Special Scoop



ปัญหาและการเติบโตของธุรกิจนวดไทย

ผมได้รับฟังปัญหาของธุรกิจนวดไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่คนไทยที่เปิดกันมากจนถือเป็นธุรกิจยอดนิยมอันดับสอง รองจากร้านอาหารไทยเลยทีเดียว สมัยที่ผมดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาหอการค้าไทยแห่งแคลิฟอร์เนีย (2010-2012) ได้จัดสัมนาให้ความรู้แก่เจ้าของร้านนวดต่าง ๆ ถึงกฎหมายแรงงาน ว่าด้วยเรื่องการจ่ายค่าแรงลูกจ้าง (หมอนวด) เป็นแบบเหมาจ่าย แบ่งเปอร์เซนต์บ้าง หรือต้องจ่ายเป็นแบบ Payroll โดยได้เชิญผู้ชำนาญจากหน่วยงานของรัฐ เช่น Employment Development Department ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบว่าร้าน และลูกจ้างของท่านได้รับค่าแรงที่ถูกต้องหรือเปล่า เข้าข่ายอยู่ในสถานภาพแบบไหน (Independent Contractor กับ Employee)ซึ่งถ้าท่านจ่ายผิด (Misclassified) แบบจ่ายเหมา แทนที่จะจ่ายแบบลูกจ้างแล้ว ทาง EDD สามารถตรวจย้อนหลังเพื่อให้ท่านจ่าย ที่ลืมหัก เช่น Income Taxes (ภาษีเงินได้) หัก Social Security Tax (ภาษีบำนาญ) Medicare Tax (ภาษีสุขภาพตอนวัยชรา) Unemployment Tax (ภาษีตกงาน) แล้วท่านยังต้องจ่ายย้อนหลัง Worker Compensation (ค่าประกันลูกจ้างจากอุบัติเหตุจากการทำงาน) ซึ่งแต่ละแห่งก็มีการจ่ายที่แตกต่างกัน บ้างก็ได้รับการบอกข้อมูลผิดๆ แบบพูดต่อ ๆ แทนที่จะสอบถามโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล ถ้าท่านไม่แน่ใจก็ต้องให้ทาง IRS หรือ EDD แจ้งเป็นทางการ หลังจากที่ท่านได้ตอบคำถามต่าง ๆ จากแบบฟอร์ม SS-8-Determination of Worker Status For Purposes of Federal Employment Taxes and Income Tax Withholding โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

จนมาปัจจุบันนี้ กลับมาเป็นปัญหาของหลาย ๆ แห่งที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้าตรวจสอบ จัดเก็บภาษีย้อยหลัง บางแห่งถึงกับเลิกกิจการหรือประกาศขายไปเลย เพราะไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย

ผมสนับสนุนให้ทุกร้านควรทำการจ่ายให้ถูกต้อง ดีกว่าที่จะโดนตรวจย้อนหลัง มีค่าปรับที่แพง บางรายปิดร้านไปเลย แต่หนี้ภาษีก็ยังต้องใช้ต่อไปถึงแม้ว่าร้านจะปิดไปแล้ว กรณีไม่มีเงินจ่าย ทางหน่วยงานสามารถไปใส่ลีน (Lien) ติดกับเครดิต กรมที่ดิน เพื่อป้องกันการครอบครองหรือโยกย้ายทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นเวลา ๑๐ ปี และ IRS หรือ EDD สามารถต่อไดอีก ๑๐ ปี ไม่คุ้มค่ากับชื่อเสียงที่สะสมมา และผมเคยเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยเฉพาะกิจ (Vice Unit) ให้มาอธิบายถึงกฎหมายเกี่ยวกับการค้าประเวณีที่ทางตำรวจสามารถจับได้บ่อย ๆ ตามร้านต่าง ๆ ที่มีการค้าทางเพศด้วย ว่ามีโทษหนัก ซึ่งจะต้องถูกปรับ อาจถูกติดคุก มีประวัติอาชญกรรมในประเทศอเมริกาด้วย หลังจากปัญหาต่าง ๆ นี้ก็มีทีท่าว่าปัญหาก็ยังขยายมากขึ้นไปในทุกเมือง ทางหน่วยรัฐบาลของแคลิฟอร์เนียก็ได้ออกกฎหมายให้ตั้งองค์กรนี้ขึ้นในปี 2009 ที่เรียกว่า California Massage Therapy Council (CAMTC) เป็นองค์การเอกชนไม่หวังผลกำไร มาจัดระเบียบหมอนวด ซึ่งมีกว่า 60,000 คน ที่ได้ขึ้นทะเบียน และผ่านการสอบ แต่ปัญหาต่าง ๆ ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางซิตี้ต่าง ๆ ก็ได้จับกุมร้านนวดหลายสิบแห่ง กดดันให้สมาชิกสภาของแคลิฟอร์เนียออกกฎระเบียบใหม่ จึงเป็นที่มาของกฎหมาย AB1147 ที่รู้จักในนาม The Massage Therapy Act เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2015 มีสาระพอสรุปได้ดังนี้

