ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 10 กันยายน 2565

ผมยังใช้เวลาอยู่บนถนน สำหรับผมถนนคือ สรรพสิ่งของคน รถ และร้านค้า แตกต่างสำหรับคนแตกต่างทางพฤติกรรม สำหรับร้านค้าขาย แตกตกต่างทางสินค้า อย่างร้านอาหาร จะมีความแตกต่าง ของประเภทอาหาร ร้านอาหารมาที่อยู่ติดกัน ใกล้กัน ยังทำมาหากิน ต่างเจริญรุ่งเรือง มีเงินเข้ากระเป๋าไม่ขาด

ทางซ้ายมือเป็นตึกแถว มีร้านต่างประเภท ครับมีร้านขายอุปกรณ์สำหรับบ้านที่เราเรียกว่าร้าน “ฮาร์ดแวร์” ผมเป็นลูกค้าบ่อย หลายวันผมแวะไปปรึกษาโถน้ำของส้วม น้ำไม่หยุด ไปถามร้านเขาบอกว่าถอดอุปกรณ์มาให้ดู เหตุผลโถส้วมสร้างมานาน อุปกรณ์ที่ใช้แตกต่าง วันนั้นผมถือโอกาส ซื้อตะปู แตกต่างขนาด ผมกำลังทำห้องที่อาบน้ำที่สร้างแยกจากบ้าน ยกพื้นเป็นทรงไทยกลายๆ 2 ปีมาเสียหลายร้อย เปลี่ยนปั๊มทำน้ำร้อนและการหมุนเวียนของน้ำ เวลาหลานชายมาช่วงโรงเรียนหยุดจะได้ แช่ตัว ครับไม่ได้ใช้มาสองซัมเมอร์แล้ว เพราะน้ำแพง ผมเลยเปลี่ยนต่อเติมติดรูปภาพ แตกต่างเยอะแยะ กำลังขโมยกระถางต้นไม้ แม่บ้านซึ่งมีเยอะมาประดับด้วย ส่วนตัวผมมองยิ้ม สวย มีที่พัดกอล์ฟด้วย ถ้าผมนิมนต์พระมาติชม คงได้ยินเสียงสาธุ เหตุผลตรงกับใจผม ดูแล้วสวย พักผ่อน รอบๆมีต้นไม้ยืนต้นเยอะ แม้แต่เร็ดหวูด สงบ ร่มเย็น เสียงบอกว่า ว่างโยม ลองนั่งสมาธิดู ผมยิ้มตามที่ท่านบอก เพราะเป็นส่วนของความคิดและความเชื่อ จนเวลาผ่านนานยังไม่เคย ทำตามข้อเสนอของพระสงฆ์ แต่ปกติชีวิตประจำวัน ก็ไปออกกำลังกายที่ วายเอ็มซีเอ ทุกเช้าตื่นนอน ก็ออกกำลังประมาณครึ่งชั่วโมง

ครับท่านบอกว่าการออกกำลังกายใจ เป็นความจำเป็น แต่การนั่งสมาธิ เป็นการทำใจให้สงบ คนเราเมื่อทำใจ สงบ บ่อยความคิดทางลบก็น่าจะลด เหมือนกับออกกำลังที่โยมบอก ความเจ็บ เมื่อย ตัว เข่า ขา ก็จะหายไป

ผมหยิบกาแฟซิบ รสขมของกาแฟ ไม่เติมน้ำตาล ครีม ชอบกาแฟรสแก่ วันนี้ควักกระเป๋าเหรียญเกินนิด ซื้อร้านแม็กโดนัล สำหรับผมกาแฟถึงรสและคุณภาพจะแตกต่าง ราคาย่อมแตกต่างด้วย สำหรับคอกาแฟอย่างผม รสขมตามธรรมชาติ ความรับรู้ ถึงจะแตกต่าง แต่ใจก็ไม่เอนเอียงจะยี่ห้อไหนก็โอเค

