Special Scoop



'หรีด-รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์' เซเลบฯในครัว ไฮโซหน้าจอ

บุกบ้าน 'หรีด-รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์' บุคคลที่คนทั้งประเทศยกให้เป็นตัวแม่วงการอาหารและวงการธุรกิจ ล้วงลึกชีวิตจากอดีตกว่าจะก้าวมาถึงปัจจุบัน


ก่อนจะเป็น Cooking Guru

“หรีดเป็นลูกสาวคนเล็กในครอบครัวคนจีน เกิดที่บ้านริมคลองระพีพัฒน์ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ชื่อ ‘หรีด’ ได้มาเพราะร้องเสียงแหลมลั่นเหมือน ‘จิ้งหรีด’ ส่วนชื่อจริงได้ชื่อ ‘เด็กหญิงวันเพ็ญ’ ตามวันเกิด มาเปลี่ยนเป็น ‘รพีพรรณ’ ทีหลังตอนเข้าโรงเรียน เนื่องจากคุณครูทักว่าชื่อโบราณ (ยิ้ม)โชคดีที่หรีดกับน้องชายคนสุดท้องเกิดมาตอนที่พ่อแม่เริ่มมีฐานะจากกิจการรับเหมาก่อสร้างจึงได้เรียนโรงเรียนดีๆ มีคนขับรถรับส่ง เป็นคุณหนูมากเมื่อเทียบกับพี่ๆ พ่อแม่หวงสุดๆ ขนาดจะไปเรียนต่อเมืองนอกยังไปได้ไกลสุดแค่ปีนังและสิงคโปร์ และต้องพักอยู่กับสตรีฝรั่งวัยกลางคนที่ครอบครัวเลือกให้ หลังจากเรียนจบจากปีนังก็ไปต่อหลักสูตรบัญชีชั้นสูงที่สแตมฟอร์ดคอลเลจประเทศสิงคโปร์"

หลังจากเรียนจบ กูรูหรีดได้งานแรกเป็นเลขานุการให้กับ 'กร ทัพพะรังสี' ซึ่งสมัยนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง "คุณกรเป็นเจ้านายที่เก่งมาก หรีดได้ข้อคิดเรื่องการทำงานจากท่านมากทีเดียว จากนั้นมีโอกาสทำงานอื่นอีกหลายอย่าง รวมทั้งทำธุรกิจส่วนตัว กระทั่ง 12 ปีที่ผ่านมา หรีดจึงเข้ามาอยู่ในวงการอาหารเต็มตัว ด้วยเป้าหมายว่าอยากให้อาหารไทยก้าวไกลในตลาดโลก เพราะอาหารของเรามีศักยภาพเพียงพอ ขาดแต่ไม่มีคนทำจริงจัง หรีดจึงผันมาทำเต็มตัวโดยใช้พื้นฐานประสบการณ์ของตนเอง”


เปิดประตูสู่โลกอาหาร

“จุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามีความสุขกับการทำอาหารมาก ไม่ได้คาดหวังว่าจะเปิดร้านหรือโรงเรียนสอนทำอาหารเป็นเรื่องเป็นราว ที่เห็นหรีดทำรายการทีวีเพราะอยากให้คนดูนำไปต่อยอดทำมาหากินได้ ขออย่างเดียวคือ ทำให้ถูกต้องตามจริตอาหารแต่ละจานและทำให้อร่อยด้วย เดี๋ยวเสียชื่อหรีดหมด (หัวเราะ)


คุณครูคนแรก

“ครูคนแรกที่สอนให้หรีดรักการทำอาหารคือแม่ ท่านเป็นสะใภ้ใหญ่ในครอบครัวจีน มีหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารการกินของทุกคนในบ้าน เป็นคนที่หยิบจับอะไรมาปรุงก็อร่อย มีพรสวรรค์ในการทำของง่ายๆ พื้นๆ ให้น่ากินได้โดยไม่ต้องไปร้านเหลา เหล่านี้คือสิ่งที่หรีดได้ซึมซับมา เพราะท่านจะไม่สอนตรงๆ แต่จะให้สังเกตและจำเอาเอง"

อาหารสุดประทับใจฝีมือมารดาที่รักทำและเป็นเมนูแรกที่หัดทำคือ 'พล่าหมูสับ' ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับลาบ แต่ไม่ใส่ข้าวคั่ว เป็นอะไรที่ง่ายแต่อร่อยจนน้ำตาไหล เด็กหญิงจิ้งหรีดเผลอกินหมดคนเดียวทั้งจานเลย


อาหารเหมือนการวาดรูป

“หรีดวาดรูปสีน้ำมันเป็นงานอดิเรก อย่างรูปบ้านหรีดถ่ายจากหน้าประตูบ้านไว้เมื่อช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาและวาดตอนนั้น ยังเห็นกองกระสอบกั้นน้ำอยู่ในภาพเลย ช่วงนั้นเข้าบ้านไม่ได้ ท่วมหนักทั้งซอย ต้องไปอยู่คอนโดชั่วคราว ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็นั่งวาดรูปเป็นที่ระลึกเสียเลย”

ว่าแล้วคุณหรีดก็พาทีมงานเดินชมภาพวาดฝีมือเธอเอง เมื่อเห็นแล้วต้องร้องอื้อฮือเพราะฝีมือไม่ธรรมดา งานนี้ตัดสินลำบากว่าฝีมือกับฝีแปรงอันไหนเลิศกว่ากัน “การทำอาหารก็ไม่ต่างกับการวาดรูปเพราะรูปที่เราเห็นสวยๆ ประดับอยู่บนผนังนั้นมีองค์ประกอบ มีไอเดีย และมีฝีมือรวมเข้าด้วยกัน เทียบกับเวลาทำอาหาร ถ้ามีฝีมืออย่างเดียวอาจจะอร่อย แต่ไม่น่ากิน ต้องรู้จักจัดวางให้สวยงามเชิญชวนให้อยากกินด้วย เป็นการสร้างคุณค่าให้อาหารจานนั้นๆ ได้อีกทางหนึ่ง โดยหรีดชอบทำอาหารให้เพื่อนๆ ชิม ซึ่งเมนูที่เพื่อนๆ ชอบก็มีข้าวผัดหนำเลี้ยบปลาหิมะ หรีดเลือกปลาหิมะมาใช้กับจานนี้เพราะลองแล้วเข้ากันได้ดี อีกเมนูที่เหมือนเป็นซิกเนเจอร์ของหรีดเลยคือข้าวผัดคะน้าปลาเค็มไร้คลื่น จานนี้โดนใจเพื่อนมาก ผัดทีหอมตลบทั่วซอย เพราะใช้ปลาเค็มอย่างดีจากฮ่องกงซึ่งทำมาจากปลาสดและหอมกว่าปลาเค็มไทย เป็นปลาที่ถูกจับในรอยต่อน่านน้ำฮ่องกงกับมาเก๊าซึ่งปลอดคลื่นลม ปลาไม่ต้องออกแรงว่ายน้ำเยอะเนื้อจึงนุ่มปุยเหมือนกำมะหยี่ แถมกรรมวิธีเค็มปลาของที่โน่นก็ใช้การหมักเกลือทันทีที่จับปลาขึ้นมาจากน้ำ จึงได้ปลาเค็มคุณภาพดี"


วันดีๆ กับรพีพรรณ

นอกจากไฮโซหรีดจะรักการทำอาหาร ในขณะเดียวกันก็รักในการดูแลตัวเองด้วย ทั้งภายในคือดูแลด้วยอาหารการกินที่มีประโยชน์ และภายนอกต้องรู้จักแต่งตัวให้สวยงามเหมาะสม “ทุกเช้าตื่นมาหรีดจะเริ่มวันด้วย 'เสาวรส' ฟังไม่ผิดหรอก เสาวรสหรือกะทกรก แพสชั่นฟรุตนั่นแหละ ผ่าครึ่งตักกินสดๆทุกเช้าวันละลูกสองลูก จะได้ไม่เป็นหวัด กินคู่กับขนมปังแผ่นตามด้วยผลไม้หรือผักสดอีกจานเท่านี้ล่ะอาหารเช้าของหรีด"

“สำหรับตัวหรีดเองคิดว่าร่างกายไม่ได้ต้องการอาหารมากถึง 3 มื้อ จึงต้องบาลานซ์ให้เหลือวันละมื้อครึ่ง ส่วนจะเป็นมื้อไหนนั้นขึ้นอยู่กับตารางงานแต่ละวัน งานของหรีดต้องพบปะพูดคุยกันบนโต๊ะอาหาร ถ้าวันไหนมีงานตอนเที่ยงจะไม่กินมื้อเย็น ถ้ามีงานเย็นจะไม่กินเที่ยง แต่ถ้าวันไหนมีทั้งเที่ยงและเย็นจะกินน้ำนมถั่วเหลืองเป็นอาหารเช้าแทน หรีดชอบงานเลี้ยงอาหารบุฟเฟ่ต์มากกว่า เพราะควบคุมการกินได้ ถ้ามื้อไหนต้องกินเป็นคอร์สจะแอบกระซิบพนักงานว่าขอลดปริมาณลงหน่อย แล้วก็ต้องแบ่งเวลาออกกำลังกายทุกวัน สมัยก่อนหรีดเล่นกีฬาหนักจนกล้ามขึ้น รู้สึกไม่ชอบเลย ทุกวันนี้ต้องหันมาเล่นฮูลาฮูปแทน ถ้าช่วงไปทริปต่างประเทศจะอ้วนกว่าปกติเพราะกินดี ต้องใช้วิธีเดินเยอะๆ เดินช็อปปิ้งหาของสะสมเป็นเครื่องใช้ในครัว ชอบซื้อมาคราวละเยอะๆ ใช้เองด้วย ฝากคนอื่นด้วย ยิ่งสีสันสดใสใช้งานได้จริงนี่ยิ่งชอบ ทุกทริปหรีดต้องเผื่อกระเป๋าไว้ใส่ของพวกนี้ต่างหากเลย"

และนี่คือชีวิตที่มีความสุขในแบบฉบับ 'คุณหรีด' ผู้หญิงเก่งที่ทั้งคุยสนุกและทำอาหารอร่อยมาก (ขอย้ำ) จบการสัมภาษณ์ครั้งนี้ คุณหรีดและทีมงาน Health & Cuisine คงได้มอบวิธีคิดและเคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข จากผู้หญิงนามว่า 'รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์' ให้ผู้อ่านได้อิ่มเอม