Special Scoop
นิติธรรม จริยธรรม เมตตาธรรม กับประเพณี และวัฒนธรรมไทย

บทเรียนที่แพง และเจ็บปวดสำหรับธุรกิจคนไทยหลาย ๆ แห่งที่ได้ประสบปัญหาตลอดระยะสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา กับการถูกตรวจสอบจากรัฐบาลกลางแผนก U.S. Wage and Hour Division ซึ่งผมขออนุญาตนำข่าวประชาสัมพันธ์จากแผนกนี้ลงวันที่ 18 เมษายน 2555 ที่เตือนว่า เขาจะปฏิบัติการตรวจสอบร้านอาหารในเขตแอลเอ และเหตุผลที่ต้องทำ และการสรุปจากการจัดสัมนาที่ทางสภาหอการค้าไทย ได้จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 ถึงการป้องกัน และการทำอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมายของบ้านเมืองนี้ ผมเห็นใจและทาง คุณมิเชล ปาร์ค สตืล รองประธานกรรมการภาษืของรัฐแคลิฟอร์เนืย ก็ได้รับทราบความเดือนร้อนของพวกเราหลาย ๆ คน สภาหอการค้าไทยก็อยากจะให้ท่านที่ประสบปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ในทางธุรกิจ แจ้งให้เราได้ทราบ เราสามารถแนะนำทนายความ หาทางช่วยเหลือและแนะนำให้ได้ โทรเข้าสภาหอการค้าไทยได้ที่ 626-571-8222 แฟ็กซ์ 626-571-8224

อย่าลืมว่า กฎหมายขั้นต่ำในรัฐแคลิฟอร์เนียที่เราต้องจ่ายให้ลูกจ้างคือ $8.00 ต่อชั่วโมง และถ้าทำเกินกว่า 40 ชั่วโมงต่อหนึ่งอาทิตย์ เราต้องจ่ายค่าล่วงเวลาเท่าครึ่ง คือ $12.00/ชั่วโมง เลิกการจ่ายเหมาเป็นวัน โดยไม่คิดชั่วโมงได้แล้ว จะมาหักค่าทิปก็ไม่ได้ การเก็บหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ลูกจ้างมีสิทธิ์แจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ทุกเวลาถ้าท่านทำผิด ความเมตตา จริยธรรม ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งนายจ้างจะเอาเปรียบลูกจ้างไม่ได้ รายละเอียดอื่นๆ เช่น การพัก 5-20 นาที นายจ้างต้องจ่ายค่าแรงเขา แต่ค่าพักทานอาหาร 30 นาทีนั้น นายจ้างไม่ต้องจ่าย ดูได้จากเวปไซด์ของแผนกแรงงานที่ www.wagehour.dol.gov มีภาษาไทยด้วย

U.S. Department of Labor For Immediate Release April 18, 2012

การริเริ่มโครงการด้านการศึกษาและบังคับใช้เรื่องค่าจ้างแรงงานและชั่วโมงทำงานของกรมแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นความสำคัญไปในเรื่องของภัตตาคารร้านอาหารในลอสแอนเจลิส

เป้าหมายเพื่อเป็นการป้องกันการละเมิดสิทธิค่าแรงขั้นต่ำ การทำงานล่วงเวลา การเก็บบันทึกข้อมูลและแรงงานเด็ก

ลอสแอนเจลิส– แผนกค่าจ้างแรงงานและชั่วโมงทำงานของกรมแรงงานสหรัฐฯได้ริเริ่มโครงการการศึกษาและบังคับใช้ซึ่งเน้นความสำคัญด้านอุตสาหกรรมภัตตาคารร้านอาหารในเขตพื้นที่ลอสแอนเจลิสเพื่อเป็นการรับรองและให้ความมั่นใจเรื่อง ค่าจ้างขั้นต่ำ การทำงานล่วงเวลา การบันทึกข้อมูล และแรงงานเด็กตามกฏหมายที่ว่าด้วยเรื่องมาตรฐานแรงงาน ภายใต้การริเริ่มนี้ ทางแผนกฯ จะดำเนินการตรวจสอบภัตตาคารร้านอาหารต่าง ๆ ใน ซานเฟอนันโดวัลเลย์, ฮอลลีวูด, ฮอลลีวูดตะวันตก, ลอสแอนเจลิสตะวันตก และในพื้นที่อื่น ๆ ของลอสแอนเจลิสโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

“ลอสแอนเจลิสคือหนึ่งในสถานที่ที่มีอุตสาหกรรมด้านภัตตาคารร้านอาหารที่มากที่สุดในประเทศ และในขณะเดียวกันก็มีการจ้างแรงงานคนต่างด้าวอพยพที่ไม่ได้สัดส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ดำเนินธุรกิจอย่างผิดกฏหมาย เช่น การดูแลปฏิบัติพนักงาน และค่าจ้างแรงงานที่ไม่ยุติธรรม” กล่าวโดย Kimchi Bui ผู้อำนวยการแผนกค่าจ้างและชั่วโมงการทำงาน สำนักงานเขตลอสแอนเจลิส “วัตถุประสงค์ของเราคือ เพื่อเป็นการปกป้องคุ้มครองพนักงานโดยให้มีความมั่นใจว่าผู้ว่าจ้างจะไม่เอาเปรียบ และการปฎิบัติต่อพนักงานให้เป็นไปตามกฏหมายการจ้างงานภัตตาคารร้านอาหาร”

ในหกปีที่ผ่านมา ทางสำนักงานลอสแอนเจลิสพบว่า ร้อยละ 72 ของภัตตาคารทั้งหมดที่ได้ทำการตรวจสอบในเขตอำนาจพื้นที่กฏหมายครอบคลุมมีการล่วงละเมิด FLSA การล่วงละเมิดเหล่านั้นส่งผลให้เกิดหนี้สินขั้นต่ำที่จะต้องชำระคืนให้กับแรงงานและค่าล่วงเวลาเป็นจำนวนเงิน 2.2 ล้านเหรียญของคนงานมากกว่า 1,400 คน ในช่วงเวลาเดียวกัน กรมแรงงานได้มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนภัตตาคารมากกว่า 1,800 แห่งในแถบชายฝั่งตะวันตก และพบว่าร้อยละ 71 มีการล่วงละเมิด FLSA ส่งผลให้เกิดหนี้สินที่จะต้องชำระคืนให้กับแรงงานมากกว่า 12 ล้านเหรียญสำหรับแรงงานกว่า 9,500 คน

การจำกัดอัตรากำไรขั้นต้น – โดยเฉพาะที่มีต้นทุนต่ำ การตั้งภัตตาคารอาหารท้องถิ่น – ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้ว่าจ้างในบางพื้นที่จ้างแรงงานในอัตราที่ต่ำโดยการใช้กลวิธีหรือชั้นเชิงที่ผิดกฏหมาย การฝ่าฝืนโดยทั่วไปได้แก่การไม่ชำระค่าจ้างเต็มเวลา ให้คนงานทำงาน “แบบไม่มีเวลาหยุดพัก” และให้พนักงานทำงานเกินเวลาแต่ไม่จ่ายค่าล่วงเวลา การล่วงละเมิดอื่นๆได้แก่การให้เงินเดือนแบบอัตราคงที่โดยไม่มีการคำนึงถึงการทำงานล่วงเวลา เช่นเดียวกันกับการจ่ายค่าจ้างด้วยเงินสด “แบบไม่ลงบัญชี” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการนำไปสู่การฉ้อโกงลูกจ้างแล้วแต่ยังเป็นการทุจริตเรื่องค่าแรงขั้นต่ำและการจ่ายชดเชยการทำงานล่วงเวลาและหนีภาษีอีกด้วย ซึ่งมีการหักจากคนงานแบบไม่ถูกกฏหมาย’ การหักค่าเครื่องแบบสำหรับทำงาน, เงินค่าทำอุปกรณ์แตกหักเสียหายหรือชำรุด, ลูกค้าไม่จ่ายเงินค่าบริการ (ไม่จ่ายค่าอาหาร) และในกรณีเงินขาด

นอกจากนี้ ในระหว่างการตรวจสอบที่ผ่านมายังพบว่าการล่วงละเมิดเรื่องแรงงานเด็กซึ่งประกอบด้วยการอนุญาตให้ผู้เยาว์ทำงานกับเครื่องมือที่เป็นอันตรายเช่น เครื่องหั่นเนื้อและเครื่องตีแป้ง

ผู้ตรวจสอบจะติดตามให้มีการปฏิบัติที่ถูกต้องเมื่อพบว่ามีการล่วงละเมิดเกิดขึ้น รวมถึงการรวบรวมและการชำระค่าจ้างย้อนหลัง การประเมินเรื่องกฏหมายแพ่งว่าด้วยบทลงโทษทางการเงินและค่าเสียหายหรือเบี้ยปรับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ข้อมูลการตรวจสอบที่ถูกจัดทำขึ้นแล้วจะรวมอยู่ในฐานข้อมูลที่บังคับใช้ของกรมฯ ซึ่งสามารถหาดูได้ทางออนไลน์ที่ http://ogesdw.dol.gov และสามารถเข้าไปที่ข้อมูลได้โดยผ่านทางแอบพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟน “Eat Shop Sleep” ซึ่งอยู่ที่เว็บเพจแอพของกรมแรงงาน, http://www.dol.gov/dol/apps/winners.htm ผู้บริโภค พนักงานและสมาชิกคนอื่นๆสามารถใช้แอพนี้เพื่อศึกษาหรือเรียนรู้หาก ภัตตาคารร้านอาหาร โรงแรม หรือร้านค้าปลีกถูกตรรวจสอบโดยกรมและไม่ว่าจะพบการล่วงละเมิด FLSA หรือไม่ เป็นการกระตุ้นหน่วยธุรกิจให้ปฏิบัติตามกฏหมายและมีบันทึกที่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้

การกระตุ้นยังเป็นการดึงเอากลุ่มผู้สนับสนุนคนงานหลักๆและองค์การนายจ้างให้มารวมตัวกันและช่วยกันแบ่งปันข้อมูลการช่วยเหลือของ FLSA กับคนงานและนายจ้างและยังเป็นการป้องกันความร่วมมือในการส่งเสริมอุตสาหกรรมในระดับกิจการสาขาและความโปร่งใสในการทำงาน เพิ่มเติมจากนี้คือเป็นการช่วยระบุว่านายจ้างปฏิบัติตามการจ้างแรงงานเด็กหรือไม่ กรมจะให้เครื่องมือประเมินตนเองแก่ภัตตาคารร้านอาหาร แบบสำรวจออนไลน์แบบลับเฉพาะซึ่งเข้าไปดูได้ที่ http://www.youthrules.dol.gov/selfassess_restaurant.htm.

FLSA กำหนดให้พนักงานได้รับความคุ้มครอง โดยไม่มีการยกเว้นในการได้รับค่าจ้างขั้นต่ำจำนวน $7.25 สำหรับชั่วโมงทำงานทั้งหมดบวกหนึ่งอัตราครึ่งตามอัตราปกติสำหรับชั่วโมงทำงานที่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดห์ กำหนดให้นายจ้างที่ให้รางวัลตอบแทนพิเศษแก่พนักงานที่จำนวนไม่น้อยกว่า $2.13 ต่อชั่วโมงในค่าจ้างโดยตรงที่ได้ซึ่งยอดรวมบวกกับเงินพิเศษแล้วจะต้องได้ค่าจ้างขั้นต่ำคือ $7.25 ต่อชั่วโมง ถ้าเงินพิเศษของพนักงานรวมกับเงินค่าจ้างโดยตรงจากนายจ้างไม่เท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำนายจ้างจะต้องจ่ายส่วนต่าง และยังบังคับให้นายจ้างประกาศให้พนักงานทราบถึงเรื่องข้อกำหนดเครดิตเงินรางวัลพิเศษของ FLSA ด้วยและเพื่อคงไว้ซึ่งบันทึกการจ่ายเงินเดือนที่ตรงและถูกต้องเช่นเดียวกันกับการปฏิบัติตามข้อจำกัดชั่วโมงและอาชีพที่เป็นอันตรายสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FLSA, โทรหาแผนกการจ้างงานและชั่วโมงทำงานที่สายให้ความช่วยเหลือแบบโทรฟรีที่ 866-4US-WAGE (487-9243) หรือสำนักงานลอสแอนเจลิสที่ 213-894-6375 และยังหาข้อมูลได้ที่ http://www.dol.gov/whd.

สรุปผลการสัมมนากฎหมายแรงงานและกฎหมายคนพิการ Americans with Disabilities Act “ADA”วันอังคารที่ 8 พย 2011

เมื่อวันอังคารที่8 พย 2011 ที่ผ่านมาเวลา 14-16.00 น.ที่ Lincoln Plaza Hotelมอนเทอเรย์ พาร์ค ชั้น 2สภาหอการค้าไทยฯ โดยการประสานงานผ่าน สนง.ของคุณมิเชล ปาร์ค สตีล เพื่อช่วยติดต่อทนายความ จากสมาคมทนายความของชุมชนเกาหลี3 ท่าน คือ 1.คุณ Dana Moon ทนายความจากสมาคมเพื่อชุมชนของเกาหลีที่มีความชำนาญในเรื่องกฎหมายแรงงาน เป็นตัวแทนในการไกล่เกลี่ย (Arbitrator)ของ LA County Superior Court และ LA County Bar Association2. คุณ Jeff E. Dorsett ทนายความ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ADA Lawsuitsและ 3.คุณ Yung Kao, Certified Access Specialist ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ADAเพื่อมาบรรยายและถามตอบปัญหาให้กับสมาชิก

ผลปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับจากสมาชิกอย่างดีมาก มีสมาชิกและผู้สนใจมาเข้าร่วมประชุมประมาณ 60 ท่าน ทุกคนได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกม.แรงงานและการจัดสถานที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อรองรับคนพิการ

สรุปการบรรยายของคุณเจฟ ดอร์เสท และคุณ ยุงเกาในส่วนของการจัดสถานที่เพื่อรองรับคนพิการ เจฟกล่าวว่าคนพิการบางคน ฟ้องร้องในเรื่องนี้เป็นพันคดี ซึ่งโจทย์และทนายที่ดำเนินคดีเหล่านี้ สามารถทำเงินได้เป็นหลายล้านทีเดียว เพราะฉะนั้นเจ้าของธุรกิจจะประมาทไม่ได้ อย่างเช่น ในเรื่องของการวางถังขยะ หรือกล่องเปล่าต่างๆ ที่อาจกีดขวางทางเข้า- ออก ส่วนเรื่องของสัตว์นำทางสำหรับช่วยเหลือคนพิการ เราก็ต้องอนุญาตให้เขานำสัตว์เหล่านั้น เข้ามาในร้านอาหาร และห้ามไปจับเขานั่งแยกต่างหาก รวมถึงห้ามถามเขาว่า มีความพิการประเภทไหน

ส่วนการบรรยายเกี่ยวกับข้อพิพาทแรงงาน คุณดาน่า กล่าวว่า กรมแรงงานสามารถเข้ามาสอบสวนในร้านของท่านได้ จากเหตุผลหลัก 4 อย่างคือ


1. ได้รับการรายงานจากลูกจ้างคนปัจจุบันหรือลูกจ้างเก่า
2. จากการพบปะติดต่อเป็นครั้งแรก
3. จากนโยบายของหน่วยงานนั้นๆ

4. เพื่อแก้ไขการล่วงละเมิดที่เคยเกิดขึ้นแล้ว
สาเหตุหลักๆที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ถูกฟ้องร้องเรื่องค่าจ้างมีดังนี้
1. แรงงานขั้นต่ำ
2. การจ่ายค่าล่วงเวลา
3. การยกเว้น(Exemption)
4. เวลาพักทานอาหาร

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น คุณดาน่ายกตัวอย่างการคำนวนค่าจ้าง ย้อนหลัง จากตัวอย่างดังนี้

ลูกจ้างออกจากงานในวันที่ 3 พค 11และได้เรียกร้องค่าล่วงเวลา 6 ชม.ต่อสัปดาห์ย้อนหลังไป 4 ปี พร้อมกับเวลาพักกลางวันที่ไม่เพียงพอ ขอแสดงวิธีคำนวณดังนี้ 8 ชม.x$10= $80 ต่อวัน บวกค่าล่วงเวลาย้อนหลัง 4 ปี 1248 ชม.x $15=$18,720 อย่าลืมค่าพักกลางวัน 1 ชม. ต่อวัน=$10,400 สรุปเป็นเงิน 29,120 พร้อมดอกเบี้ย 10% $2,912 บวกค่าปรับระหว่างรอ $2,400 บวก wage statement violation อีก $4,000....ดังนั้นสรุปยอดรวมทั้งหมดเป็นเงิน $38,432แถมยังต้องจ่ายค่าทนายให้ลูกจ้างด้วย

หากมีกรณีข้อพิพาทแรงงานดังกล่าวเกิดขึ้น คุณดาน่าแนะนำว่า มี12 ขั้นตอนที่นายจ้างพึงกระทำ


1. รีบตรวจดูตารางบันทึกเวลาของลูกจ้าง
2. กลับไปตรวจดู Payroll
3. หารือกับลูกจ้าง
4. จดบันทึกข้อผิดพลาดและการแก้ไข
5. ทบทวนนโยบายฝ่ายบุคคลฉบับล่าสุด
6. หากไม่ได้ลงบันทึกทุกอย่างอย่างถูกต้องควรปรึกษาทนาย
7. ปฏิบัติกับผู้ตรวจสอบอย่างสุภาพ
8. อาจขอเลื่อนเวลา
9. อย่าเปิดเผยข้อมูลใดๆให้กับผู้ตรวจสอบ
10. ควรสัมภาษณ์ที่ร้านอาหาร
11. เมื่อค้นพบข้อเรียกร้องที่มีอยู่
12. แล้วจึงโต้แย้งข้อกล่าวหานั้น

การเลือกปฏิบัติในการจ้างแรงงานก็ถือว่าผิดกฎหมาย เช่น กีดกันเรื่องอายุ เพศ สถานภาพการสมรส แผนการตั้งครรภ์ เชื้อชาติ หรือความพิการ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงคำถามในลักษณะนี้ด้วย และสิ่งสำคัญ

อีกอย่างที่นายจ้างควรจำไว้ก็คือ หากมีการ Audit เรื่องค่าจ้าง หรือเรื่องใดๆ ในระหว่างสอบสวนห้ามไล่ลูกจ้างคนนั้นออกเด็ดขาด


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย