Special Scoop



เอกสิทธิ์ “ต่อ” ศรีพิพัฒน์ “แมว 9 ชีวิต”

คนเก่าแก่ของชุมชนไทยแอล.เอ อดีตเจ้าของร้านอาหารลือชื่อ Siammese Twin in Pasadena – Thairific Restaurant in Beverly Hills –“คุ้มสยาม” บนถนน Melrose เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2012 ด้วยโรคไตวาย สวดพระอภิธรรมวันที่ 14-15-16 มิถุนายน 2012 ที่วัดไทย แอล.เอ ฌาปนกิจ ที่Hollywood Forever ถนนแซนต้าโมนิก้า อังคารที่ 19 มิถุนายน 2012 เวลา บ่ายโมง

“ต่อ” เป็นลูกผู้ชายคนที่ 5 ในครอบครัว พี่-น้อง 10 คน ของคุณพ่อประเวศ ศรีพิพัฒน์ และคุณแม่อนงค์ ศรีพิพัฒน์ นามสกุลเดิม “บุนนาค”สายสมเด้จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์(ดิส)ลำดับที่ 14 เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2489 เสียชิวิต ด้วยโรคตับอักเสบ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2555 เวลา 12:59 PM รวมอายุได้ 66 ปี

“ต่อ” ใช้ชื่ออังกฤษว่า “ทอม” จบการศึกษาในเยาว์วัยจากโรงเรียนอำนวนศิลป์ ธนบุรี ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แล้วไปเรียนต่อที่ ปีนัง รุ่นเดียวกับ อาภัสรา หงษ์สกุล มิสยูนิเวริ์ต ที่เป็นสาวไทยคนแรก และกลับมาทำงานอยู๋ในเมืองไทยปีเศษแล้วเดินทางมาศึกษาต่อที่สหรัฐฯ เมื่อปี คศ.1970 จนจบการศีกษาที่ CCC เมืองลองบีช

ชีวิตในวัยเด็ก “ต่อ”เป็นนักเรียนที่เรียนเก่งมาก เหมือนคุณพ่อที่จบปริญญาโททางการเกษตร จาก University of Philipine ด้วย King of Thailand Scholarship ( U of P รับเฉพาะนักเรียนทุนเมื่อกว่า80ปีที่แล้ว) “ต่อ” มีเพื่อนมากและรักเพื่อนเป็นชีวิตจิตใจ เพื่อนสนิท ที่เรียนอยู่สมัยอำนวยศิลป์ ธนบุรี ที่จำได้มี เกียรติ- หมอ-ปุ๊- -เชิด-จู๊ด-ฉาย โดยโรงเรียนอำนวนศิลป์ ธนบุรี เป็นโรงเรียนอยู่ทางฝั่งจังหวัดธนบุรีแตกต่างจากโรงเรียนอำนวนศิลป์ พญาไท ที่ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยา กทมฯ แต่มีเจ้าของคนเดียวกันคือนายจิตต ทังสุบุตร ยุคนั้น ธนบุรี ยังเป็นจังหวัดที่ไม่ได้รวมเข้ากับพระนครเหมือนเช่นในปัจจุบันนี้

อาจจะเป็นเพราะความฉลาดที่ล้ำหน้าการเรียนและชอบการกีฬา ทำให้ “ต่อ”มักจะเป็น”หัวโจก”นำเพื่อนๆไปในทางที่ไม่ถูกต้อง อย่างในสมัยนั้นเรื่องการตีกันระหว่างนักเรียน ของอำนวนศิลป๋ ธนบุรี เริ่มมีชื่อเข้าไปติดในระบบเช่นเดียวกับโรงเรียนไพศาลศิลป์ โรงเรียนช่างกลปทุมวัน โรงเรียนทวีธาภิเศก ฯลฯและ “หัวโจ๊ก” คือ “ต่อ” ที่มีชิวตโลดโผนเหมือนกับนิยายมากกว่าชีวิตจริง

การแข่งกีฬานักเรียนประจำปีระหว่างโรงเรียนต่างๆในกรุงเทพฯที่สนามศุภชลาศัย ปทุมวัน กลายเป็นกีฬาเลือดเมื่อนักเรียนแต่ละโรงเรียนเห็นว่า กีฬาแพ้แต่ตนเองไม่แพ้ และ “ต่อ”เป็นคนหนึ่งที่นำกลุ่มเพื่อนเข้าบุกทะลวงกลุ่มนักเรียนโรงเรียนอื่นๆด้วยอาวุธมีด ไม้ จนแตกกระจายมาหลายครั้งหลายหน

ครั้งหนึ่งที่สนามหลวง ยุคติดตลาดนัดวันสุดสัปดาห์ และไม่มี “คุณตัว” มาแอบแฝงหากินยามพระอาทิตย์ตกดิน กลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ มักจะใช้สนามหลวงเป็นที่เดินเล่นหรือเป็นจุดนัดพบ จากที่สนามหลวงจะเป็น”ชุมทาง” ของสายรถเมล์ต่างๆ และวันหนึ่ง “ต่อ” ไปเดินเล่นที่สนามหลวงในชุดนักเรียนปักหน้าอกว่า อ.ธ. เท่านั้นแหละเป็นเรือง เพราะเขาไปพบนักเรียนอีกคนหนึ่งที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้าม เด็กนักเรียนคนนั้นวิ่งเข้าใส่ “ต่อ”พร้อมด้วยมีดในมือ