1. หมอนวด (Certified Massage Therapist) ต้องผ่านการเรียน 500 ชั่วโมง จากโรงเรียนที่ได้รับการรับรองจาก CAMTC เท่านั้น

2. จะต้องผ่านการสอบที่ได้รับการรับรองจาก CAMTC Approved Exam

กฎหมายนี้ยังได้ขยายอำนาจของซิตี้ และเค้าน์ตี้ มีให้สิทธิในการใช้ Land Use Regulations (ผังเมืองโซนนิ่ง) บังคับใช้กับร้านนวดก่อนที่จะออกใบอนุญาตในการทำธุรกิจนี้ (Business License) ซึ่งแน่นอนเงื่อนไขต่าง ๆ ก็ตามมา เช่นต้องผ่านการตรวจสอบประวัติจากตำรวจท้องที่ กรมสุขภาพอนามัย และอื่น ๆ


สรุปเข้าเรื่องในมุมมองของผม ปัญหาของร้านนวดไทย และวิธีทางแก้ไขพอสังเขป


ปัญหาของร้านนวดไทย

1. เราไม่มีการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน จะเป็นสมาคม ชมรมก็ได้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพวกเราเอง องค์กรนี้สามารถทำ หน้าที่เป็นตัวแทนเราที่จะเรียกร้องสิทธิ ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐผ่านนักการเมือง ทั้งซิตี้ เค้าน์ตี้ และสเตท อัปเดท ตอนนี้ก็มีสมาคมแล้ว สมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ก่อตั้งมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 มีสมาชิกในไลน์กว่า 450 คน www.nuadthaiandspausa.org เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านภาษีของรัฐบาลกลาง (IRS-Nonprofit Organization) นายกสมาคม ฯ คนแรก คุณกนิษฐา เพอร์ไรดา ได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิก อาสาเขามาช่วยเหลือคนในอาชีพนวดไทย ขอเป็นกำลังใจ และขอบคุณในการเสียสละในครั้งนี้ด้วย

และทีมงานที่มีความเสียสละทั้งกำลังกาย เวลา และทุนทรัพย์ และนอกเหนือจากนั้น ยังมีความขยันขันแข็งและความมุ่งมั่นในการยื่นมือช่วยเหลือสมาชิกที่ประสบปัญหาต่างๆ นานา และแรงสำคัญที่ช่วยจุดประกายให้มีการจัดตั้งจนสำเร็จนั้น ก็คือ ท่านกงสุลใหญ่ ธานี แสงรัตน์ คนขยันของเรานั่นเอง ที่เล็งเห็นความสำคัญของการรวมตัวของธุรกิจหลักของชุมชนไทยนอกเหนือจากร้านอาหารไทย สมาคมนวดไทยจึงได้ก่อตั้งขึ้น และกำลังสำคัญอีกแรงหนึ่ง คือที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คุณวรนุช บุญประกอบ เจ้าของร้าน นุชรอยัลไทยสปา ซึ่งได้เสียสละทั้งเวลา เงิน และประสบการณ์ตั้งแต่แรกเริ่ม

เรามีผู้นำที่มาจากผู้ที่มีธุรกิจนวดที่มีประสพการณ์ ประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง รู้ถึงปัญหา มีศักยภาพ มีวาทะในการสือสารกับผู้อื่น รู้ว่าใครเป็นคนที่กำหนดนโยบายของ (CAMTC) ต่าง ๆ จะเข้าติดต่ออย่างไร มีความเสียสละ มีเวลาพอที่จะออกมาช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่อาจยังขาดความรู้ในด้านกฎหมาย การเข้าหานักการเมือง และระบบราชการที่นี

2. ผู้ประกอบการและหมอนวด อย่างขาดความรู้ของกฎหมายที่ใช้ควบคุมธุรกิจนวด มีทั้งเรื่องภาษี กฎหมายแรงงาน กฎหมายอาญาท้องถิ่น ซึ่งอาจจะมาจากการไม่สันทัดกับภาษา หรือไม่สนใจ คิดว่าไม่สำคัญ ขาดการให้ความสำคัญเข้าร่วมกิจกรรมดี ๆ ที่สมาคมจัดขึ้นเพื่อเพิ่มพูนทักษะ สมาคมเปรียบเสมือนเป็นเวที (Platform) ในการแชร์ประสบการณ์ ความรู้ และหาวิธีปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การพัฒนาการต้องมีการบูรณาการ หรือการประสานงานกันทั้งสมาชิกโดยรวมและกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งการมีความสมานสามัคคีกัน และความเอื้ออาทรต่อกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

