Special Scoop



เรียนรู้พัฒนาเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตที่สดใส

ระยะนี้ผมได้รับการติดต่อจากคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่อยากจะให้ผมแนะนำลูกหลานในการเข้าสมัครงานโดยเฉพาะกับหน่วยงานของรัฐบาลที่ผมทำงานอยู่ทั้งกรมสรรพากร/สรรพสามิตของรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งก็ทำมาเป็นปีที่ 29 แล้วก็พอจะมีประสบการณ์ในการเป็นกรรมการสรรหา(Panel) ในการคัดเลือกบุคลากรในการเข้าทำงานและการที่ได้ทำงานเป็นตำรวจเชอรีฟสำรองเป็นเวลา 13 ปีและหนึ่งในหน้าที่คือการสนับสนุนคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเพื่อเป็นตัวแทนของชุมชนให้มาสมัครเป็นตำรวจเชอรีฟและกรมสรรพากร/สรรพสามิต (Recruitment) ด้วยจึงพอจะรู้เคล็ดลับว่านายจ้างเหล่านี้ต้องการคนแบบไหนที่จะเข้ามาทำงานในหน่วยเหล่านี้

จึงขอบอกเล่าเป็นวิทยาทานเพื่อจะได้บอกเล่าต่อกันไปเพราะผมเชื่อมั่นว่าการเตรียมความพร้อมอย่างดีเราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วและต้องเข้าใจว่าคนที่ต้องการงานเดียวกับเรานั้นมีเป็นจำนวนนับร้อยและพันผมยังจำได้เลยวันแรกที่ได้เข้าไปฟังการอบรมเป็นตำรวจหลังจากสอบผ่านกระบวนการสรรหาของทางเชอรีฟที่ยากลำบากและใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถและคุณสมบัติเกือบปีครูฝึกเขาบอกว่าเก้าอี้ที่พวกคุณนั่งอยู่นี้ มีคนอีกหลายร้อยคนที่อยากจะมานั่งถือว่าพวกคุณได้ผ่านด่านแรกแล้วเป็นด่านที่ง่ายที่สุดและขอแสดงความยินดีด้วยที่พวกคุณสามารถชนะใจกรรมการมาได้คุณมีโอกาสมาเรียนมาฝึกที่โรงเรียนที่ดีที่สุดของตำรวจเชอรีฟในประเทศนี้ซึ่งมีมาตรฐานสูงก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1850 เป็นกำลังพลที่ทรงเกียรติของเราฟังแล้วน่าภูมิใจทำให้เรามีกำลังใจต้องศึกษาและทำตัวให้ดีที่สุดตลอดระยะเวลา 21 สัปดาห์ในการฝึกอบรมเป็นตำรวจเชอรีฟ

ส่วนเหตุผลที่คนส่วนใหญ่อยากจะเข้าทำงานกับหน่วยงานรัฐบาลก็คงมีดังนี้:

1. เป็นงานที่มั่นคงโดยเฉพาะในหน่วยงานที่ดูแลในการจัดเก็บภาษีนั้นเราไม่เคยปลดพนักงานออก (No Lay-Off) ยิ่งถ้าเศรษฐกิจไม่ดีเรากลับจะรับคนเพิ่มในการช่วยเก็บภาษีเข้ารัฐเช่นเดียวกับงานของตำรวจเราต้องการเสริมกำลังพลอยู่ตลอดเพราะทุกๆเดือนก็มีคนเกษียณออกไปโดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำโจรผู้ร้ายชุกชุม ทางการก็อยากเพิ่มกำลังพลถ้ามีงบประมาณ

2. มีเงินเดือนดีมีความก้าวหน้าและมีโอกาสขยับขึ้นในตำแหน่งสูงขึ้นในองค์กรเช่นตำแหน่งขั้นต้นของกรมสรรพากรในระดับปริญญาตรี(Business Tax Representatives or Auditors, etc.)เริ่มต้นที่ $3,106 ถึง $4,670 ต่อเดือน

ตำแหน่งตำรวจเชอรีฟฝึกหัด (Deputy Sheriff Trainee) เริ่มที่ $4,796.28 ถึง $5,958.46 ต่อเดือนอายุในวันสมัครต้องไม่ต่ำกว่า 19 ½ ปีแต่ต้องครบ 20 ปีบริบูรณ์หรือมากกว่าในวันที่เข้ารับตำแหน่ง (At least 20 years of age at the time of appointment) จบแค่ไฮสคูลเท่านั้นแต่ถ้ามีปริญญาก็จะได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือน และต้องเป็น U.S Citizen หรือหากมีใบเขียวต้องอยู่ในระหว่างการสมัครเป็นพลเมืองคนอเมริกันอยู่ก็ได้รวมกับคุณสมบัติอื่นๆที่กำหนดไว้

3. มีสวัสดิการดีองค์กรมีประกันสุขภาพรวมทั้งสายตาฟันให้ภรรยาหรือสามีและลูกๆ

4. มีบำเหน็จบำนาญดีเกษียณอายุเริ่มที่อายุ 50 ปี

5. มีวันหยุดราชการปีละ 11 วันนอกเหนือจากวันหยุดธรรมดา (เสาร์-อาทิตย์)

6. มีพักร้อนลาป่วยหลังจากทำงานได้6เดือน

และสิทธิพิเศษอื่นๆอีกมากที่บริษัทเอกชนอาจจะให้ไม่ได้

ฉะนั้นเราจะเตรียมความพร้อมของเราอย่างไรก่อนที่จะเข้าสอบข้อเขียนสัมภาษณ์ขอแนะนำดังนี้:

1. เราต้องศึกษาองค์กรและตำแหน่งที่เราจะไปสมัครว่าเรามีความรู้ความสามารถครบตามที่องค์กรนั้นประกาศไว้หรือเปล่าให้ศึกษา Job Details (รายละเอียดของงาน) และ Position Description (รายละเอียดของตำแหน่ง) ให้ละเอียดถี่ถ้วนว่าเราชอบและพอที่จะทำงานแบบนี้ได้หรือเปล่า

ส่วนการศึกษาองค์กรนั้นสำคัญมากเราควรหาข้อมูลจาก (Annual Reports) การรายงานประจำปีขององค์กรนั้นๆว่าปีหนึ่งๆเขาทำอะไรมีรายรับรายจ่ายมาจากไหนและมีแผนหรือโครงการอะไรในอนาคตต้องรู้ Mission and Goals เราจะมีส่วนช่วยองค์กรได้อย่างไรให้บรรลุเป้าหมายของเขาบางรายเอาแต่ถามถึงสวัสดิการว่าหน่วยงานจะให้อะไรเขานายจ้างฟังแล้วจะกลัวอันนี้เขาอาจจะคิดว่า เราจะมาช่วยงานหรือจะมาเอาผลประโยชน์กันแน่ จะช่วยได้มากตอนสอบสัมภาษณ์แสดงให้กรรมการประทับใจว่าเราได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีเราสามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่แผนกบุคคลขององค์กรนั้นก็ได้ว่าเราจะหาข้อมูลหรือขอเข้าไปดูงานได้ไหมก่อนวันสอบได้อย่างไรเช่นทุกสถานีตำรวจเชอรีฟเขาจะอนุญาตให้คนที่อยากเข้าเป็นตำรวจเชอรีฟมานั่งรถกับตำรวจ (Ride – Along) มาดูการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสักวันสองวันก็พอจะรู้ว่าเราจะทำงานนี้ได้ไหมบางรายนึกว่าเหมือนในหนังหรือดูสารคดีตำรวจ (Cops) มากไปว่าการเป็นตำรวจสนุกมีแต่จะไปไล่จับคนร้ายขับรถไล่กวดจับรถขโมยอะไรทำนองนั้นซึ่งอันที่จริงแล้วงานส่วนใหญ่ของตำรวจเป็นงานที่ต้องติดต่อกับประชาชนเราต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเพราะต้องเจอคนสารพัดชนิดหลากหลายเผ่าพันธุ์ตั้งแต่เศรษฐีถึงยาจกต้องเขียนรายงานเก่งภาษาอังกฤษต้องดีส่วนการเขียนใบสั่งวิ่งไล่จับผู้ร้ายหรือไปยิงชกต่อยกับผู้ร้ายเป็นเพียงส่วนน้อยในการทำงานจริงๆถ้าไปนั่งรถวิทยุตำรวจก็จะทราบว่าเราชอบงานนี้ไหมต้องขับรถตำรวจ 8-10 ชั่วโมงต่อวันตำรวจทุกคนต้องเป็นคนทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน (Multi Tasks Oriented) ต้องขับรถตำรวจอย่างปลอดภัย มีประวัติการขับขี่ที่ดี ถ้าเคยได้ใบสั่งหลายๆใบ หรือเคยถูกจับในขณะขับรถเมา DUI หรือคดีอื่นๆ ก็ไม่รับ ตำรวจรักรถของหลวงมากกว่าหรือพอๆกับของตัวเองเพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วเราต้องถูกสอบอาจถูกส่งกลับไปโรงเรียนเรียนขับรถตำรวจใหม่ถ้าเป็นความผิดที่เกิดจากความประมาทก็มีสิทธิ์ถูกพักงานหรือให้ออกได้เพราะต้องถูกฟ้องซิตี้หรือเคาน์ตี้ต้องจ่ายค่าชดเชยฟังวิทยุไม่ต่ำกว่า 2-3 คลื่นความถี่ต้องฟังและตอบให้เข้าใจในการสื่อสารกับสถานีหรือรถวิทยุคันอื่นๆในขณะปฏิบัติหน้าที่

2.การเตรียมพร้อมในการเข้าสอบเพราะถ้าคุณสอบไม่ผ่านหรือได้คะแนนไม่ดีโอกาสที่จะผ่านเข้าด่านสอบสัมภาษณ์ก็หมดลงอันนี้ต้องศึกษาข้อมูลเช่นในการสอบเข้าเป็นพนักงานของกรมสรรพากรหรือกรมสรรพสามิตกรมแรงงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย (Board of Equalization, Franchise Tax Board and Employment Development Department) เขาใช้ข้อสอบ (เขียน) ร่วมแบบเดียวกันหมดคือสอบครั้งเดียวสมัครได้ 3 ที่เลยเป็นการสอบทาง Online, Multiple Choice ทดสอบทักษะและประสบการณ์ (Training and Experience Evaluation) Weighted 100% ต้องสอบให้ได้อย่างน้อย 70% สอบเสร็จก็บอกผลเลยขอบอกเลยว่าถ้าคุณสอบได้ต่ำกว่า 90% ลงไปโอกาสจะได้สอบสัมภาษณ์แทบไม่มีเพราะคนสอบที่อยู่ในระดับ 90-98 % มีเป็นจำนวนมากซึ่งยังไม่รวมถึงคะแนนพิเศษที่ทางรัฐบาลให้กับทหารผ่านศึก (Veterans’ Preference Credits) ส่วนการสอบข้อเขียนของตำรวจเชอรีฟนั้นเรามีตัวอย่างให้ศึกษาแบ่งเป็น 3ขั้นตอน

ขั้นตอนที่1 ต้องกรอกคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre Specific Questionnaire) ว่าเรามีคุณสมบัติ(Minimum Qualifications) ครบที่เขากำหนดหรือเปล่า

ขั้นตอนที่2 เป็นการสอบข้อเขียนอีก 8 ส่วน

2.1 สอบการใช้คำศัพท์(Vocabulary)

2.2 สอบการอ่านและแปล(Reading Comprehension)

2.3 สอบความรู้ในการเขียน(Writing Clarity)

2.4 สอบการสะกดคำศัพท์(Spelling)

2.5 สอบการใช้ไวยากรณ์(Grammar)

2.6 สอบการใช้ทักษะในเหตุผลอุปนัย (Deductive and inductive reasoning)

2.7 สอบความละเอียดรอบคอบเข้าใจถึงข้อมูล (Data Interpretation)

ดูข้อสอบตัวอย่างได้ที่www.lasdhq.org/recruitment/law-enforcement-job-family-studyguide.pdf หรือที่ The Peace Officer Standards and Training (POST) Commission กระทรวงที่ดูแลตำรวจของรัฐที่ตำรวจทุกนายต้องสอบข้อสอบในการที่จะจบออกมาเป็นตำรวจของรัฐแคลิฟอร์เนียให้ได้

Http://lib.post.ca.gov/publications/powritten practice test.pdf

ขั้นตอนที่3 การสอบสัมภาษณ์หลังจากผ่านข้อเขียนแล้วมีคณะกรรมการไม่น้อยกว่า2-3ท่านที่เป็นตำรวจหรือพนักงานของรัฐฯจะสอบสัมภาษณ์เพื่อทดสอบว่า

3.1 คุณรู้จักสถานภาพงานของตำรวจขนาดไหน (Acceptance of working condition)

3.2 คุณมีประสบการณ์ที่จะเป็นผู้นำได้ไหมอันนี้เราสามารถที่จะบอกกับเขาว่าเรามีประสบการณ์ทางด้านมนุษยสัมพันธ์เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมเป็นผู้นำของกลุ่มต่างๆทำประโยชน์ให้สังคมมาโดยตลอดรู้จักสังคมและชุมชนไทยตลอดจนปัญหาเป็นอย่างดีพูดและเขียนภาษาไทยได้อย่างนี้เป็นต้นองค์กรของรัฐฯต้องการที่จะรับเจ้าหน้าที่ที่เป็นตัวแทนของชุมชนที่เขาดูแลอยู่ฉะนั้นเราต้องภูมิใจในความเป็นไทยรู้จักช่วยเหลือชุมชนเป็นอาสาสมัครของชุมชนซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติพิเศษที่จะช่วยให้เราอยู่เหนือผู้สมัครคนอื่นๆได้ (Experience)

3.3 ทดสอบการใช้วิจารณญาณในการแก้ปัญหา (Problem Solving Ability)