“ต่อ”ที่มี่อาวุธนอกจากสมุดและหนังสือเรียน ที่เขาถืออยู่ในมือ แทนที่เขาจะวิ่งหนี “ต่อ”กลับเอามือข้างหนึ่งกอดสมุดและหนังสือเล่มโตขึ้นบังหน้าอกและมืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในอกเสื้อทำที่เหมือนว่าจะล้วงอาวุธ พร้อมกับวิ่งเข้าหาคู่ต่อสู่ ผลคือเขารอดชีวิตมาได้อีกครั้งเมื่อนักเรียนคนนั้นกลับหันหลังวิ่งหนีไป

ในวัยเด็ก “ต่อ”เติบโตในยุคนักเรียนชายนุ่งกางเกงขาสั้นสำหรับชั้น ป1.ถึง ม.6 (Grade 1-10) และนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำสำหรับเตรียมอุดมศึกษา (Grade 11-12) และมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้โรงเรียนอำนวนศิลป็ ธนบุรี

ถนนสมเด็จเจ้าพระยาระหว่างปากคลองสานและวัดอนงค์คาราม ในซอยสิทธิเกษม ถนนปากคลองสานยังเป็นถนนที่มี 2 แลนไม่มีเกาะกลางรถยนต์ต้องวิ่งสวนกันไปมาข้างละแลน ทางด้านหนึ่งมีคลองขนาดไปกับถนนมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลไปสู่สวนผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ น้ำที่ใสสะอาดข้างทางสามารถให้เด็กๆลงไปว่ายเล่นได้อย่างสนุกสนานไม่ต้องกังวลในเรื่องความสกปรกจากน้ำที่ลงไปว่ายเล่น รวมทั้ง “ต่อ” ที่ชอบไปเช่าเรือมาพายเล่นในลำคลอง

ในบริเวณนั้นเรียกว่า “ท่าดินแดง” เป็นสี่แยกมีถนนตัดผ่านถนนสมเด็จเจ้าพระยา และมีร้านกาแฟที่เป็นที่สถิตย์ของ “ต่อ”และเพือ่นๆในยุคนั้นเรียกว่า “จิ๊กโก” ใส่กางเกงขาลีด เป้าต่ำ เสื้อโตกว่าตัว แขนสั้นพับแขนและหวีผมให้ตั้งเป็นกำแพงด้านหน้าด้วยน้ำมันใส่ผมยี่ห้อ “ตันโจ” ถ้าจะเปรียบกับสมันนี้ในอเมริกา น่าจะเรียกได้ว่าเป็น แก๊งค์ โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว จนวันหนึ่งเกิดไปเรื่องกับแก๊งค์วัยรุ่นด้วยกัน “ต่อ”ถูกวันรุ่นแก๊งค์ “หมา-อ่า” ซึ่งเป็นพี่น้องกัน เช่นเดียวกับ “แตน-ต่อ”

“หมา-อ่า”พยายามที่จะแทง“ต่อ”แต่ถูกพี่ชายเขาถีบและฟันสวนจนแตกกระเจิงวิ่งหนีไป “ต่อ”รอดชีวิตมาได้อีกครั้งหนึ่ง และในเวลาต่อมา แก๊งค์ “หมา-อ่า” ได้ย้อนกลับมาเอาคืน ที่สี่แยกท่าดินแดง

คืนวันนั้ประมาณ 2 ทุ่มกว่า น่าจะเป็นราวพ.ศ.2506 นายหมาและ นายอ่า พกดาบมาที่สี่แยกท่าดินแดงเพื่อล้างแค้นที่ถูกฟันกระเจ่งไปครั้งหนึ่ง

“ต่อ”ยืนอยู่กับ “เอียด” Puppy Love อายุ 16 ปี ที่ป้ายรถเมล์ ส่วนนายหมาและนายอ่า วิ่งข้ามถนนมาหา “ต่อ”พร้อมดาบยาวในมือทั้ง 2 คนพร้อมกับลูกน้องอีก 1 คน “ต่อ”เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น เขาผลัก “เอียด” ให้วิ่งไปที่อื่นส่วนตนเองควัก .22 ลูกโม่งไทยประดิษฐ 5 นัด ยิงเข้าใส่นายหมาและนายอ่า กระสุนนัดหนึ่ง เจาะเข้าสะโพกของกลุ่มนายหมาและนายอ่า ล้มลง ส่วนนายหมาและนายอ่าวิ่งหลบหนีไป

“ต่อ”รอดตายมาได้อีกครั้งหนึ่งโดยมีผู้อื่นรับเคราะห์แทน

หลังจากที่ “ต่อ”เดินทางมาสหรัฐฯ เขาเป็นนักธุระกิจคนแรกๆที่ประสบความสำเร็จ เช่นเป็นเจ้าของร้านอาหารไทย Siamese Twin ที่เมืองพาซ่าดีน่า ร้าน Thairific ที่เมือง Beverly Hills และ Top Supermarket ในเมือง Whittier ที่เขารวมกันก่อตั้งเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้วมา กับอดีตภรรยา พัชรี “ติ๋ม” เวโรช

“ต่อ”ชอบชีวิตที่โลดโผน เป็นคนจริงที่รักเพื่อน และมีเพื่อนรุ่นน้องที่เปรียบเสมือนน้องชายร่วมสายโลหิต อีก 3 คนคือ ต้อม –ไก่ และวัฒน์

“ต่อ”เป็นคนชอบล่าสัตว์ ทุกครั้งที่คนในกลุ่มไม่ว่าจะเป็น “ต่อ” หรือผู้อื่นที่ล่ากวางหรือหมีมาได้

“ต่อ”จะรับหน้าที่ชำแหละและแจกจ่ายให้เพื่อนๆ

“ต่อ”ประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเมื่อครั้งทำงานอยู่กับบริษัทขายอุปกรณ์การก่อสร้างบนถนนซันเซ็ท ใกล้กับไชน่าทาวน์ในแอล.เอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งบริษัทตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นทางลาด

รถFolk lift สำหรับขนอุปกรณ์การก่อสร้างที่มีน้ำหนักกว่า 1 ตันไหลลงมาอัด “ต่อ”เข้ากับกำแพงจนอวัยวะภายในแตกและเมื่อนำส่งโรงพยาบาล เขาขาดลมหายใจอยู่ในห้องไอ ซี ยู แต่ แมว 9 ชีวิตอย่าง “ต่อ”ทำให้ หมอ สามารถปั๊ม “ต่อ”ให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง นั่นเมื่อราว คศ.1972

“ต่อ” รถคว่ำ ถึง 3 ครั้งในชีวิต ครั้งแรกที่สะพานบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ครั้งที่2 บนภูเขาในเมืองสตูดิโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย และครั้งสุดท้ายเมื่อปี คศ.2009 ที่บางปะกง อีกเช่นกัน ซึ่งครั้งสุดท้ายนี้ รถอีซูสุ ที่ “ต่อ”เพิ่งซื้อใหม่เอี่ยมในเมืองไทยไม่กี่เดือนล่วงหน้า ได้พังยับเยิน ประกันตีราคาเป็นศูนย์ แต่มหัศจรรย์ที่บริเวณที่นั่งของคนขับกลับไม่ยุบลงไปจากการที่รถพลิกคว่ำหลายตะลบ

“ด่อ”เดินไปในธุระกิจที่เขาไม่ชอบนัก จนมาค้นพบอาชีพเมื่ออายุมากแล้วว่าเขาชอบเรื่องของกฎหมายมากกว่า กระทะ และตลิ่วในครัวร้านอาหารไทย

Paralegalและการบัญชี เป็นอาชีพที่เขาชอบและทำได้ดี โดย “ต่อ”เริ่มต้นที่ทนายความ บิล ลิฟวิงสโตน และแยกออกมาฉายเดียวเมื่อวิชาแก่กล้า จวบจนวาระสุดท้ายในชีวิต

“ต่อ”ป่วยด้วยโรคตับมาหลายปี และเข้าๆออกๆในโรงพยาบาลมาช่วงหนึ่งด้วยอาการท้องปวมและน้ำหนักลด และบางครั้ง อาเจียรเป็นออกมาเป็นเลือด ปีคศ.2010 ที่เมืองไทย “ต่อ”รอดชีวิตมาได้อย่างมหัศจรรย์เมื่อ “ต่อ”เสียเลือดเป็นจำนวนมากและฟุบลงในบ้านพักที่กรุงเทพฯ

“ต่อ”ฟุบลงไปเมื่อไรบนกองเลือดไม่มีใครรู้ แต่โชคดีที่ทวีภรณ์ “แดง”ภรรยาที่เมืองไทยของ“ต่อ”กลับมานำส่งโรงพยาบาลยันฮี้ที่“แดง”ทำงานอยู่ ได้ทันท่วงที่

ครั้งล่าสุด “ต่อ”เข้าโรงพยาบาลที่ ยู เอส ซี และสุดที่แพทย์จะเยี่ยวยาไว้ได้

“ต่อ” เสียชีวิต เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2012 เมื่อเวลา 12:59 PM ท่ามกลางญาติมิตร พี่-น้อง แดง ภรรยาจากเมืองไทย และ 3 ลูกสาว วิจาริณี“ตุ้ย”ศรีพิพัฒน์ –อริสยา“เต่า”ศรีพิพัฒน์ - แคนดี้ ศรีพิพัฒน์ และคู่ทุกข์คู่ยากมายาวนานกว่า 17 ปี จรรยา“นุช”ลิ้มวัฒนา

หมดแล้ว สำหรับแมว 9 ชีวิต......ไปดีเถอะ “น้องเอ๋ย” ชาติหน้ามีจริง เราคงได้เกิดมาร่วมกันอีก อรรคเดช “แตน” ศรีพิพัฒน์ Rosemead, CA 91770 USA