Special Scoop
เรื่องของวีซ่าคู่หมั้น (K-1)

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉบับที่แล้วเขียนทิ้งท้ายเอาไว้รึเปล่าถึงเรื่องการเปลี่ยนสถานะวีซ่าอันเนื่องมาจากความรัก ฉบับนี้เลยรู้สึกอยากจะอธิบายให้คุณได้อ่านเพิ่มเติมถึงเรื่องของวีซ่าคู่หมั้นค่ะ (K-1 Visa) และแน่นอนว่าเนื้อหาสาระสำคัญที่คุณกำลังจะได้อ่าน ดิฉันก็แปลสรุปเอามาอีกทีหนึ่งจากคุณทนายความที่ดิฉันรบกวนขอให้เขียนอธิบายมาเพื่อสามารถถ่ายทอดให้คุณได้อ่านเข้าใจกันด้วยภาษาง่ายๆค่ะ ครั้นจะให้สรุปความ นั่งเทียนเขียนเอาเอง ดิฉันคงจะไม่สามารถทำได้แน่ๆเลยค่ะ

คำถามแรกที่ถูกตั้งขึ้นมาก่อนเข้าเรื่องก็คือ บุคคลที่มีสัญชาติอเมริกันนั้นจะทำอย่างไรเพื่อที่จะสามารถนำพาคนรัก คู่หมั้นคู่หมายของตนเข้ามาในสหรัฐฯและเพื่อสนับสนุน (Sponsoring) คนรัก/คู่หมั้นให้ได้รับใบเขียว วีซ่าแบบถาวรเพื่อพำนักอาศัยอยู่ได้ด้วยกันตามสิทธิ์ที่ถูกต้องต่อไป

กรณีเริ่มแรกนี้ขอยกตัวอย่างเอาจากกรณีที่บุคคลสัญชาติอเมริกันมีความต้องการอยากนำคนรักจากประเทศไทยเข้ามาที่สหรัฐฯ ก็แล้วกันก็นะคะ ก่อนอื่นเลยคือบุคคลที่เป็นคู่หมั้นจะสามารถทำเรื่องร้องขอวีซ่าคู่หมั้นได้ตั้งแต่ที่เมืองไทยค่ะ และเมื่อภายหลังเดินทางเข้ามาได้แล้วในสหรัฐฯ จึงจะต้องรายงานให้หน่วยงานรัฐฯ ทราบว่าได้จัดการแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายใน 90วัน นับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศค่ะ ทั้งนี้วีซ่าคู่หมั้นไม่ถือเป็นวีซ่าแบบถาวรเพื่อการย้ายถิ่นฐาน(Non-Immigrant Visa) หรอกนะคะ แต่วีซ่าประเภทนี้สำหรับสถานฑูตสหรัฐฯ แล้ว จะให้มีความรัดกุมและกฎระเบียบเทียบเท่ากันกับวีซ่าเพื่อการย้ายถิ่นฐานค่ะ (Immigrant Visa)


ขั้นตอนในการทำเรื่องขอวีซ่าคู่หมั้นมี 2 ขั้นตอนสรุปได้ดังนี้ค่ะ

1. ผู้ยื่นเรื่อง (Petitioner) จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติอเมริกันนะคะ และต้องกรอกแบบฟอร์ม I-129F ให้เรียบร้อย พร้อมส่งคืนให้กับหน่วยงาน USCIS (United States Citizenships and Immigration Services) เวลาดำเนินการในส่วนนี้จะใช้เวลาประมาณ 3-4เดือนค่ะ

2. หลังจากที่กระบวนการข้างต้นได้รับการตอบรับผ่านแล้ว (Approved) จาก USCIS คู่หมั้นที่เมืองไทยต้องเริ่มดำเนินการยื่นเรื่องเพื่อขอรับวีซ่าคู่หมั้นจากสถานฑูตสหรัฐฯด้วยการยื่นเรื่องสมัครขอวันเพื่อการนัดสัมภาษณ์ค่ะ ในส่วนนี้ทางสถานฑูตฯ จะมีการขอเอกสารเพิ่มเติมรวมถึงที่คู่หมั้นนั้นต้องยื่นใบแสดงผลการตรวจสุขภาพและใบรับรองจากกรมตำรวจถึงประวัติในทางกฎหมาย (Police Clearance) ของตนเองด้วยค่ะ

ข้อมูลหลักฐานอันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทางสถานฑูตสหรัฐฯ จะตัดสินใจมอบวีซ่าคู่หมั้นให้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่คุณจะต้องเตรียมแสดงให้เจ้าหน้าที่ได้เห็นหรือได้ทราบว่าผู้ร้องขอที่มีสัญชาติอเมริกันกับคู่หมั้นที่อยู่ในไทยนั้นเคยได้พบกันจริง (ไม่ใช่แค่ทางอินเตอร์เนทหรือแค่ส่งผ่านข้อความกันนะคะ ต้องเจอกันแบบตัวต่อตัวค่ะ) ภายในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องที่จะต้องคำนึงถึงอีกเรื่องก็คือเมื่อคู่หมั้นเดินทางเข้ามาถึงสหรัฐฯ แล้ว คุณต้องดำเนินการแต่งงานกันให้ถูกต้องตามกฎหมายภายใน 90วันอย่างที่เขียนบอกไว้ในตอนต้นค่ะ (ดิฉันแอบคิดว่า สำหรับผู้หญิงแล้ว ตรงส่วนนี้น่าจะสนุกและมีความสุขที่จะได้เร่งดำเนินงานมากที่สุดนะคะ) หลังจากแต่งงานและไฟล์เอกสารเรียบร้อยแล้วกับทางรัฐฯ ลำดับต่อไปก็คือการเปลี่ยนแปลงสถานะวีซ่าเพื่อให้ได้รับใบเขียวค่ะ แบบฟอร์มเพื่อเปลี่ยนสถานะก็คือ I-485 ค่ะ *ทุกๆแบบฟอร์มที่ดิฉันได้กล่าวถึงไปหรือที่คุณอยากค้นคว้าด้วยตนเองเกี่ยวกับการเข้าเมือง พลเมืองและวีซ่า คุณเข้าไปเลือกหาเอาได้เลยค่ะที่เว็บไซต์ http://www.uscis.gov/forms

* วีซ่าคู่หมั้นเป็นหนึ่งในวีซ่าประเภทที่ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะได้ค่ะ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนใจภายในช่วง 90วันอันตราย แล้วการแต่งงานไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ผู้ที่ถือวีซ่าคู่หมั้นต้องเซย์บายแล้วเดินทางกลับประเทศไทยทันทีค่ะ หากจะถือโอกาสขอเที่ยวช้อปปิ้งซะก่อน แล้วเผื่อบังเอิญเจอกับคนใหม่ อันนี้ดิฉันไม่สามารถให้คำปรึกษาใดๆได้ นอกจากแนะนำให้คุณกลับซะก่อนแล้วค่อยดำเนินเรื่องใหม่ค่ะ

ฉบับหน้าดิฉันยังคิดไม่ออกเลยนะคะว่าจะนำเรื่องอะไรมาเล่าให้คุณได้อ่านกันดี คิดว่าคงจะขอให้คุณทนายเซอร์ไพร้สคุณผู้อ่านดีกว่าค่ะ อ้อ.. แล้วสำหรับคุณๆที่สงสัยอยากทราบรายละเอียดข้อมูลของทนายที่ดิฉันทำงานอยู่ด้วยว่ามีความถนัดเรื่องไหนเป็นพิเศษ หรือประสบการณ์เป็นอย่างไร ส่งอีเมลเข้ามาถามได้ค่ะที่ ployn@kolawoffice.comหรือทางโทรศัพท์ (323)518-2746 พบกันฉบับหน้านะคะ