ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ตามหลานไปเรียนภาษาไทยที่วัดมงคลรัตนาราม ตอนที่ 7

รอบกระถางปลูกผักมากประเภท คนไทยนิยมปลูกประเภทสวนครัว ใช้ในการปรุงอาหาร ยิ่งประเภทเก็บได้ทุกวัน และอยู่นานยิ่งดี อย่างพริก ตะไคร้ กะเพรา ผักสลัด รอบๆ รั้ววัด มีกระถางมะกรูด ครับใบมะกรูด มะกรูดเป็นต้นไม้ยืนต้นของหลายบ้าน เพราะอายุยืน ผมไม่มีสถิติหรอกครับ ว่าอยู่นานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าต้นมะกรูดของวัด เติบโตร่วมกับเด็กนักเรียนของวัด การดูแลต้นมะกรูดก็คล้ายกับดูแลลูกหลาน อาจจะน้อยกว่า พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ตัดกิ่งที่แห้ง และแปลกมดชอบขึ้นต้นมะกรูด เป็นความคิดของผม คงติดใจในความหอมของใบ และผิวของลูกมะกรูด และต้น กิ่งก้านของต้นผิวไม่ขรุขระ จะเป็นบ้างก็ปุ่มเกิดกิ่งและก้าน มดทำให้ใบมะกรูดสกปรก ชอบไข่กับใบ ครับการดูแล อย่าฉีดยานะครับเพราะอันตราย ชาวบ้านเขาบอกผมว่า เอาผงซักผ้า ผสมน้ำ แล้วฉีด ผมลองดูได้ผล อดคิดว่าแล้วผงซักฟอกกับน้ำ มีอันตรายต่อสุขภาพเราไหม

สวนของวัด มีพระพุทธรูปสององค์ ทางซ้ายมือเป็นปางประทานพร ทางขวามือเป็นปางสมาธิ ทั้งสองปางเป็นศิริมงคลกับคนไทย เป็นความสัมพันธ์ต่อความรู้สึก ถ้าเราไปวัด ทำบุญกับพระ ท่านจะสวดมนต์ ทุกตอนคือคำสอน

เราฟัง จิตเป็นหนึ่งเดียว กายนั่งสงบสัมผัสกับสิ่งดีงาม พอเสร็จพิธีกรรม ทุกคนจะมีความรู้สึก สบายใจ คือความสุข นั่นคือบุญ ครับพระพุทธรูปทางซ้ายมือคือสิ่งที่ให้กับเรา คนทำสิ่งดีงาม ท่านจะให้ศีลให้พร เลยอดคิดไม่ได้แล้วบางคนทำผิดบ้างล่ะ จะถูกละเลยไหม สำหรับผมคิดว่าไม่หรอก ท่านก็คงจะให้พรเหมือนกัน โยมทำไม่ดี สิ่งไม่ดีไม่เคยให้ใครมีความสุขหรอก การสอนแนะหนทางถูกก็เป็นพรเหมือนกัน พุทธศาสนาสอนทางถูกต้อง เอาตัวเราเป็นศูนย์กลางเรียนและรับรู้ด้วยการสัมผัส ที่เรียกว่าประสาทสัมผัสที่ 6 แล้วนำพิจารณา สิ่งไหนถูกปฏิบัติตาม สิ่งไหนไม่ถูกปรับปรุง แก้ไข พุทธศาสนาไม่เคยสอนให้คนหนีปัญหา และยังเน้นทุกปัญหาแก้ได้ พุทธศาสนาสอนจากง่ายไปหายาก ถ้าปฏิบัติได้ เลยสูงสุดเรื่องปรินิพพาน คือการมีชีวิตที่ปราศจากกิเลสและตัณหา ท่านพุทธทาสสอนไว้ว่า ปรินิพพานชีวิตทุกคนเคยพบและมีกับตัวเรา เกิดขึ้น คือใจสงบ มีความปกติของใจ คือสะอาด ไม่นำเอาปัจจัยวุ่นวายมาคิด ถ้าใจสงบคือนิพพานชั่วคราว พุทธศาสนาสอน สิ่งธรรมดา เกิดและหาย อย่างทุกข์ และสุข บาปและบุญตายไม่สูญ จิตจะนำบาปบุญติดไปกับร่างใหม่ ทุกสิ่งที่เราสัมผัส จะดีหรือชั่ว คือการบ้านที่เราจะละเลยไม่ได้ ต้องแก้ไขปรับปรุง เมื่อทำการบ้านเสร็จและถูก ชีวิตดีก็เริ่มได้เสมอ และตามมาคือสิ่งดีๆ ของชีวิต

พระพุทธองค์ นั่งเป็นประธาน ทางขวามือมีดอกทานตะวันต้นสูงใหญ่ ดอกกลมโตเท่ากระดิ่งเล็กๆ มีแมลงผึ้งตอมเต็ม ครับความเป็นจริงของธรรมชาติ นอกจากให้ความงาม ความร่มเย็น ความสุขที่ปลอดภัย แล้วยังเกื้อกูลต่อกัน ให้ปุ๋ยกับดิน ให้น้ำหวานกับผึ้ง เป็นที่ร่วมทุกข์สุขแก่พืชอื่นๆ พระพุทธองค์ นั่งขัดสมาธิเท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาหงายมือทับมือซ้าย นั่งตัวตรง ก้มพระพักตร์ หลับพระเนตร สงบ

หลายคนบอกว่าปางสมาธิ ดูแล้วขรึมอดคล้อยตาม แต่สิ่งที่รับรู้คือเป็นแบบอย่างที่ทุกคนควรมีให้ตัวเอง เรามีชีวิตที่เป็นปกติ นั่ง ยืน เดิน นอน สามารถทำสมาธิได้ การทำสมาธิ คือทำใจให้สงบ เหตุที่ใจเราวุ่นวาย เพราะเหตุภายนอกเข้ามารบกวน การทำสมาธิ ทำใจให้สงบ ความสงบคือพลังงานของใจ ทำให้เกิดความคิด มองเห็นความคิดที่มอง อะไรผิด อะไรถูก และยึดความถูกต้อง

เราเรียกว่าปัญญา การบ้านลองใช้ปัญญาพิจารณา เราเคยได้ยินความสำคัญของป่าไม้ ป่าไม้สมบูรณ์ จะช่วยให้ดินสมบูรณ์ ฝนตกตามฤดูกาล น้ำไหลป่าไม้จะกั้นไม่ทำลาย และป่าจะให้ความร่มเย็นตลอดกาล คำพูดที่ว่าเราเอาตัวเราไปรวมกับป่า หรือจะเอาป่ามารวมกับเรา ข้อความไหนสำคัญกว่ากัน ลองนั่งคิด

สวนครัว คือป่าเล็กของวัด และบ้านเราสามารถหาความเพลิดเพลิน และความสงบทางใจได้ตลอดเวลา ทุกที่ภายใน และนอกบ้านสามารถทำสวนได้ ให้น้ำพรวนดิน และดูความเติบโต ผมไปร้าน Trader Joe เห็นคนซื้อกระถางโหระพา ราคา 3 เหรียญในกระถางมีประมาณ 4 ต้นใบหนาเต็ม คนซื้อบอกว่า ซื้อไปตั้งหน้าต่างครัว ดูการเจริญเติบโต และกลิ่นธรรมชาติของโหระพา หอม ป้องกันแมลง และเป็นอาหาร วันไหนทำสปาเก็ตตี้ ผัดเนื้อ หรือสลัด เด็ดหลายใบใส่ด้วย อร่อย กระถางของต้นจะอยู่เป็นอาหารอีกนานวัน การดูแลเพิ่มความรักจากใจ ต้นจะงอกงามใบใหม่สะพรั่ง

เบิร์กเล่ย์ รณรงค์ปลูกสวนครัว เคยโฆษณาใครมีที่ว่างมาก จะเชิญคนอื่นที่ชอบการเพาะปลูก มาปลูกสวนครัวร่วมกันก็จะดี มีเพื่อนใหม่เรียนรู้ และแบ่งปันอาหาร ความรู้สึก จิตใจการมีเวลาให้กับการปลูกพืชในสวน จะไม่มีเวลาเหงา ว้าเหว่ และเป็นการอยู่กับแสงแดด อากาศบริสุทธิ์ และเป็นการออกกำลังที่ถูกต้อง ค่อยๆ พัฒนาส่วนของกายและใจ ไม่โหมกำลังงาน

