Special Scoop
เราควรจะจ่ายใบสั่งจากกล้องถ่ายตามสี่แยกดีหรือไม่...?

เป็นคำถามที่ผมได้รับค่อนข้างบ่อยในระยะนี้ เลยขอเขียนชี้แจงให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจโดยผมขออ้างอิงจาก LA County Superior Court ตามเว็บไซต์ www.lasuperiorcourt.org แล้วเข้าไปที่แผนกจราจร (Traffic) จะมีข้อความตามนี้


Attention:

July 29, 2011: The City of Los Angeles had decided to end its red light camera program on July 31, 2011. The City’s action does not stop the processing of outstanding red-light citations. It does not eliminate penalties associated with red-light citations. It does not constitute grounds for a refund of money paid on such a citation. Anyone issued a red-light citation must resolve it within the specified time or face certain penalties as prescribed by law.

แปลได้ความว่า

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2011 เมืองลอสแอนเจลิส ได้มีการพิจารณายกเลิกการใช้กล้องจับรถที่ฝ่าฝืนไฟแดง ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกาคม 2011 เป็นต้นมาจากการยกเลิกโปรแกรมดังกล่าวนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการยกเลิกตั๋วที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ หรือแม้แต่จะยกเลิกค่าปรับที่เชื่อมโยงกับตั๋วดังกล่าวได้เลย และก็มิใช่จะเป็นเหตุผลที่จะมาขอเงินคืนของผู้ที่ได้ชำระค่าปรับไปแล้ว ดังนั้นคนที่ได้รับใบสั่ง (ตั๋ว) ประเภทนี้ ยังต้องมาที่ศาลเพื่อหาข้อยุติตามกำหนดระยะเวลา หรืออาจจะต้องเจอค่าปรับเพิ่มเติมตามที่กฎหมายระบุไว้

ดังนั้น เมืองแอลเอจึงได้ยกเลิกกล้องจับภาพรถที่หนีไฟแดง หรือเลี้ยวซ้าย ขวา ขณะที่ไฟยังแดงอยู่ เป็นจำนวน 32 แห่ง เช่น สี่แยก Sepulveda กับ National, Sepulvedaกับ Victory, Western กับ Washington, Manchester กับ Airport, Alvarado กับ Temple, Sunset กับ Cahuenga, Pico กับ Bundy เป็นต้น กล้องที่ถูกติดตามสี่แยกนี้ ได้ถูกเก็บไปหมดแล้ว

แต่ท่านต้องเข้าใจว่าในแอลเอเคาน์ตี้มีเมืองอยู่ 88 เมือง เมืองอื่นๆเช่น Agoura Hills, Alhambra etc. (เข้าไปดูได้จาก www.lacounty.gov) และยังอีกหลายสิบเมืองยังคงใช้กล้องดังกล่าวจับรถและผู้กระทำผิดตามปกติ และถ้าท่านได้รับใบสั่งที่มีคำว่า “Notice to Appear” พร้อมคำสั่งให้ไปแสดงตัวที่ศาลจราจรที่ระบุไว้ตามวันและเวลาที่กำหนด ตลอดจนชื่อของเจ้าของรถที่ถูกระบุว่าเป็นผู้กระทำผิดแล้ว ก็ต้องไปที่ศาลตามวันเวลาดังกล่าวด้วย

แล้วคำถามที่ตามมาคือ ถ้าเขาโดนตั๋วในเมืองแอลเอ ก่อนหน้าวันที่ 31 กรกฎาคม 2011 จะมีผลอะไรถ้าไม่จ่ายเงินค่าปรับ จากการสอบถามจากทนายความ Sherman Ellison ซึ่งเป็นผู้ชำนาญเรื่องกฎหมายจราจรได้บอกว่า ถ้าไม่จ่าย ทางศาลก็จะไม่ส่งต่อให้กับกองทะเบียนหรือที่เรารู้จักกันว่า DMV (Department of Motor Vehicle) และก็จะไม่ส่งต่อไปยังศูนย์เครดิต แต่หลักฐานของใบสั่งที่ยังไม่ชำระก็จะยังคงค้างคาในศาล จราจรของ LA County Superior Court อยู่ตามปกติ

จากกระบวนการเท่าที่ผมได้ตรวจสอบดู (เพราะตำรวจมีหน้าที่เขียนใบสั่ง เราจะไม่รู้ว่าค่าปรับเท่าไร เพราะมันมีการขึ้นลงตามกฏหมายของรัฐที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกปี) ตั๋วจากกล้องจะโดนส่งไปยังศาลจราจร ซึ่งจะทำการส่งสำเนาใบสั่งพร้อมภาพประกอบมาให้คุณ ตลอดจนค่าปรับประมาณ $480ขึ้นไป พร้อมกำหนดวันที่ต้องชำระเงินค่าปรับ (Due Date) ถ้าเราไม่จ่ายตามกำหนดนี้แล้ว ทางศาลก็จะออกจดหมายอีกฉบับ พร้อมคำเตือนว่าถ้าไม่จ่ายจะเสียค่าปรับเพิ่มอีก $300 ตามกำหนดใหม่ที่แจ้งมา แล้วถ้ายังไม่จ่ายอีก คราวนี้ศาลจะส่งเรื่องไปให้บริษัทตามหนี้ (CollectionGC Services) ซึ่งจะส่งจดหมายมาเตือนพร้อมการขู่ต่างๆ เช่น พวกเขาอาจจะทำการอายัดเงินค่าจ้างของคุณ หรืออาจจะยึดเงินจากบัญชีธนาคารของคุณ แต่หลังจากขบวนการทวงหนี้แล้ว ทางบริษัททวงหนี้ก็จะปิดเรื่อง เพราะทางศาลไม่อนุญาตให้ทางบริษัทส่งเรื่องต่อไปให้ใครอีก กรณีที่คุณไม่จ่าย สำเนาใบสั่งก็ยังค้างอยู่ที่ศาล

ผู้อำนวยการโฆษกศาลจราจร (LA Superior Court Communication Director) นาง Mary Hearn ได้กล่าวว่า “Superior Court does not send information on camera tickets to the State Department of Motor Vehicles, meaning the outstanding ticket might not affect a driver’s license, credit rating or insurance” ดังนั้น ถ้าใบสั่งมาถึงศาลแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของเมืองต่างๆที่จะทำการติดตามต่อ ซึ่งศาลจราจรของแอลเอเคาน์ตี้แห่งเดียวเท่านั้นไม่มีนโยบายที่จะส่งเรื่องของคุณไป DMV หรือไปที่ศูนย์เครดิต เพื่อทำให้ประวัติเสียหากคุณไม่จ่ายใบสั่งดังกล่าว แต่ทางศาลจะส่งต่อไปให้บริษัททวงหนี้ให้ช่วยตามหนี้ต่อให้เท่านั้น

หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยไขความกระจ่างให้ชัดเจนขึ้น คุณทั้งหลายก็ต้องพิจารณาและตัดสินใจกันเองว่า จะจ่ายดีหรือไม่ ถ้าถามผมในฐานะที่เป็นตำรวจแล้ว ผมว่า“หากคุณกระทำความผิด คุณก็ต้องรับผิดชอบ” และรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เสมือนกับผมทำหน้าที่เป็นสรรพากรเก็บภาษีของรัฐ แล้วคุณมาถามผมว่าทำอย่างไรจึงจะโกงภาษีโดยไม่ถูกจับ ผมคงตอบไม่ได้ เพราะผิดจรรยาบรรณ และเป็นคำถามที่ไม่ควรถามด้วย เพราะผมไม่สามารถช่วยเหลือคุณโกงภาษีของรัฐได้ โดยเฉพาะภาษี Sales Tax ที่คุณได้เก็บจากลูกค้าแล้วนั้น คุณจะใส่กระเป๋าตัวเองไปได้อย่างไร…

ดังนั้นทางที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นคือ “อย่าทำผิดเสียแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”

ไหนๆก็เขียนเกี่ยวกับการขับขี่ยานยนต์แล้ว ผมจะเขียนเสริมเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อถูกตำรวจเรียกให้หยุดรถ


ข้อควรปฏิบัติเมื่อท่านโดนตำรวจเรียกให้หยุดรถ

เกือบจะทุกคนที่ขับรถต้องเคยโดนตำรวจเรียกให้หยุดอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ทุกๆคนมีเรื่องเล่าที่แตกต่างกันไป ข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้จะช่วยลดความเสี่ยงหรือการเข้าใจผิดที่จะทำให้ตำรวจจำเป็นต้องใช้กำลังโดยไม่จำเป็น

อันดับแรก ท่านไม่ควรทำอะไรเลย ควรรอให้เจ้าหน้าที่เดินมาถึงรถของท่านก่อน โดยที่มือทั้งสองของท่านควรวางอยู่บนพวงมาลัย อย่าเพิ่งเปิดลิ้นชักเพื่อค้นหาเอกสารสำคัญหรือกระเป๋าสตางค์ และห้ามเปิดประตูลงจากรถโดยเด็ดขาด ควรนั่งรออยู่ในรถอย่างสงบ โปรดคิดเสมอว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีทางทราบได้เลยว่าท่านเป็นใครหรือคิดจะทำอะไร

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอใบขับขี่(Driver license)ใบทะเบียนรถ(Vehicle Registration)และใบประกันรถยนต์ (Proof of Insurance)ท่านควรหยิบให้หลังจากตำรวจขอเท่านั้น

การคลำหรือจับสายเข็มขัดนิรภัยเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ การเคลื่อนไหวต่างๆจะทำให้ตำรวจเองรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือคิดว่าท่านกำลังจะพยายามต่อสู้ขัดขืน

นอกเหนือจากคนขับรถจะต้องวางมือไว้บนพวงมาลัยแล้ว ผู้โดยสารทุกคนก็ควรจะวางมือไว้ในตำแหน่งที่ตำรวจสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วย

แล้วอย่าลงจากรถของท่านเด็ดขาด นอกจากว่าตำรวจจะขอให้ท่านลงมา เพราะการเปิดประตูลงจากรถนั้นจะทำให้ตำรวจคิดว่าท่านจะพยายามหนี

หากว่าท่านได้รับใบสั่ง กรุณาอย่าเถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเด็ดขาด หากท่านต้องการโอกาสแก้ต่าง กรุณารอเวลาเพื่อให้การกับผู้พิพากษาในชั้นศาล เพราะตำรวจจะไม่สนใจว่าท่านรู้จักกับคนใหญ่คนโตที่ไหน หรือท่านอาจรู้สึกว่าได้รับใบสั่งอย่างไม่ยุติธรรม เนื่องจากตำรวจแทบทุกคนเคยได้ยินข้ออ้างทั้งหลายมาหมดแล้ว ฉะนั้นขอให้ท่านจงใจเย็น แล้วรอโอกาสเพื่อแก้ต่างในชั้นศาลเท่านั้น

โปรดอย่าลืม: จงวางมือไว้ในจุดที่ตำรวจสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ห้ามขยับเขยื้อน แสดงท่าทางอาการลุกลี้ลุกลน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กรุณารอคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจะกระทำการใดๆ

ข้อมูลทั้งหมดนี้ได้รวบรวมมาจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ท้องถิ่นในรัฐแคลิฟอร์เนีย

สุดท้ายขอขอบคุณหลายท่านที่ได้จดหมายและโทรมาปรึกษาเข้ามาทักทายเมื่อพบกันติชมเป็นกำลังใจกันเสมอ

รักรถ รักชีวิต ขับขี่ปลอดภัย


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย