นความแตกต่างในตัวเอง จากการที่เป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร ก็เปิดใจ พบปะ พูดคุย มีสัมพันธภาพกับคนได้ดี

เรียนจบไปได้ 2-3 ปี อยากใช้พลังจิตที่ค่อยๆ เพิ่มพูนสะสมมา ให้เป็นประโยชน์แก่สุขภาพตัวเอง ในอดีต เป็นคนอ้วนมาก ท่านบอก… เคยลองลดน้ำหนักมาหลายวิธีแล้ว แต่ก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิมทุกครั้ง ครั้งหลังสุดนั้น มีน้ำหนักตัวเกิน 300 ปอนด์ จนลดลงมาได้ 100 ปอนด์โดยใช้เวลาหลายปี ทุกวันนี้น้ำหนักคงที่แล้ว สุขภาพแข็งแรง เป็น Vegan ทานมังสวิรัติแบบเคร่งครัด คือไม่ทานเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์ทำจากสัตว์ เช่น นม เนย ไข่ ฯลฯ คือการเลือกทานอาหารที่ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น

อ.เคน มีประสบการณ์การสอนสมาธิ 6 ปี ชอบอธิบาย ด้วยความรู้ประสบการณ์ที่ผ่านมา และจากการศึกษาตำราของหลวงพ่อมาอย่างละเอียดจากสมัยที่เรียน โดยเป็นนักเรียนของ อ.Wilkes นั่นเอง พอได้รับทาบทามให้มาสอนสมาธิในแอลเอ จึงรีบตอบรับทันทีเพื่อช่วยงานพระอาจารย์หลวงพ่อ ซึ่งครั้งหนึ่งเขาได้รับของขวัญล้ำค่า จากพระอาจารย์หลวงพ่อเมื่อแปดปีที่แล้ว คือ ให้เป็นอาจารย์ประจำสถาบันฯ สอนสมาธิแก่ชาวอเมริกันในดัลลัสครั้งนั้น มีส่วนร่วมใน Noble Cause ส่งเสริมพันธกิจสืบต่อยอดคุณงามความดี


Farewell อำลา อาจารย์เคน

อ.เคน สอนครบสองอาทิตย์จากวันจันทร์ที่ 24 กันยายน ถึงวันพฤหัสฯ ที่ 4 ตุลาคม 2561 และได้บินกลับดัลลัส วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม เพื่อประกอบสัมมาอาชีพตามเดิม เขาฝากว่าอยากให้ชวนคนมาเรียกสมาธิเยอะๆ เพราะจะได้ประโยชน์มากมาย ไม่ยากอย่างที่คิด ได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ และหวังว่าคงมีโอกาสได้กลับมาสอนชาวแอลเออีก

อ.เคนผู้มีจิตเมตตา ได้เสียสละทรัพย์ส่วนตัวบริจาคให้สถาบันฯ ไว้เพื่อดำเนินงานที่แอลเอด้วย เป็นจำนวนเงิน $900

จึงขอชื่นชมอาจารย์ทั้งสามท่าน และอาจารย์ที่จะทยอยกันมาเพื่อสานต่องานการสอนในหลักสูตรครูสมาธิภาคภาษาอังกฤษ เพื่อความสันติสุขของชาวอเมริกันและชาวโลกอย่างแท้จริง…

ผู้เขียนจึงขอจบบทความทั้งสามตอนนี้ ที่เขียนขึ้นมาเพื่อข่าวสารแก่ชุมชนแอลเอ ให้ได้รับข้อมูลการมาเปิดตัวหลักสูตรครูสมาธิภาคภาษาอังกฤษ เป็นครั้งแรกในนครลอสแอนเจลิส หากท่านผู้อ่านชาวไทยสนใจจะเรียนในภาคภาษาไทย เชิญเข้าทดลองเรียนได้ทุกเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.00-17.00 น. หรือจะแนะนำเพื่อนชาวอเมริกัน และลูกหลานที่ถนัดพูดคุยอังกฤษ มาเรียนในภาคภาษาอังกฤษ ทุกวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี เวลา 19.00-21.00 น.

การที่เราไม่รู้ว่าภพหน้าชาติหน้ามีจริงหรือไม่ แล้วแต่ความเชื่อและศาสนาที่แตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆ คือ การเรียนสมาธิก็ส่งผลดีในชาตินี้ ที่เห็นได้ คือ จะเป็นคนมีเมตตา มีความรับผิดชอบ และมีเหตุผล

ที่สำคัญที่สุด ก่อนอำลาจากโลกนี้ไป จิตใจที่กระวนกระวายด้วยกิเลสของความโลภ โกรธ หลง จิตในช่วงนาทีสุดท้ายของอกุศลจิต จะส่งผลให้เราไปสู่ภพภูมิที่ต่ำได้ หากแต่เรามีอารมณ์พุทโธในใจ มีพลังจิตที่สะสมมาไว้ดีแล้ว มันจะขึ้นมาประสานในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนละสังขาล กุศลจิตทำให้เราปล่อยวาง ละความคิด ความอยากได้ อยากครอบครองสมบัติที่มีอยู่ ไม่อยากจากลูกหลาน คนรัก โกรธในสังขาลร่างกายตัวเองที่เจ็บปวด ยังอยากหายใจอยู่… เพียงแค่นั้น การได้เรียนรู้การทำสมาธิ เพื่อสะสมพลังจิต ให้ได้ใช้เป็นประโยชน์ตอนสิ้นลม พบทางดี ถือว่าได้ประโยชน์มหาศาล ให้เราไปเกิดในภพภูมิที่ดีในชาติหน้า ก็คุ้มค่าแล้ว


โดยลีนา ดีสมเลิศ