ไม่น่าเชื่อพืชผักที่เราปลูก จะเป็นอาหารที่มีรสอร่อย ปลอดสาร เพราะพืชและผัก เราดูแล พรวนดิน อาศัยปุ๋ยธรรมชาติ ของกินที่เหลือนำมาหมัก เหมือนบ่มไวน์ เมื่อหมักของเหลือกินจะเหมาะแก่การเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ผักที่ปลอดสารเราเรียกในตลาดว่า "ออแกนิค" อาหารออแกนิคทานแล้วไม่มีสารที่เป็นอันตราย ประเภทสารเคมี ที่ฉีดแมลงตกค้างในร่างกาย ย่อมมีความเป็นธรรมชาติ เมื่อไม่มีสารแปลกปลอม เจ็บป่วยรักษาไม่นานก็หาย โรคร้ายสานต่อไม่มี เพราะร่างกายจะต่อสู้ ต้านทาน แก้ไข โรคร้ายด้วยความเป็นธรรมชาติของตัวเอง

ผมอยู่กับลูกที่เป็นหมอสองคน เจ็บป่วยเล็กน้อย ปวดหัว ไอเป็นหวัด จะไม่ค่อยทานยา บอกว่าโดยปกติร่างกายคนจะมีภูมิต้านทาน ต่อสู้และแก้ไข เมื่อร่างกายอ่อนแอเป็นโรค ร่างกายจะพยายามรักษาตัวเขาเอง เราช่วยโดยทานอาหารที่มีสารต่อต้าน ดื่มน้ำเยอะ พักผ่อน และสงบใจด้วย ไม่นานโรคก็หาย จริงอยู่การทานยาจะทำให้โรคหายไว แต่บางครั้งยาก็สามารถตกค้าง ละลายปะปนเป็นส่วนเกินของร่างกาย อาจจะเป็นอันตรายในระยะยาว

ลูกบอกว่า ถ้าชีวิตเราดูแลตัวเอง ทานพวกวิตามิน อย่างความจำ กระดูก เหน็บชา ไขข้อ วิตามินพวกนี้คือตัวเสริม ส่วนที่ขาดตกหล่นจากอาหารที่เป็นธรรมชาติ

พระท่านเพิ่งพูดไปกับโยมว่า การศึกษา ภาวนา สำรวม สงบกายใจ มีประโยชน์ต่อชีวิตทั้งนั้น คงจะทำหน้าที่เหมือนยา แต่ต่างตรงที่ว่า ฝึกสิ่งดีๆ กับชีวิต และปัจจัยที่อาตมาบอก มีติดตัวโยมอยู่แล้ว และสำคัญยิ่งคือรักษาจิตของเรา

เมื่อสองวันก่อน อ่านเกี่ยวกับการวิจัยผลไม้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด บอกว่ารสของผลไม้จะเป็นปลูกตามธรรมชาติ หรือใส่ปุ๋ยเคมี รสเหมือนกัน แต่หลายคนค้านว่า ประเภทออแกนิครสดีกว่า จะจริงเท็จ ทุกคนตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน การวิจัยเป็นสิ่งดีงาม แต่ที่แน่ๆ คนที่ชอบอาหารออแกนิคบอกว่า ทานแล้วสบายใจ ความรู้สึกปลอดภัย ปี ค.ศ. 2012 คนนิยมประเภทออแกนิคเพิ่มขึ้น

สวนวัดมีพันธุ์ไม้หลายประเภทเจริญงอกงาม เดินรอบๆ รู้สึกสบายใจ เป็นความจริง ชีวิตคนเราอยู่กับวัตถุ ความรู้สึกชอบวัตถุเป็นความรู้สึกเสียเงิน และเมื่อได้เป็นเจ้าของความรู้สึกชะงักเพียงชั่วขณะ เมื่อของใหม่มาก็อยากเปลี่ยน แต่ความรู้สึกกับธรรมชาติ ความปรารถนาจะได้ครอบครองวัตถุต่างๆ จะลดลง หลายคนว่าเป็นความสุขที่เกิดจากปัญญา ถ้าจริงตามที่คิดปัญญา สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ดีหรือไม่ดี ทุกข์หรือสุข ท่านเจ้าอาวาส เมตตาบอกว่า สวนวัดปลูกอะไรก็งาม เพราะที่ตรงนั้น ก่อนมาเป็นของวัด เจ้าของปลูกผักย่อมใส่ปุ๋ย พรวนดิน พืชทุกชนิดดูแลดี การหมุนเวียนทำให้ดินดีด้วย

ท่านหันไปมองเด็กๆ วิ่งผ่านไปมา คงจะเหมือนเด็กนะโยม ผู้ใหญ่ที่มีเมตตา จะเตรียมเด็กๆ เพื่อชีวิตที่ดีของวันข้างหน้าเสมอ ความคิดตรงกับคำพูดของโอบามา ประธานธิบดีของอเมริกา พูดตอนหาเสียง ถือเป็นนโยบายของพรรค เรื่องการสนับสนุนการศึกษา หน้าที่ของรัฐ คือมีแหล่งเงินให้เด็กได้ยืม เพื่อเป็นทุนการศึกษา ดอกเบี้ยต่ำระยะเวลาจ่ายเงินนาน

แม้แต่ชีวิตของผม ก้าวมาถึงวันนี้เกิดจากการศึกษา เด็กเกิดต่างจังหวัด เมื่อ 72 ปีมา ล้อมรอบด้วยอาชีพเกษตร การคมนาคมไม่สะดวก ไม่มีไฟฟ้า ประปา และส้วม ทุกอย่างคือปัจจัยหลอมชีวิต ไม่เห็นความเจริญเหมือนเมืองกรุง พ่อแม่ค้าขายข้าว วันหนึ่งแม่เอาเรือไปจอด คนงานขนข้าวเปลือกลงเรือ ผมนั่งข้างๆ แม่ แม่สอนวิธีบดข้าวเปลือก เอาข้าวไปสีที่โรงสี บ่อยครั้งจะนำข้าวหลายร้อยกระสอบไปขายที่คลองเทเวศน์ ระหว่างนั่ง ยืน ขี้มูกไหลเป็นทาง แม่ยืนดูเรืยกมาพูด ลูกไปเรียนกรุงเทพฯไหม ผมตอบแม่ครับดีใจมาก ญาติไปเรียนกรุงเทพฯ กลับบ้านนุ่งกางเกงเวสปอยท์ ใส่เสื้อโทเร มีกระเป๋าสตางค์ใช้ส่วนตัว เล่าเรื่องนั่งรถรางไปโรงเรียน ตกเย็นไปนั่งใต้เพิงร้านหนังสือ อ่านหนังสือการ์ตูน วันอาทิตย์ไปหัดขี่จักรยานยนต์ที่สนามหลวง ตกบ่ายไปช่วยวิ่งรอกว่าวจุฬา ซึ่งเล่นกับว่าวปักเป้า ไปงานศิลปหัตถกรรม งานนักเรียน สนุกมาก นักเรียนสาวสวยเยอะ

วันดีๆ ของชีวิตผมยังจำได้เสมอ วันนั้นตื่นกระโดดน้ำคลองแต่เช้า แต่งตัวใส่รองเท้าบาจา พ่อแบกถุงข้าวสาร ผมถือชะลอมกุ้งแม่น้ำต้ม และปลาช่อนเค็ม ลงเรือ 7 โมงเช้ามาขึ้นหัวรอ หัวรอคือท่าเรือในตลาดกรุงเก่า เป็นเมืองหลวงของอยุธยา พอขึ้นจากเรือ นั่งสามล้อไปท่าเรือต้องนั่งเรือไปสถานีรถไฟ รถไฟไปกรุงเทพฯ เวลา 9 โมงเช้า พอถึงหัวลำโพง นั่งรถรางรอบเมืองมาวัดราชบพิธ พอโตสอบชิงทุนได้ ย้ายจากวัดซึ่งเป็นสถานที่ สร้างพื้นฐานดีๆ ให้ชีวิต สังฆราชท่านอบรมทุกวัน ให้เป็นคนดี สอนให้มองเห็นสิ่งดีงาม พยายามปฏิบัติตาม เมื่อทำได้ชีวิตย่อมมีส่วนดีเกินค่อนของความไม่ดี จบปริญญาตรี วางแผนมาอเมริกาตลอด เพื่อนชวนมาพร้อมกัน ดร.นิพนธ์ ไทยพานิช และ ดร.ประเทือง เย็นเยือก แม่บอกว่ามีน้าอยู่ที่อลามีดาร์ ชื่อน้าวาสนา ฟอร์แมนด์ ผมติดต่อมหาวิทยาลัย สอบโทเฟล และติดต่อน้า คำพูดของน้าวาสนา มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน แม่กับพ่อพูดกับผมว่า พ่อกับแม่ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีเงินมาก แต่สมบัติที่พ่อแม่มีแบ่งให้เจ้าขายเอาเงินไปเรียน ถ้าเรามีการศึกษาสามารถใช้ความรู้ ทำงาน สร้างชีวิตได้ การศึกษาคือสมบัติที่ติดตัว และสามารถสร้างปัญญาทางความคิดได้ เป็นจริงอย่างที่พ่อแม่บอก

ชีวิตผม อดขอบคุณน้าวาสนาไม่ได้ คำพูดของพระ ท่านสอน เตือนสติเสมอ คนไม่ลืมบุญคุณย่อมเจริญก้าวหน้า และมีแต่ความสุข ผมยอมรับ การปฏิบัติตัวของน้าวาสนา ผมนำหลายอย่างมาเป็นแบบอย่าง คือการต่อสู้ชีวิต สร้างชีวิต แม้แต่การดำเนินชีวิต เอาใจเป็นเครื่องดำเนินชีวิต ถ้าใจคิดว่าใช่ คิดว่าดี และถูกต้อง จะเสียเวลาทำไม เหมือนตอนซื้อร้านปาปิยอง เริ่มต้นจากศูนย์ เดี๋ยวนี้เจริญ ซื้อบ้านคิมเบอร์พาร์ค ฟรีมอนต์ ประมาณ 30 ปีก่อนโน้น ทุกอย่างอยูที่การตัดสินใจ

ผมนั่งอยู่กับพระ 6 รูป กำลังฉันอาหารเพื่อรอรับใช้ หรือฟังท่านให้ธรรม ที่จริงธรรมะของพระพุทธองค์มีทุกที่ เพียงแต่รู้จักน้อมความคิด เหมือนพระท่านกำลังฉันอาหาร มีสิ่งมากมายต่างกัน นั่นคือความเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่เหมือน ท่านละทุกอย่าง พยายามเรียนรู้มากสิ่ง คุยกับโยม ถามตอบ ให้คำแนะนำ ถามถึงผลของการแนะนำ และวิธีปฏิบัติ ผลได้และไม่ได้ ยังมีอะไรอยากถาม และแปลกพระท่านอยู่ร่วมกันในวัดจำกัดที่ แต่ทุกรูปมีความสุขชอบสนทนา โดยเฉพาะทางใจ พระทุกรูปก่อนจะเดินทางนี้ ย่อมรับรู้ถึงการดำเนินชีวิต ต้องละทุกอย่าง ต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิต เคยถามท่านว่า เวลามีคนเข้าใจผิดกับท่าน ต่อว่า พูดให้โกรธท่านโกรธไหม คำตอบโยมอาตมามายืนอยู่ในสถานะของพระ ชีวิตต้องมีสติ จะว่าอดกลั้น ความโกรธ และข่มสติ ถูกสำหรับพระ พระต้องรู้จักให้อภัย และยินดีต่อสิ่งเสียดทาน จะได้เรียนรู้และฝึก อีกไม่นาน ทุกสิ่งเหมือนลม เมื่อพัดถูกอาจรู้สึกหนาว ร้อน แต่เมื่อจิตรับรู้ วางเฉย ทุกสิ่งเป็นแง่ดีหมด โยมว่าให้โกรธ ปรับให้เป็นข้อเตือนสติทุกสิ่งดีไม่ดี ย่อมเป็นประโยชน์ ให้ข้อคิดกับชีวิตทั้งนั้น