3.4 ทดสอบในการสื่อสารพูดจาด้วยเหตุและผลบางรายพูดมีแต่น้ำไม่มีเนื้อหาสาระอะไรถ้าไม่รู้ก็บอกว่ายังไม่ได้ศึกษาจะดีกว่า (Communication Skills)

3.5 ทดสอบวิสัยทัศน์และแรงจูงใจที่จะมาเป็นตำรวจ (Interest / Motivation)

3.6 ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal Skills)

3.7 การมีส่วนร่วมในชุมชนและรับรู้ถึงปัญหาของชุมชน(Community Involvement / Awareness) ดังที่ผมเขียนใน3.2ด้วย

ต้องสอบให้ได้เกิน 70% ที่จะผ่านเข้าด่านต่อไปซึ่งยากขึ้นไปเป็นลำดับตั้งแต่การสอบประวัติตั้งแต่อายุ 18 ปี จนถึงวันสมัครว่าอยู่ที่ไหนทำงานอะไรมาเขาจะสอบละเอียดมีตำรวจ

(Background Investigator) ไปสัมภาษณ์เพื่อนบ้านนายเก่าเพื่อนฝูงและกับสถานีตำรวจในเมืองต่างๆที่เราเคยอยู่การทดสอบว่าเราพูดความจริงหรือเปล่าโดยใช้เครื่องจับเท็จ(Polygraph Examination) ทดสอบ รวมถึงตรวจสุขภาพ สายตา หูสภาพจิตใจและพละศึกษา(Medical, Psychological and Physical Agility Test)อย่าลืมเตรียมประวัติการทำงาน การศึกษาที่เขียนอย่างดี(Resume)ให้เข้ากับคุณสมบัติของงานที่สมัครไม่ควรเกิน ๑ หน้าการแต่งกายที่ดูดี ใส่สูตรผูกเน็คไทไปสัมภาษณ์ต้องคิดว่าถ้าเขารับคุณแล้วคุณจะเป็นตัวแทนให้องค์กรเขาดูดีได้หรือเปล่า

ซึ่งจากผลหรือสถิติจากฝ่ายบุคคลปรากฎว่าในจำนวนผู้สมัคร 1,000 คน นั้นกว่าจะสอบผ่านเข้าเรียนจนจบตำรวจออกมาปฏิบัติหน้าที่ได้มีน้อยกว่า10คนเท่านั้นส่วนของกรมสรรพากร/สรรพสามิตและแรงงานก็มีประมาณ 20 คนโดยเฉลี่ยผมหวังว่าถ้าคุณมีความพร้อมทั้งร่างกายความรู้ประสบการณ์และจิตใจที่ดีแล้วบวกกับคุณงามความดีที่คุณสั่งสมมาก็คงจะไม่ยากเกินที่จะเป็นหนึ่งใน 100 ที่โชคดีมีโอกาสเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลได้อย่างสมเกียรติครับ

ปล. ทางตำรวจเชอรีฟมีการช่วยผู้สมัครในการฝึกความพร้อมก่อนสอบได้ที่ Pre-Academy Workout ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดีตั้งแต่เวลา18.00 – 20.00น. ที่ Stars Center เลขที่11515 S. Colima Rd. Whittier, CA 90604ห้องK-2 (นำเสื้อพละที่เป็นสีเดียวและกางเกงขาสั้นติดตัวไปด้วยพร้อมรองเท้าพละผ้าเช็ดตัวและขวดน้ำ) โทรศัพท์สอบถามก่อนไปที่เบอร์ 800-233-7889 หรือหากอยู่ใกล้ทางเหนือของแอลแอ ก็ไปที่ College of The Canyons Valencia เลขที่26455 Rockwell Canyon Rd., Valencia, CA 91351ห้องLASD (Public Safety) Academy Building, X12เวลา17.00 – 19.00 นโทรศัพท์1-661-949-6547.

ถ้าอยากจะเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ LA County Fire Department งานนี้แทบจะไม่เคยเห็นคนไทยทำเลยเข้ายากมากเห็นบอกว่ารับ 1ใน 1,000 คนหรือกว่าต้องมีความพร้อมลองไปเรียนรู้ศึกษาดูได้ที่

Free Fire Fighter Preparatory Seminar ที่Western University เลขที่ 309 E. 2nd St. Pomona, CA เวลา 08.00 – 17.00น. อันนี้ต้องลงทะเบียนก่อนที่Fire.lacounty.govเรียนในวันที่ 29 มีนาคมและ 31 พฤษภาคม 2014 เห็นบอกมีที่นั่งจำกัดรีบๆไปลงทะเบียนด่วนถ้าสนใจครับ


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย