Special Scoop
“The Big One” Is Coming! ที่กำลังจะมาเยือนคุณพร้อมหรือยัง?

เมื่อตอน 3.20 A.M. (ตี 3) ของเช้าวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2014 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 มาตราริกเตอร์ (Richter scale) สั่นสะเทือนระหว่าง 10 ถึง 20 วินาที เป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในรอบ 25 ปี ที่เมืองนาป้า (NAPA) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ใกล้เมืองซานฟรานซิสโก

นาป้าเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ (มีรายได้กว่า 13 Billion ต่อปี) แผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในเบื้องต้นดังนี้

- มีผู้บาดเจ็บ 208 คนและเสียชีวิต 1 คนต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 17 คน อีก 1 คนมีอาการหนักเนื่องจากหัวใจล้มเหลวและเด็กอายุ 13 ปี โดนอิฐจากปล่องไฟแตกในบ้านทับร่างกายอาการสาหัส

- บ้านกว่า 100 หลังคาเรือนที่ถูกทางการติดประกาศห้ามเข้าอยู่อาศัย

- ตึกที่ทำการและธุรกิจกว่า 616 แห่งได้รับความเสียหายอย่างมากในจำนวนนี้มี 116 แห่งซึ่งทางการห้ามเข้า / อยู่ (Uninhabitable) และอีก 500 แห่งต้องได้รับการซ่อมแซมก่อนที่จะเข้าไปทำธุรกิจได้

ค่าเสียหายเบื้องต้นโดยประมาณ1พันล้านเหรียญ (1 Billion Dollars) ซึ่งยังไม่รวมถึงการสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับอีกเป็นจำนวนมหาศาล

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียนายเจอรี่บราวน์ได้ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินในเขตดังกล่าวซึ่งทางรัฐบาลกลางได้เข้าช่วยเหลือและทางสเตทบอร์ดได้ประกาศให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจต่างๆในเขตดังกล่าวด้วยโดยให้ยึดเวลาในการจ่ายภาษี โดยไม่คิดค่าปรับและดอกเบี้ยอื่นๆได้ ตลอดจนให้การบริการถ่ายสำเนาเอกสารการชำระภาษีของธุรกิจต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆโทรศัพท์ติดต่อได้ที่1-800-400-7115

ท่านยังสามารถขอผ่อนผันการชำระภาษีที่ดินหรือให้ทางกรมที่ดิน (County Assessor) ลดหย่อนภาษีที่ดินจากราคาประเมินเดิมได้อีกต่างหาก

จากรายงานของ California Earthquake Authority (C.E.A.) องค์กรกึ่งรัฐวิสาหกิจซึ่งขายประกันภัยแผ่นดินไหวบอกว่าที่นาป้ามีแค่6%ของเจ้าของบ้านที่ได้ซื้อประกันภัยนี้จาก C.E.A. (C.E.A.ได้ขายประกันภัยประเภทนี้ให้กว่า 865,000 รายในรัฐแคลิฟอร์เนีย)

อนึ่งเหตุผลบางประการที่ท่านควรซื้อประกันภัยแผ่นดินไหวโดยเฉพาะถ้าท่านมีบ้าน หรืออยู่อพาร์ทเมนต์ในแคลิฟอร์เนียคือ

1. 2 ใน 3 ของความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนียนั้นมีสูงมาก (California has two- thirds of Nation’s Earthquake risk)

2. แคลิฟอร์เนียมีรอยร้าว (Faults) กว่า 2,000 แห่งเท่าที่ตรวจพบตลอดทั่วรัฐ

3. มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียวันละ 102 ครั้งต่อวันหรือ 37,000 ครั้งต่อปีจะหนักหรือเบาเท่านั้น

4. ทางกรมธรณีวิทยาของรัฐบาลกลาง (U.S. Geological Survey) คาดว่าแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ริกเตอร์สเกลจะเกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ แถบรอยร้าวที่เรียกว่า Puente Hills Fault ประเมิณว่าจะมีคนตาย 2,000 คนอีก 58,000 หลังคาเรือนจะได้รับความเสียหายอยู่ไม่ได้ทางด่วนที่มีสะพานกว่า 579 แห่งจะพังเสียหายชำรุดและรวมถึงสนามบินอย่างน้อย 2 แห่งและตึกอาคารอีก 47,000 แห่งจะได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตามหากท่านยังไมได้ซื้อประกันภัยแผ่นดินไหว ควรรีบติดต่อขอซื้อกับเอเย่นต์ขายประกันภัยบ้านโดยเร็วเฉลี่ยค่าเบี้ยประกันสำหรับบ้านโดยเฉลี่ยอยู่ที่ $800 เหรียญต่อปีค่าเบี้ยประกันสำหรับผู้อยู่อาศัยในอพาร์ทเมนต์อยู่ที่ $120 เหรียญต่อปี



ผมขอนำลงบทความที่ผมเคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 มาลงให้ดูว่าผมเตือนไว้ก่อนแล้วนะ


California Earthquake Authority (C.E.A)

California Earthquake Authority (C.E.A) ซึ่งคนอเมริกันเป็นจำนวนมากอาจไม่รู้จักเป็นองค์การที่มีความสำคัญมากกับการขายอินชัวรันส์ สำหรับบ้านที่อยู่อาศัย (Residential Home)บ้านชั่วคราว (บ้านที่ไม่มีฐานมั่นคง) Mobile Home, คอนโดมีเนียมหรือแม้แต่ผู้เช่าในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหวและเป็นองค์กรที่ขายประกันประเภทนี้มากที่สุดจากจำนวนผู้ซื้อประกันอัคคีภัย 100 % มีเพียง 10 % ที่ซื้อประกันภัยแผ่นดินไหวคือประมาณ 856,000 รายที่ประกันกับ C.E.A

องค์กรนี้จัดตั้งขึ้นหลังจากปี 1994 ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ (Richter Scale) ที่เมืองNorthridge, San Fernando Valleyสั่นแค่ 10-20 วินาทีเท่านั้นแต่แรงโยกรู้สึกไปถึงลาสเวกัสเลยทีเดียวมีคนตาย 56 คนบาดเจ็บ 8,700 คนค่าเสียหายทั้งบ้านและธุรกิจเป็นเงินถึง 20 Billion (ยี่สิบพันล้านเหรียญ) สูงที่สุดของประเทศนี้ที่เคยประสบมา

ขณะนั้นมีบ้านซึ่งประกันภัยแผ่นดินไหวประมาณ 25% เท่านั้น แต่บริษัทประกันถึงกับสั่นคลอนเพราะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวนมหาศาลประมาณ 12 พันล้านเหรียญไม่คุ้มกับค่าเบี้ยประกันที่เก็บมาเลยและบอกว่าจะไม่ขายอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นในปี 1995 บริษัทประกันภัยจึงไม่ขายประกันภัยให้ลูกค้ารายใหม่อีกคนที่เคยมีประกันอยู่ก็ต้องเสียค่าเบี้ยแพงเป็นเท่าตัวเมื่อเป็นเช่นนี้มันก็มีผลกระทบกับตลาดขายบ้านซื้อบ้านเพราะหากเจ้าของบ้านหาซื้อประกันภัยบ้านไม่ได้ธนาคารก็จะไม่ให้กู้บ้านก็ขายไม่ออกรัฐบาลจึงต้องออกกฎหมายแล้วตั้ง C.E.A. ขึ้นมาเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรและบังคับให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ที่ต้องการขายประกันภัยบ้านในรัฐแคลิฟอร์เนียมาขึ้นทะเบียนแล้วต้องจ่ายค่าร่วมเป็นสมาชิกในการก่อตั้งกองทุน1 พันล้านเหรียญ (1 Billion) แรกเช่นบริษัท AllStates ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดขายประกันภัยบ้าน 25% ก็ต้องจ่าย250 ล้านเหรียญถ้าอยากจะขายประกันต่อไปในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอนุญาตให้แบ่งจ่ายได้ภายใน 5 ปี แต่บริษัทประกันส่วนใหญ่ได้จ่ายครบกันภายใน 12 เดือนเท่านั้นกฎหมายฉบับนี้นอกจากจะบังคับให้บริษัทประกันที่จ่ายค่าเข้าร่วมเป็นสมาชิกเพื่อขายประกันภัยบ้านได้แล้ว ยังต้องเป็นตัวแทนขายประกันแผ่นดินไหวเพิ่มเติมจากประกันภัยบ้านให้กับ C.E.A. ด้วยปัจจุบัน C.E.A. มีเงินกองทุนกว่า 9.7 Billion ได้เขียนประกันแผ่นดินไหวผ่านบริษัทประกันที่เป็นสมาชิกถึง 17 บริษัทใหญ่ๆทั้งนั้นเช่น AllState, Farmers, AAA, Nationwide, Mercury, Safeco, Liberty Mutual เป็นต้นขายให้กว่า 850,000 รายโดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลองค์กรนี้ซึ่งเป็นตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน (Elected Board) ดังนี้

1. ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย (Governor)

2. เหรัญญิกของรัฐ (Treasurer)

3. ผู้ดูแลบริษัทประกันภัยของรัฐ (Insurance Commissioner)

4. โฆษกสภาล่างของรัฐ (สส) (Speaker of State Assembly) ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนน (Non-Voting)

5. ประธานกรรมาธิการร่างระเบียนของสภาผู้แทนราษฎร (สว)(Chairman of Senate Rules Committee) ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนน (Non-Voting)

ถ้าปราศจากกฎหมายฉบับนี้และเงินกองทุนจากการเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทประกันภัยแล้วประชาชนก็คงจะไม่มีโอกาสซื้อประกันภัยแผ่นดินไหวซึ่งเราก็รู้กันอยู่ว่าในแคลิฟอร์เนียจะมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มาแน่ๆเพียงแต่เมื่อไหร่เวลาไหนนั้นไม่มีใครทราบแม้แต่นักธรณีวิทยาประเมินว่า62%จะเกิดแผ่นดินไหวแน่นอนที่ใหญ่กว่า 6.7 ขึ้นไปภายในปี 2003 ถึง 2032 ผมเองก็ซื้อไว้แล้วสบายใจเพราะหากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ขึ้นไปแล้วรัฐบาลก็คงจะช่วยเรามิได้มากรัฐบาลกลางก็จะประกาศเป็นเขตสภาวะฉุกเฉินทุกบ้านที่ได้รับความเสียหาย ได้รับค่าความช่วยเหลือรายละประมาณ $30,000 ต่อบ้านนอกนั้นจะให้กู้เงินดอกเบี้ยต่ำไหนจะต้องผ่อนหนี้เก่า แล้วยังมีหนี้ใหม่ ดังนั้นซื้อประกันภัยแผ่นดินไหวไว้จะดีกว่า

ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนผู้อำนวนการของ C.E.A. เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับท่านสมใจนึกเองตระกูลอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังอดีตปลัดกระทรวงการคลังอดีตอธิบดีกรมสรรพากรสรรพสามิตและกรมศุลกากรและท่านเป็นประธานบริษัททิพยประกันภัย (มหาชน) ประธานหนังสือพิมพ์สยามรัฐประธานโรงภาพยนตร์เมเจอร์และอื่นๆ อีกหลายองค์กรท่านมากับกรรมการผู้จัดการใหญ่ของทิพยประกันภัยคือคุณสมพรสืบถวิลกุลมาดูโครงสร้างของ C.E.A. เพราะบริษัทประกันภัยในประเทศไทยขณะนี้ตกอยู่ในสภาวะเหมือนของรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 1994 หลังจากแผ่นดินไหว 6.7 ที่ Northridge ซึ่งไม่มีบริษัทประกันภัยยอมขายประกันใหม่อีก ตอนนี้ที่ประเทศไทยก็ไม่มีบริษัทประกันภัยที่จะขายประกันน้ำท่วมหรือจากภัยธรรมชาติอื่นๆเช่นแผ่นดินไหวเพราะน้ำท่วมคราวนี้บริษัทประกันภัยต้องจ่ายเงินมหาศาลโดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมต่างๆถ้าไม่สามารถซื้อประกันน้ำท่วมได้รับรองเขาปิดย้ายไปประเทศอื่นแน่นอน

คุณมิเชลสตีลเห็นถึงความสำคัญอันนี้จึงอนุญาตให้ผมประสานงานและติดต่อให้คุณสมใจนึกและคุณสมพรได้ไปพบกับผู้บริหารของ C.E.A. นาย Glen Pomeroy ที่เมืองซาคราเมนโต้ท่านสมใจนึกและคุณสมพรยังได้พบกับทนายผู้เขียนกฎหมายให้ข้อมูลกับทาง C.E.A ในปี 1994 และได้รับข้อมูลของโครงสร้างต่างๆของประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการประกันลักษณะนี้อีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจำเป็นที่จะต้องดึงเอกชนบริษัทประกันภัยและธนาคารของรัฐเข้ามาร่วมจัดตั้งองค์กรประกันภัยคล้ายๆกับ C.E.A. เพื่อการขายประกันภัยสำหรับความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกในปีหน้าหรือเปล่า ผมดีใจที่มีส่วนช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องนี้และได้พาท่านชมสำนักงานใหญ่ของท่านมิเชลด้วยเพราะในสภาวะนี้ทุกๆคนที่เป็นคนไทยต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อให้ประเทศของเรากลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วประชาชนจะได้มีงานมีรายได้และที่อยู่ที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด

ฉะนั้นอย่าทำตัวแบบคำพังเพยที่ว่า “เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย”เลยนะครับ


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย
The 16 states at highest risk, according to the government, are Alaska, Arkansas, California, Hawaii, Idaho, Illinois, Kentucky, Missouri, Montana, Nevada, Oregon, South Carolina, Tennessee, Utah, Washington and Wyoming.)