Special Scoop
การวาดแผนที่เพื่อกำหนดเขตใหม่และความหมายต่อกลุ่มคนหลากหลายทางเชื้อชาติและชาติพันธุ์ในแคลิฟอร์เนีย

หลังจากหลายเดือนของการทำงานอย่างเข้มข้น คณะกรรมาธิการการกำหนดเขตใหม่ (Redistricting Commission) จำนวน 14 คนได้ทำงานมาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการลากเส้นเขตใหม่ซึ่งจะกำหนดการเป็นตัวแทนของแคลิฟอร์เนียในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมาแผนที่ฉบับใหม่ได้ถูกส่งต่อไปยังรัฐมนตรีแห่งรัฐอย่างเป็นทางการ โดยทาง Ethnic Media Service ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อแจ้งให้ทราบถึงผลกระทบของแผนที่ใหม่ต่อชุมชนหลากเชื้อชาติและแคลิฟอร์เนียได้ต่อสู้อย่างไรเพื่อให้ได้แผนที่ซึ่งเป็นธรรม โดยได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลากเส้นเพื่อวาดแผนที่ใหม่ อาทิ พอล มิชเชล, รองประธานบริษัท Political Data, Inc โจนาธาน เมธา สไตน์, ผู้อำนวยการบริหาร California Common Cause รัสเซล ยี, กรรมการกำหนดเขตใหม่แห่งแคลิฟอร์เนีย และโธมัส ไซน์, ประธานและที่ปรึกษาทั่วไปของ MALDEF มาให้ข้อมูล

พอล มิเชล ได้กล่าวถึงภาพรวมของกระบวนการกำหนดเขตใหม่ โดยเริ่มต้นจากที่มาของคณะกรรมการที่มาทำงานว่ามาทำงานภายใต้กฏหมาย Prop 11 และ 20 โดยเลือกจากใบสมัครและกระบวนการสรรหาอื่นเป็นเวลา 2 ปี กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้สังกัดพรรค แต่เป็นผู้ที่มีความสนใจในผลประโยชน์ของชุมชน โดยเฉพาะเป็นกระบอกเสียงให้กับเขตที่ทำการแบ่งใหม่นี้ โดยระหว่างการทำงานมีการทำประชาพิจารณ์เรื่องความสนใจของชุมชุนและพัฒนากระบวนการขึ้นมา

ในรัฐแคลิฟอร์เนียมีการเปลี่ยนแปลงของประชากรหลายอย่างที่มีผลต่อการสร้างเขตแดนในปี 2020 โดยพบว่าการเติบโตในลอสแอนเจลิสมีอัตราที่ต่ำลง มีการเอาข้อกำหนด section 5 ออกไป มีการเพิ่มประชากรกลุ่มลาติโนและเอเชีย มีการอยู่กระจัดกระจายกันของคนผิวดำ มีการเปลี่ยนแปลงของภายในรัฐ ที่สำคัญที่สุดในบริเวณที่เป็นใจกลางเมือง

ในระดับประเทศ กฏในการลากเส้นก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน พรรคการเมืองยังคงมีข้อต่อรองที่มากกว่า มีคณะกรรมการมากขึ้นในโครงสร้างต่างกันไป ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการลากเส้น หลายรัฐที่เป็นสนามรบทางการเมืองจะเป็นตัวตัดสินพลังอำนาจทางการเมืองในคองเกรส ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการฟ้องร้องเกี่ยวกับกระบวนการของคณะกรรมการในเรื่องที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์ของการออกเสียงเลือกตั้ง

สำหรับการลากเส้นในท้องถิ่นนั้น FAIR MAPS และกฏหมายคุ้มครองสิทธิ์ในการออกเสียงเลือกตั้งในรัฐแคลิฟอร์เนีย (CA Voting Right Act) ได้เพิ่มความสามารถในการแบ่งเขตแดนใหม่ในท้องถิ่นให้มุ่งความสนใจไปที่ชุมชนและการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไม่เป็นธรรมในอดีต โดยจะกำหนดกระบวนการหรือโครงสร้างซึ่งสนับสนุนความจำเป็นในการมีส่วนร่วมของชุมชนและสาธารณะ กฏใหม่ไม่ยอมให้ใช้ผู้ดำรงตำแหน่งหรือพวกที่สังกัดพรรคทางการเมืองมาขับเคลื่อนการสร้างเส้นเขตแดน การเปลี่ยนแปลงของกฏหมายปกป้องสิทธิ์ในการเลือกตั้งในหลายเมือง บอร์ดของโรงเรียน หรือวิทยาลัยชุมชน และเขตพิเศษอื่น ๆ จะถูกนำมาให้สำหรับการเพิ่มตัวแทน

รัฐบาลท้องถิ่นกำลังต้องการความโปร่งใสและหลายแห่งก็ได้มาทำงานร่วมกับคณะกรรมการ ฯ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการฯ ได้ทำงานในลอสแอนเจลิส ลองบีช ซานโฮเซ โอคแลนด์ เบิร์คเลย์ ร่วมกับมากกว่า 90 หน่วยงาน คณะกรรมการได้ใช้ความพยายามในการจัดทำกระบวนการ ฯ ตั้งแต่แอลเอเคาน์ตี้ซึ่งมีขนาดใหญ่ไปถึงเขตเอสคอนดิโด ชูลาวิสต้า รวมทั้งรัฐบาลท้องถิ่นแห่งอื่นซึ่งมีขนาดเล็กกว่า คณะกรรมการเปิดรับฟังความกังวลเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อย ผลประโยชน์ของชุมชน การเข้าถึงในเรื่องของภาษาและการเข้าถึงองค์กรที่ทำงานในชุมชน

มีหลายสิ่งที่เป็นเรื่องท้าทายในกระบวนการขีดเส้นแบ่งเขตใหม่ และสิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือให้แน่ใจว่าเส้นเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ความเข้มแข็งในการออกเสียงเลือกตั้งของชนกลุ่มน้อยลดน้อยลง ภายใต้กฏหมายการออกเสียงเลือกตั้งของรัฐบาลกลาง บริเวณที่เป็นชนกลุ่มน้อยแต่มีจำนวนเพิ่มเป็น 50% อาจจำเป็นต้องมี ในบริเวณที่อื่นจำเป็นจะต้องมีหลักการที่อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของชุมชนขึ้น มีการแบ่งปันการใช้โปรแกรมหรือบริการ ภาษาที่ใช้ร่วมกัน และมีความกังวลกับรัฐบาลท้องถิ่น ของรัฐและรัฐบาลกลางร่วมกัน ถึงบางชุมชน เช่น ชาวอาร์เมเนียน ชาวชาวเดียน ชาวบาสก์ และอื่น ๆ ไม่ได้ป็นส่วนของข้อมูลที่ใช้แต่พวกเขาก็ควรจะได้รับการปกป้อง

รัสเซล ยี ซึ่งเป็นกรรมการ 1 ใน 5 จากพรรครีพับลิกันซึ่งมาทำงานร่วมกับคนจากพรรคเดโมแครต 5 คน และตัวแทนอิสระอีก 4 คน กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในการลากเส้นเพื่อให้แน่ใจว่าชุมชนกลุ่มน้อยซึ่งถือว่ามีจำนวนเป็นกลุ่มใหญ่ได้สามารถรักษาสิทธิ์ในเลือกตั้งได้ และได้เสริมว่าในขณะนี้มีการนำเอาเครื่องมือทางออนไลน์ซึ่งคนสามารถลากเส้นแล้วส่งมาให้กับกรรมการได้ มีความพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างในหลายภาษา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีคนมาร่วมมือกันมาก

โธมัส ไซน์ กล่าวว่า คนลาติโนเป็น 69% ของการเติบโตของประชากร ดังนั้นจึงถือเป็น 2 ใน 3 ของผู้โหวตเลือกตั้ง หลังจากการลากเส้นใหม่ทำให้เห็นโอกาสในการที่จะมีตัวแทนในหลายบริเวณ

โจนาธาน เมธา สไตน์ กล่าวว่าจากประสบการณ์ในอดีตทำให้มีการจัดตั้งคณะผู้อภิปรายเพื่อให้ความรู้กับชุมชนโดยรวมคนจากหลายพื้นฐาน มีการประชุมกันถึง 96 ครั้ง ในการประชุมมีล่ามช่วยแปลภาษา นอกจากกลุ่มที่เป็นตัวแทนความหลากหลายของชาติพันธุ์แล้ว ยังมีกลุ่มที่เป็นตัวแทนของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ กลุ่มผู้ทุพพลภาพ ซึ่งคณะกรรมการจะต้องแน่ใจว่าการลากเส้นจะคำนึงถึงกลุ่มคนพวกนี้

“การลากเส้นเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะเป็นตัวกำหนดการเป็นตัวแทน โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งจะเข้ามาในอนาคต”


ผู้เขียน: วลัยพรรณ เกษทอง