3. สมาคม หรือองค์กรจะอยู่ได้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัย 4 อย่างที่จะต้องมี เรียกว่า 4 C’s

3.1 Competencies / Credibility องค์กรที่ดีต้องพยายามพัฒนาสมาชิกให้มีความรู้ โดยการจัดอบรมให้ข่าวสารทันเหตุการณ์

3.2 Connections and Collaborations องค์กรต้องมีความรู้ ความสามารถในการสร้างเครือข่าย และมีการร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ นักการเมือง บางทีต้องมีการว่าจ้าง ล๊อบบี้ยีสต์ (Lobbyist) นักวิ่งเต้นเพื่อให้นักการเมืองออกกฎหมาย กฎระเบียบที่จะเอื้ออำนวยให้ธุรกิจของพวกเรา

3.3 Commitment and Communication ต้องมีคนศรัทธา ต้องเป็นผู้เสียสละที่มีศักยภาพ มีความพร้อมทั้งกำลังกาย ใจ และทุนทรัพย์ และสื่อสารกับสมาชิก และคนนอกได้

เรามีร้านนวดที่ประสบผลสำเร็จมากมาย แต่หาผู้กล้าหาญยอมเสียสละโดยไม่หวังผลประโยชน์ที่จะออกมาช่วยเหลือสังคมธุรกิจนวดหรือชุมชนมันยากเหลือเกิน เพราะผมทราบดีว่า กว่าพวกเขาจะเติบโตขึ้นมาได้ ต้องผ่านปัญหามากมาย เสียเงินก็เยอะทำไมไม่เอาประสบการณ์มาแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง ได้บุญอีกด้วย

3.4 Capital สุดท้ายแต่สำคัญที่สุด คือเงินกองทุน ทุกองค์กร สมาคม ก็ต้องมีทุน เงินค่าใช้จ่าย ทุกร้านก็ต้องเสียสละออกมาบริจาคเพื่อจัดตั้งให้ได้ มีเว็บไซต์ www.nuadthaiandspausa.org ใช้สื่อสารระหว่างร้านนวด หมอนวด โดยเฉพาะร้านนวดที่ถูกจับ และหนังสือพิมพ์ลงข่าว เราก็สามารถเอามาลงได้ เพราะถือเป็นข้อมูลสาธารณะ ใครที่ถูกจับค้าประเวณี ร้านอื่นจะได้ไม่จ้าง


คุณมิเชล สตีล ประธานบอร์ดออฟซุปเปอร์ไวเซอร์ ของออเร้นจ์เค้าน์ตี้ ได้รับทราบปัญหาต่าง ๆ เช่น การสอบเพื่อให้ได้ใบอนุญาติของ CAMTC ที่ยาก การไม่มีภาษาไทยให้ได้ศึกษากฎระเบียบต่าง ๆ สำหรับนวดไทย และการไม่มีตัวแทนเข้าไปนั่งในบอร์ดของ CAMTC ซึ่งมีอยู่ 13 คน แต่กลับไม่มีตัวแทนนวดไทย หรือเอเชียเลย ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจเหล่านี้มีคนเอเชียทำเป็นจำนวนมาก คุณมิเชลได้นัดพบประธานวุฒิสมาชิกของรัฐแคลิฟอร์เนีย นาย Kevin De Leon มารับทราบปัญหา และหารือถึงวิธีทางแก้ไข โดยเชิญอดีตท่านกงสุลใหญ่ เจษฎษ กตเวทิน และ คุณวรนุช บุญประกอบ ผู้ประกอบการ เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งทางคุณ Kevin ก็รับที่จะไปศึกษาหาวิธีแก้ไข ที่เราเสนอไปเช่น ขอให้มีข้อสอบเป็นภาษาไทย มีการแปลกฎระเบียบเป็นภาษาไทย ผ่านต่อเว็บไซต์ของ CAMTC.ORG ผมก็หวังว่าพวกเราจะตระหนักถึงความสำคัญในการรวมตัวการเลือกตัวแทนผู้มีความรู้ความสามารถพร้อมเสียสละเพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจนวดไทยนะครับ มิฉะนั้นธุรกิจนวดไทยจะเติบโตแบบยั่งยืนคงจะยากนะครับ


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย