Special Scoop
สดุดีวีรบุรุษแอลเอเชอรีฟลีบาก้า

“สิ่งที่คิดว่าแน่นอนคือความไม่แน่นอน”

เป็นสัจธรรมที่ผมต้องเชื่อเพราะไม่เคยคิดว่าเชอรีฟลีบาก้าของแอลเอเค้าน์ตี้อยู่ๆก็ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่7ม.ค. ที่ผ่านมาว่าจะลาออกและเกษียณในสิ้นเดือนมกราคมนี้โดยผู้ใกล้ชิดไม่มีใครรู้ล่วงหน้ามาก่อนผมยังมีกำหนดการจัดหาทุนให้ท่านในเดือนหน้าอยู่เลยทั้งผู้จัดการหาเสียง (Campaign Manager)ก็ไม่รู้

ท่านให้เหตุผลหลักว่าเรื่องต่างๆที่กระหน่ำการเป็นผู้นำของท่านในสำนักงานเชอรีฟมาอย่างต่อเนื่อง เช่นผู้ช่วยเชอรีฟ18คนที่ถูกFBIตั้งข้อหาคดีร้ายแรงทำร้ายร่างกายต่อผู้ถูกคุมขัง และผู้มาขอเยี่ยม การรับคนเข้าเป็นผู้ช่วยเชอรีฟ (Deputy) ที่มีการใช้เส้นสายในกรณีพิเศษก็ดี (Friends of the Sheriff(FOS))การรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โอนมาจากแผนกอื่นของเค้าน์ตี้80คนมาเป็นผู้ช่วยเชอรีฟที่มีประวัติที่ไม่ขาวสะอาดเป็นเหตุผลที่เชอรีฟบอกว่าท่านไม่สามารถที่จะให้ผู้ช่วยเชอรีฟและเจ้าหน้าที่ธุรการกว่า18,000คนและผู้ช่วยเชอรีฟสำรองอีกกว่า900คนต้องมาทนต่อการถูกใส่ร้ายป้ายสีของผู้สมัครที่จะมาลงแข่งหลายๆคนต่อองค์กรของท่านได้โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมจนถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเชอรีฟคนใหม่ในเดือนมิถุนายน2557ได้ท่านจึงยอมเสียสละลาออกจากตำแหน่งเพื่อหวังว่าผู้สมัครหลายๆคนจะหยุดโจมตีท่านแล้วโยงมาถึงองค์กรเชอรีฟที่ท่านรักและทำงานมากว่า 48 ปีตั้งแต่เป็นผู้ช่วยเชอรีฟตอนอายุ 23 ปีและเป็นเชอรีฟมา 15 ปีจนปัจจุบันอายุ 71 ปีแล้ว

ผู้บัญชาการตำรวจ LAPD, Charlie Beck บอกว่าเชอรีฟบาก้าเป็นทั้งเพื่อนและครูของท่านบางครั้งการเสียสละกับตำแหน่งเพื่อรักษาชื่อเสียงและศักดิ์ศรีขององค์กรยอมอยู่เหนือผลประโยชน์ของตนเองท่าน Beckนับถือเชอรีฟบาก้าในความกล้าหาญที่ตัดสินใจเกษียณในครั้งนี้โดยบอกว่า “Baca is a great Sheriff” “เป็นเชอรีฟที่ยิ่งใหญ่”ทั้งๆที่โพลต่างๆบ่งบอกว่าถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีในการเป็นผู้นำของ ส.น.ง.เชอรีฟเชอรีฟบาก้าก็ยังจะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกในสมัยที่5อย่างไม่ต้องสงสัย

ผมเป็นลูกน้องท่านเป็นผู้ช่วยเชอรีฟมา 13 ปีตั้งแต่เรียนจบในปี2001รู้จักท่านและเราพบกันในงานสังคมต่างๆที่คุณมิเชลไปร่วมด้วยท่านให้ความกรุณาต่อชุมชนไทยเปิดโอกาสให้ผมพาตำรวจไทยเยี่ยมชมการทำงานของหน่วยต่างๆให้ผมทำเทปการเตรียมพร้อมกับภัยพิบัติต่างๆรวมกับสถานกงสุลไทยให้นักข่าวสัมภาษณ์อย่างเป็นกันเองเข้าร่วมงานสงกรานต์ของเราร่วมขบวนพาเหรดหลายปีจัดตั้งคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาไทย-อเมริกันเชอรีฟเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2010 โดยมีพี่สมหมาย ปัทมคันธิน เป็นประธาน

เชอรีฟบาก้าทำหน้าที่ผู้นำของผู้ช่วยเชอรีฟกว่า 10,000 คนพนักงานธุรการอีก 8,000 คนผู้ช่วยเชอรีฟสำรองอีก 900 กว่าคนในการดูแลรักษาความสงบให้ประชาชนในแอลเอเค้าน์ตี้กว่า 4 ล้านคนดูแล 42 เมืองและ140 ชุมชน (42 Incorporated Cities and 140 Unincorporated Communities) ดูแล10 มหาวิทยาลัยดูแลผู้โดยสารที่ใช้ขนส่งมวลชนรวมถึงรถไฟฟ้าวันละ10 ล้านคน (Metropolitan Transportation Authority and Metro line) ดูแล 42 ศาล (Superior Courts) และดูแลเรือนจำของเค้าน์ตี้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนี้ (Local Jail System) ที่มีผู้ต้องขังอยู่ถึง 20,000 คนซึ่งมีถึง 6 แห่งด้วยงบประมาณที่เค้าน์ตี้จัดสรรให้ถึง 2.7 พันล้านเหรียญต่อปี (2.7 Billion)

ผลงานอื่นๆโดยสังเขปตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ดูแลสานักงานเชอรีฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้มีดังต่อไปนี้

1. เริ่มจากการเปลี่ยนความคิดในการทำงานของผู้ช่วยเชอรีฟ โดยเปลียนคำสัตย์ปฏิญาณตนของให้กับตำรวจเชอรีฟทุกนายเมื่อเริ่มเข้าทำงานผู้ช่วยเชอรีฟทุกนายจะต้องท่องและสาบานตนแล้วนำไปปฎิบัติอย่างเคร่งครัดคือ Core Values

“As a leader in the Los Angeles County Sheriff's Department, I commit myself to honorably perform my duties with respect for the dignity of all people, integrity to do right and fight wrongs, wisdom to apply common sense and fairness in all I do, and courage to stand against racism, sexism, anti-Semitism, homophobia and bigotry in all its forms.”

แปลได้ว่า

ในการเป็นผู้นำในลอสแองเจลิสเค้าน์ตี้เชอรีฟดีพาร์ทเมนท์ข้าพเจ้าของปฏิญาณตนว่าข้าฯจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยเคารพสิทธิของประชาชนทุกคน ด้วยความซื้อสัตย์สุจริตในการทำในสิ่งที่ถูกที่ควรและจะต่อสู้กับสิ่งที่ผิดโดยใช้ปฏิญาณสามัญสำนึกและให้ความยุติธรรมในทุกสิ่งที่ข้าฯปฏิบัติข้าฯจะกล้าหาญที่จะยืนหยัดต่อสู้ต่อการกระทำที่เป็นการล่วงเกินสิทธิในเผ่าพันธุ์โดยรวมถึงการล่วงเกินทางเพศคนที่เป็นเกย์และเลสเบี้ยนคนยิวและการเหยียดผิวของกลุ่มอื่นๆในทุกรูปแบบ

2. เปลี่ยนจุดมุ่งหมายขององค์กรเชอรีฟ (LASD’s Mission)

Lead the fight to prevent crime and injustice. Enforce the law fairly and defend the rights of all, including the incarcerated. Partner with the people we serve to secure and promote safety in our communities.

แปลได้ว่า

เราจะเป็นผู้นำในการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมและความไม่ยุติธรรมทั้งปวงเราจะรักษากฎหมายอย่างเท่าเทียมกันและจะปกป้องสิทธิของประชาชนทุกคนเราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนที่เราได้อาสามารับใช้เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกปลอดภัยในทุกชุมชนของเรา

3. ส่งเสริมสนับสนุนผู้ช่วยเชอรีฟทุกนายได้ศึกษาในระดับปริญญาตรีและโทโดยเชิญ6มหาวิทยาลัยมาใช้สถานที่ของส.น.ง. เชอรีฟหรือสาขาทำการสอนและให้ทางมหาวิทยาลัยลดค่าเล่าเรียนให้กับเชอรีฟทุกระดับได้มีโอกาศศึกษาพัฒนาตัวเองทำให้มีผู้ช่วยเชอรีฟจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีและโทกว่า3,000นาย

4. จัดหลักสูตรของโรงเรียนเชอรีฟ สอนให้เป็นผู้นำที่ดีให้ผู้ช่วยเชอรีฟทุกนายได้เข้ารับการอบรมเรียกว่าDeputy Sheriff Leadership Institute

5. เป็นผู้นำในการตั้งหน่วยพิเศษดูแลด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ในรถวิทยุสายตรวจและการติดตามสืบสวนคดีที่เกิดจากการใช้โซเชียลมีเดีย (Cyber Crime)

6. จัดตั้งส.น.ง. ตรวจสอบการทำงานของสำนักงานเชอรีฟโดยคณะกรรมาธิการชุดนี้มี6ท่านเป็นทนายความที่เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะ(Civil Right Attorneys) เรียกว่าOffice of Independent Review (OIR)

7. จัดตั้งคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาจาก32ชุมชนซึ่งรวมถึงชุมชนไทยด้วยเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ชุมชนบอกผ่านให้เชอรีฟได้ทราบถึงปัญหาของชุมชนนั้นเพื่อหาทางช่วยเหลือได้โดยฉับพลันกลับเป็นการสื่อสัมพันธ์ให้กับชุมชนให้ทราบถึงปัญหาอาชญกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นได้ทราบโดยทั่วถึงกัน (Sheriff’s Advisory Council)

8. จัดการอบรมผู้ต้องขังในเรือนจำให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือจนจบระดับไฮสกูลหรือเรียนวิชาชีพต่างๆติดตัวเมื่อพ้นโทษจะได้มีงานทำกลับตัวเป็นพลเมืองที่ดีของชุมชนได้เรียกโปรแกรมนี้ว่าMaximizing Education Reaching Individual Transformation (MERIT)ซึ่งมีผู้ต้องขังได้จบการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

9. สนับสนุนให้เยาวชนหรือผู้ใหญ่ที่อยากจะเข้ามาเรียนรู้ถึงวิชาชีพตำรวจเชอรีฟซึ่งปัจจุบันมีตำรวจเชอรีฟสำรองReserveกว่า900นายและเยาวชนอายุต่ำกว่า18ในโปรแกรมExplorer ในทุกสถานี

ท่านเชื่อมั่นว่าไม่มีงานอะไรที่ใหญ่เกินไปและไม่มีความรับผิดชอบอะไรที่เล็กเกินไป

“NO JOB IS TOO BIG AND NO RESPONSIBILITY IS TOO SMALL”

ผมขอสดุดีในการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของเชอรีฟในครั้งนี้เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสำนักงานเชอรีฟซึ่งเป็นสถาบันเก่าแก่ตั้งมาตั้งแต่ค.ศ. 1850 ผมเชื่อมั่นว่าขวัญและกำลังใจของผู้ช่วยเชอรีฟทุกคนจะดีขึ้นขอขอบพระคุณท่านเชอรีฟบาก้าด้วยความนับถือจากใจจริงขอให้ท่านประสบแต่สิ่งดีๆหลังจากนี้ ท่านเป็นลูกหม้อที่เป็นเชอรีฟมานานกว่าเชอรีฟทุกนาย 48 ปี วิ่งมากว่า 70,000ไมล์ ในระยะเวลา 35 ปี ซึ้งเป็นหนึ่งเดียวที่เราคงจะหาคนแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย