Special Scoop



เปิดเกมรุก...กับต่างด้าวในไทย!

ประชาคมอาเซียน (Association of Southeast Asian Nations or ASEAN) ซึ่งจะเริ่มต้นในปลายเดือนธันวาคม 2558 และผลกระทบกับปัญหาคนต่างด้าวที่เข้ามาอาศัย อยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายกว่า 800,000 คน

การรวมตัวของประชาคมอาเซียนที่มีสมาชิก 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน ดารูสซาลาม เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งจะทำให้ประชากรมีรวมกัน ถึง 590 ล้านคน... นอกจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยการกำจัดกำแพงภาษีต่างๆ ให้ลดลง หรืออาจจะไม่มีเลยจากประเทศทั้ง 10 แล้ว ยังมีการทำสัญญาเปิดการแลกเปลี่ยนด้านแรงงาน (Mutual Recognition Arrangement, MRA) ด้วย โดยเริ่มจากแรงงานที่มีฝีมือ 8 แขนงอาชีพ ได้แก่ วิศวกร พยาบาล สถาปนิก นักสำรวจ นักบัญชี การท่องเที่ยว ทันตแพทย์ และแพทย์สาขาต่างๆ โดยทั้ง 10 ประเทศได้ลงนามข้อตกลงถึงคุณสมบัติ หรือมาตรฐานในแต่ละวิชาชีพ

ฉะนั้นการแข่งขัน การพัฒนาคน และธุรกิจให้เข้าสู่ระดับสากล ตลอดจนการจัดการกับต่างด้าวที่อยู่ และทำงาน อย่างผิดกฎหมาย บ้างยังเข้ามาทำการค้าในไทย จึงเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขแบบเร่งด่วน ซึ่งแน่นอนมันโยงถึงปัญหาความมั่นคง การก่อการร้าย เพราะผลพลอยได้จากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในสิ้นปีนี้ จะมีผลทำให้แรงงานต่างด้าวจากประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เข้ามาทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมาย ก็จะไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป...

ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา อยากจะเขียนเรื่องที่บางท่านอาจจะไม่รู้จักมักคุ้นกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย (สตม.) ที่หลังจากผมได้รู้จักและพูดคุยกับผู้บัญชาการคนใหม่ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ก็ได้ทราบถึงข้อเท็จจริง และตัวเลขต่างๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้…

ปัจจุบันสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มีกำลังพลกว่า 3,400 นาย มีด่านตรวจคนเข้าเมืองภาคเหนือ (8 แห่ง) ตะวันออกเฉียงเหนือ (12 แห่ง) ภาคกลาง (18 แห่ง) และภาคใต้ (13 แห่ง) รวมทั้งหมด 51 ด่าน เฉพาะด่านที่สนามบินสุวรรณภูมิต้องใช้กำลังกว่า 1,200 นาย (หรือเกือบ 1/3 ของกำลังพล) เพื่อดูแลคนต่างชาติที่เข้าด่านนี้ถึงวันละกว่า 80,000 คน และถ้าเป็นเทศกาลด้วยแล้ว จะต้องรับถึง 120,000 คนต่อวัน หรือกว่า 30 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็น 4 ผลัด ผลัดละ 300 คน มีช่องตรวจตราหนังสือเดินทางขาเข้าถึง 124 ช่อง และอีก 72 ช่องเป็นขาออก

เราจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะต้องมีต่างชาติที่มีจุดประสงค์แวบแฝงเพื่อเข้ามาทำความเสียหายที่กระทบต่อความมั่นคงของเราโดยผ่านด่านเหล่านี้... เช่นในกรณีระเบิดที่ราชประสงค์ที่ได้ทำความเสียหายต่อธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างมาก โดยผู้ต้องหาสามารถใช้พาสปอร์ตปลอมเข้าและออกประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย อีกประการหนึ่ง ประเทศไทยอนุญาตให้ 49 ประเทศ เข้ามาอยู่ในไทยได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เวียดนาม อินโดนีเซียฯลฯ และอีก 11 ประเทศที่สามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 30-90 วัน โดยไม่ต้องมีวีซ่า