ครับมองกระจกหน้าปัดรถ บอกว่าเวลาขับรถ ระมัดระวัง สายตาอยู่บนถนน เพราะอุบัติเหตุเกิดจาก ไม่ระมัดระวัง ผมคล้อยตามความคิด หลายเดือน ผมไปถวายอาหารพระ ขับรถออกจากวัด มีคุณยายไม่รู้ขับอย่างไร ชนข้างด้านขวามือ ครับคงตกใจ หรือพูดโทรศัพท์ ผมเสียเวลาเข้าซ่อมเดือนกว่า รถเชฟวี่โบ้ล ลูกสาว เมตตาซื้อมาใหม่ 2 เดือน เพิ่งขับได้พันกว่าไมล์ ครับสิ่งหนึ่งที่ผมอยากคุยด้วย พอรถเสร็จผมถามว่าให้ค่าเสียเวลาไหม ฝ่ายประกันคนผิดบอกว่าไม่ แต่จ่ายค่าเช่า ถ้าเช่ารถ ผมมีรถอีกคัน “ข้อเสนอ” ควรให้ตัวแทน ประกันรถ ของเราติดต่อ คุย ถ้าไม่ได้เรื่องก็น่าจะเปลี่ยนบริษัทประกัน

ตรงกลางถนน เป็นฟุตบาท วันนี้เห็นคนแต่งตัว สไปเดอร์แมน ยืนตีลังกา ร่ายรำแบบแมงมุม ข้างๆมีถัง ป้าย เขียนข้อความ “ขอบริจาค” ครับ ช่วงโควิดคนหยุดทำงานเยอะ แต่คนหยุดก็ได้เงิน จะพอหรือไม่ มันคือความพอดีของแต่ละคนอย่างผมก็แม่บ้าน ทุกเดือนไม่เดือดร้อน เกษียณเงินไม่มาก บิลล์เยอะ แต่รู้จักจัดสรรเงินทองตัวเอง ทั้งๆที่ลูกดูแล แต่ก็ไม่รบกวน

ครับช่วงนี้ คนยืนของเงินเยอะ ถ้าพอจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้บ้าง เชิญเถอะขอรับเวลาให้แล้วให้เลย ผมไม่ได้หมายความว่า พอให้แล้วเสียดาย อยากขอคืน ผมไม่ได้คิดอย่างที่บอก แต่คิดว่าการบริจาคบ้าง เมื่อสามารถทำได้ ความรู้สึกดีกับใจ นั่นคือคำที่ผมบอก ก่อนละสายตาจากสไปเดอร์แมน เขาตีลังกา ให้ลูกค้าซ่อม ผมขอบคุณกิจกรรมบนท้องถนนเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เรารับรู้สิ่งแตกต่างมากมาย เป็นการรับรู้ สบายๆ

ครับ บนฟุตบาท มีผู้สูงอายุ ชาย หญิง เดินจับแขนกัน ฝ่ายชาย มือขวาถือไม้ยันพื้นด้วย เหมือนแม่บ้านผมมีไม้หลายยี่ห้อ เหมือนแม่บ้านผมมีไม้หลายยี่ห้อ แตกต่างการใช้ สามารถปรับสั้น ยาว ให้เหมาะกับตัวผม แม่บ้านบอกว่า ผมอายุเยอะ ถึงจะยังเดินคล่อง แต่ “วัย” ของผม น่าจะใช้ไม้ช่วยประคอง ผมฟัง และยอมรับ แต่จนเวลาผ่านไป ผมก็ยังไม่ใช้ แต่ก็คงจะมีสักเวลาหนึ่งอุปกรณ์ น่าจะเป็นคุณประโยชน์สำหรับผม

ครับคุณยาย และคุณตา จากสิ่งที่ผมรับรู้ ต่างมีความสุข ทางขวามือเป็นชอปปิ้งเล็กๆของเมือง อาจจะพากันมาเดิน หรือหยุดทานอาหาร มื้อกลางวันครับ มีร้าน แตกต่างมากมาย หรือจะแวะร้านไทย มื้อกลางวันผัดไทยจานหนึ่ง ผัดกะเพราอีกจาน มาแบ่งกัน ครับอร่อย จะสั่งโอเลี้ยง หวาน มัน ขม อากาศร้อนจะช่วยให้ ความสงบ คลายตัวลงได้ เร็ว

หรือจะแวะร้าน “Nation” ผมเคยเป็นลูกค้า สั่งแฮมเบอร์เกอร์ ใส่เบค่อน มากกับเฟรนฟราย ก่อนโน้นราคา 8 เหรียญกว่านิด เดี๋ยวนี้เกิน 10 เหรียญ ครับร้านอาหารไทยก็ไม่เว้นขึ้นราคา เป็นความจำเป็นของทุกอย่างขึ้นราคา แม้แต่ค่าเช่าร้าน ขับรถน้ำมันก็ขึ้น วันนี้ราคาน้ำมันลดราคา ครับจะมากหรือน้อย การลดราคา คือ ความรับรู้ นำความปิติมาให้

ครับชีวิตของผู้เฒ่า ถือว่าเป็นความจริงของชีวิต ทุกคนไม่มียกเว้น ถ้ายังมีอายุ ตามกาลเวลา ย่อมดึงจุดของคนสูงอายุ ต้องพึ่งพา และช่วยตัวเอง

ครับเห็นนักเรียนหญิงชาย หลายคนเดินมาด้วยกัน ยิ้มแย้ม สนุกสนานกับการสนทนา ครับคงจะอยู่ไฮสกูล เป็นวัยที่ร่างกายเจริญเติบโต ฮอร์โมนสร้างและพัฒนาชีวิต ครับเด็กเหล่านี้ ถ้าเราอยู่เกรด 12 เป็นปีสุดท้ายของโรงเรียน ช่วงยังไม่จบไฮสกูล ทุกคนส่วนมากจะยังอยู่กับครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง ยังแบมือรับเงินจากพ่อแม่ มากคนก็ทำงานช่วยตัวเอง เพราะความต้องการของชีวิตแตกต่าง จะแบมือขอพ่อแม่อย่างเดียว บางครั้งลำบาก ทำงานช่วยตัวเองบ้าง เมื่อรับรู้ถึงความลำบากการทำงาน น่าจะเกิดคุณภาพการใช้เงินด้วย

พอจบไฮสกูล ส่วนมากจะไปมหาวิทาลัย ก็อยู่หอ เช่าบ้านอยู่กับเพื่อน ครับเป็นการชิมลางออกจากบ้าน ช่วยตัวเอง ส่วนมากเป็นการออกจากบ้านถาวร

สำหรับผมออกจากบ้าน ตั้งแต่จบ ป.4 แม่เรียกไปคุย ลูกปีนี้จบ ป.4 แล้วต้องเรียนมัธยม กรุงเทพฯ โรงเรียนดีๆมีมาก ลูกต้องไปอาศัยวัดราชบพิธ เป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18 ครับผมไปอยู่วัด 6 ปีกว่า แม่บอกว่าขอบใจลูก ไม่สูบบุหรี่ เกเร ผมออกจากวัด ไปเป็นนักเรียนประจำ สอบชิงทุนของกระทรวงศึกษา เรียนครูรุ่นที่ 2 (ปี 2500)

ครับยังไม่คิดกลับบ้าน เวลาเหลือเฟือสำหรับผู้สูงอายุ ไม่กังวลเรื่องทำงาน แม่บ้านจะห่วงก็เป็นเรื่องความปลอดภัย เรื่องอย่างอื่น เหมือนตอนหนุ่ม แม่บ้านบอกว่าสิ่งเหล่านั้น “ไร้ค่า” ไม่ห่วง เปิดฉากของความระมัดระวัง ดูแลตัว ทุกสิ่งคือปัจจัยและกำไรชีวิต (ต่อ)