ดังนั้นปัญหาที่ติดตามมาคือ ปัจจุบันมีชาวต่างชาติที่อยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมายกว่า 800,000 คน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม

1.พวกหลบหนีเข้าเมืองโดยวิธีผ่านด่านต่างๆ ทางชายแดน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกัน ชาวต่างชาติที่ใช้วิธีนี้มี ประมาณ 10%

2.พวกที่เข้ามาอย่างถูกต้องในตอนแรก แต่เลือกที่จะอยู่ต่อเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด (Overstay) มีถึงประมาณ 90% ส่วนใหญ่มาจากทวีปแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย กานา เคนยา โมร็อกโก คองโก นอกจากนั้นก็มี อินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน พม่า เขมร เป็นต้น

นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ต้องการให้ผู้บัญชาการ สตม. คนใหม่จัดการจับคนกลุ่มนี้โดยส่งกลับประเทศต้นสังกัดให้เร็วที่สุด พล.ต.ท. ณัฐธร ซึ่งเป็นลูกหม้อของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเจ้าของสโลแกน... “ Good Guys in, Bad Guys Out” และได้รับรางวัลจากสมาคมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทยว่าเป็น “ตำรวจนักบริหาร” ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับทราบถึงปัญหาของคนต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฎหมายและแนวทางการแก้ไขใหม่ เพราะกฎหมายปัจจุบันมีโทษปรับคนต่างชาติที่อยู่เกิน เพียงวันละ 500 บาท ถึงสูงสุด 20,000 บาท จะอยู่เป็นสิบๆ ปีก็เสีย 20,000 บาท ซึ่งคนเหล่านี้สามารถกลับเข้าออกไทยอย่างไม่มีปัญหา ไม่มีการขึ้นบัญชีเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาเลย บางรายเข้ามาทำมาหากินในบ้านเราอย่างเป็นล่ำเป็นสัน บางรายยังเป็นอาชญากรข้ามชาติ เปิด Call Center หลอกลวงคนของประเทศตัวเองอีกต่างหาก ท่านณัฐธร จึงได้เสนอนายกฯให้ใช้มาตรา 44 เปลี่ยนแปลงกฎหมายเดิมนี้ เพื่อให้การควบคุมคนต่างชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น

ท่านจึงได้เสนอบทลงโทษใหม่ ซึ่งผมได้เคยพูดคุยกับท่านว่า ที่อเมริกาก็มีคล้ายๆ กัน ดังนี้...

หากคนต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเกิน 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดโดยไม่มีวีซ่าจะห้ามเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 1 ปี ถ้าอยู่เกินกว่า 1 ปี ห้ามเข้ามา 3 ปี หากเกินกว่า 3 ปี ก็ห้ามเข้า 5 ปี และหากเกินกว่า 5 ปี ห้ามเข้าไทยเป็นระยะเวลา 10 ปี ในกรณีที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่

แต่ผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวมาดำเนินคดีที่อยู่ในไทยไม่เกิน 1 ปี จะถูกห้ามเข้าไทย 5 ปี และหากเกิน 1 ปี ก็จะห้ามเข้าไทยเป็นเวลา 10 ปี ทั้งนี้การกำหนดนโยบายใหม่นี้ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตอนนี้รอท่านนายกรัฐมนตรีเซ็นคำสั่งใช้มาตรา 44 แล้วก็จะมีผลทันที... รับรองคนต่างชาติต้องคิดหนักถ้าจะอยู่เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด

ฉะนั้นต้องขอปรบมือให้กับท่านณัฐธรที่มีวิสัยทัศน์ที่ไกลในการแก้ปัญหานี้อย่างเด็ดขาดถาวร อีกทั้งตั้งแต่วันที่ 19-25 ต.ค. 58 สตม.มีผลงานที่สามารถจับกุมต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย ถึง 9,265 คน แต่จำนวนคงอีกไกลจาก 800,000 กว่าคนที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

มีคนไทยอีกหลายๆท่านที่ยังมีคำถามเกี่ยวกับการถือสองสัญชาติ เช่น การถือสัญชาติอเมริกัน และถือสัญชาติไทยด้วย ผมเลยขออนุญาตนำบทความจาก น.ส.พ.สยามมีเดีย ฉบับวันที่ 15 มิถุนายน 2012 จากคำสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และอธิบดีกรมการกงสุลในขณะนั้น โดยคัดบางตอนที่เกี่ยวข้องนะครับ และยังใช้ได้ในปัจจุบัน ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้คนไทยทุกคนที่มีสิทธิที่จะสมัครเป็นซิติเซ่นของอเมริกาได้ เช่นถ้าได้ใบเขียวที่มาจากการแต่งงานกับซิติเซ่น 3 ปี หรือในกรณีอื่นเป็นเวลา 5 ปีเป็นอย่างน้อย ให้รีบสมัครเพราะจะเป็นผลประโยชน์กับคุณเองมากมาย และกับชุมชนไทยที่เราสามารถใช้สิทธิ์ในการออกเสียงเลือกผู้แทนที่จะช่วยชุมชนเราได้หรือเป็นผู้สมัครลงเลือกตั้งเองก็ได้ และยังสามารถสมัครเข้าทำงานกับหน่วยราชการต่างๆ มีสิทธิ์ในการรับเงินโซเชียล เป็นต้น ที่สำคัญเรายังสามารถรักษาสัญชาติไทยไว้เหมือนเดิม ผมได้รับทราบตามคำกล่าวของนายกเทศมนตรีแอลเอว่า มีผู้ที่มีสิทธิ์สามารถสมัครเป็นซิติเซ่นได้ถึง 750,000 คนในแอลเอเคาน์ตี

จากหนังสือพิมพ์ สยามมีเดีย ฉบับวันที่ 15 มิถุนายน 2012

ยืนยันคนไทย-อเมริกันใช้หนังสือเดินทางไทยเข้าประเทศได้

"สุรพล เพชรวรา" อธิบดีกรมการกงสุล แวะแอล.เอ พูดคุยถึงการใช้หนังสือเดินทาง 2ฉบับ สำหรับบุคคลที่มีสัญชาติอเมริกันและเชื้อชาติไทย ยืนยันคนไทย-อเมริกันเข้าประเทศไทยได้ด้วยหนังสือเดินทางไทย กลับเข้าสหรัฐฯก็ใช้หนังสือเดินทางมะกัน "ไม่มีใครที่จะปฎิเสธไม่ให้คนไทยเข้าประเทศไทยได้"

สถานกงสุลใหญ่ แอล.เอ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2012 อดีตรองกงสุลใหญ่แอล.เอ ณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และ สุรพล เพชรวรา อธิบดีกรมการกงสุล แวะพูดคุยเรื่องการทำบัตรประชาชนไทยนอกราชอาณาจักรและการใช้หนังสือเดินทาง 2ฉบับ สำหรับบุคคลที่มีสัญชาติอเมริกันและเชื้อชาติไทย โดยมีสื่อมวลชนหลายฉบับได้เข้าร่วมทำการพูดคุยด้วย

กรณีที่คนไทย มีพาสปอร์ต 2 เล่ม มีพาสปอร์ตอเมริกันเล่มหนึ่ง และ พาสปอร์ตไทยเล่มหนึ่ง เวลาจะเข้าประเทศไทย บางครั้งคนไทยบอกว่า ทำไมคนไทยต้องขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ทั้งๆ ที่เป็นคนไทย? ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร? มีวิธีปฏิบัติอย่างไร? เท่าที่ทางพวกผม (ณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงต่างประเทศ และ สุรพล เพชรวรา อธิบดีกรมการกงสุล) ได้รับมอบหมาย ให้ศึกษาเรื่องนี้ ตอนไปวอชิงตัน ดี.ซี. ก็ได้ไปถาม ตม.ของสหรัฐแล้วว่า

ถ้าคนไทยมีพาสปอร์ต 2 เล่ม ออกจากสหรัฐฯ ก็ใช้พาสปอร์ตสหรัฐฯ ออกไป เวลาเข้าประเทศไทย ก็ใช้พาสปอร์ตไทยเข้าไป ออกจากไทยก็ใช้พาสปอร์ตไทยออกมา เข้าสหรัฐฯ ก็ใช้พาสปอร์ตสหรัฐเข้า โดยวิธีนี้ ทั้ง ตม. สหรัฐฯ เองก็บอกไม่มีข้อขัดข้อง พอไปคุยกับ ตม. ไทย เขาก็บอกไม่มีข้อขัดข้อง นี่คือคุยด้วยวาจา ซึ่งกลับไปจะให้เขายืนยันมาเป็นลายลักษณ์อักษรอีกทีหนึ่ง แต่ว่าขณะนี้ปฏิบัติได้แล้ว ถ้าปฏิบัติไม่ได้ ก็โทรไปที่กรมการกงสุล ในกรณีที่มีปัญหาที่ ตม. ไทย

ผู้สื่อข่าว : ในกรณีที่คนถือพาสปอร์ตอเมริกัน แล้วเดินทางเข้าเมืองไทย แล้วอยู่ไม่เกิน 30 วัน ก็ไม่จำเป็นต้องเอาพาสปอร์ตไทยเข้า?

สุรพล เพชรวรา : ก็ไม่จำเป็น แต่ในกรณีที่ต้องการใช้สิทธิความเป็นคนไทยทุกประการ หรืออยากอยู่เกิน 30 วัน โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่า ก็ใช้พาสปอร์ตไทยเข้า

ณัฎฐวุฒิ : บางคนถือพาสปอร์ตอเมริกันไปเข้าประเทศไทย แล้วเขาให้อยู่ได้ 30 วัน แล้วลืม อยู่ๆ ไปแล้วก็ ลืมบ้าง บางทีติดใจ เปลี่ยนใจอยากจะอยู่ต่อ

ผู้สื่อข่าว : คนไทยบางส่วนก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ว่า เขาจะถามว่าทำไมเวลาออกทำไมไม่มี สแตมป์เข้า-ออก ในพาสปอร์ต กลัว ตม.ของสหรัฐฯ ถาม แต่ทีนี้เนี่ย ได้คำยืนยันจาก ท่านอธิบดีกรมการกงสุล และ รองปลัดกระทรวงต่างประเทศ หลังจากนี้จะได้นำไปปฏิบัติได้

สุรพล เพชรวรา : อันนี้เป็นคำยืนยันจากสถานทูตที่กรุงวอชิงตัน ที่ไปคุยกับ ตม. ที่กรุงวอชิงตัน

ผู้สื่อข่าว : เท่าที่ทราบกฎหมายอเมริกัน เขารับรองสำหรับคนที่ถือ 2 สัญชาติ

สุรพล เพชรวรา : เขาไม่สนใจ เขาจะเข้าจะออกอะไรก็ตาม

ผู้สื่อข่าว : เมืองไทยเท่านั้นเองที่ยังไม่รับรอง

สุรพล : จริงๆ แล้วประเทศไทย เราไม่มีกฎหมายว่า คุณต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น ไม่มี ทุกวันนี้คนไทยก็ยังถือ 2 สัญชาติอยู่ แต่เรื่องนี้ยังต้องพูดคุยกับหน่วยงานความมั่นคงอยู่ ถ้าเรื่องของ 2 สัญชาติ อย่างสมมุติเรื่องของ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ถ้ามีคนบางคนถือ 2 สัญชาติ ก่อเหตุใน 3 จังหวัด ก็ข้ามไปเพื่อนบ้าน แล้วกลับมาก่อเหตุ อันนั้นเราก็เฝ้าระวังอยู่

แต่ว่าคนไทยที่อยู่ในสหรัฐฯ คงไม่มาก่อเหตุไทย กับ สหรัฐฯ เพราะฉะนั้นเราก็มั่นใจว่า ที่เกิดในสหรัฐฯนั้นไม่มีปัญหา ผมนัดหน่วยความมั่นคงทั้งหมดจะคุยกันวันที่ 20 มิ.ย.นี้ เรื่อง ปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ และคนไทยที่ถือ 2 พาสปอร์ต อย่างไทย-อิตาลี ก็ถือ พาสปอร์ต 2 เล่มเหมือนกัน เขาก็ถามคำถามนี้ตอนที่ผมไปอิตาลี แต่สิ่งหนึ่งที่อิตาลีแตกต่างจากสหรัฐฯก็คือว่าใน สหรัฐฯ พออายุ 20 ปี ต้องไปเกณฑ์ทหาร ประเทศไทยก็ให้เกณฑ์ทหารเพราะถือว่าเป็น 2 สัญชาติ แต่อิตาลีไม่ต้องเกณฑ์ทหารก็จบไปเรื่่องเกณฑ์ทหาร แต่คนไทยเมื่ออายุครบ 20 ปี จะต้องไปเกณฑ์ทหารจะเกณฑ์ประเทศไหน? สหรัฐฯ หรือ ประเทศไทย

ผู้สื่อข่าว : แต่เท่าที่ทราบ คนไทยที่อยู่ที่นี่ ที่ได้คุยด้วย มีมากทีเดียว ที่ยอมเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน เพราะว่ากลัวว่าจะมีทรัพย์สินที่เมืองไทยไม่ได้ มีที่ดินไม่ได้ มีอะไรไม่ได้ ซึ่งอันนี้คือสิ่งที่เขากังวล

สุรพล : ไม่มีปัญหาครับ เมื่อใดที่เขาถือสัญชาติอเมริกัน เขายังไม่สละความเป็นสัญชาติไทย ก็ยังเป็นสัญชาติไทยอยู่ มีสิทธิที่เหมือนคนไทยทั่วไป ยกเว้นไปขอสละสัญชาติไทย พอได้เป็นสัญชาติอเมริกันปุ๊บ แล้วไปขอสละสัญชาติไทย ตรงนั้นแหละครับถึงจะเสียสิทธิไป แต่ถ้าเขาได้สัญชาติอเมริกัน แล้วถือสัญชาติไทยอยู่ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย อันนี้ยืนยันได้

ผู้สื่อข่าว : มีคนไทยมากเลยทีเดียวที่อยู่ 30-40 ปี แล้ว บังเอิญจะต้องกลับไปอยู่เมืองไทย แล้วก็ รีไทน์เมนท์ก็ไม่ได้ด้วย เพราะไม่ได้เปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน

ณัฎฐวุฒิ : การเปลี่ยนสัญชาติมาเป็นสัญชาติอเมริกัน เขาไม่ได้บังคับว่าจะต้องสละสัญชาติไทย บางประเทศอย่างเช่น ต้องสละสัญชาติเดิม เช่น เยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก แต่ของประเทศไทย ถ้าเราไม่ได้ไปทำเรื่องขอสละสัญชาติไทย เมื่อถือสัญชาติอเมริกันแล้ว ก็ยังเป็นสัญชาติไทยอยู่

สุรพล : เมื่อเป็นสัญชาติอเมริกันแล้ว ยกเว้นเราไปขอสละสัญชาติไทย ถึงจะเสียสิทธิความเป็นคนไทยตรงนั้นไป

ณัฎฐวุฒิ : ซึ่งก็ยุ่งยากมาก เพราะสุดท้ายแล้ว จะมีผลทางกฎหมายก็ต่อเมื่อ จะต้องประกาศพระราชกฤษฎีกานุเบกษา ความเป็นสัญชาติไทยจึงจะสูญหายไป แล้วก็ยังมีกฎหมายเรื่องสัญชาติอีก เสียไปแล้วถ้าจะกลับมาถือใหม่ก็ได้ สามารถขอคืนสัญชาติได้อีก


----------------------

ได้อ่านพบคำคมที่ดลใจ เลยมาแชร์กัน...

ชีวิตคนเรามี 3 สิ่งที่มาไม่พร้อมกัน เงิน-เวลา-แรง

ตอนวัยเรียน มี “แรง” มี “เวลา” แต่ไม่มี “เงิน”

ตอนวัยทำงาน มี “เงิน” มี “แรง” แต่ไม่มี “เวลา”

ตอนเกษียณ มี “เวลา” มี “เงิน” แต่ไม่มี “แรง”

จงบริหาร 3 สิ่งอย่างมีสติ แล้วจะมีความสุขในปัจจุบันนะครับ.. โชคดีครับ


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย