ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ท่องเรือ Princess ตอน 2

การเดินทางท่องเที่ยว ผมเชื่อว่าตัวผมมี “ยีนส์” ในสิ่งเหล่านี้ เพราะตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงวันนี้ อายุ 84 ปี ยังท่องเที่ยว และเดินทางตลอด การท่องเที่ยวจะไปไกลหรือใกล้ สิ่งสัมผัสคือประสบการณ์ชีวิต คำว่า ประสบการณ์ คือ การสัมผัส “จริง” จากการมอง จิตรับรู้ไม่เพียงความแตกต่าง หลายครั้งประสบการณ์อย่างชีวิต หญิงวัยกลางคน ทางทุกสายผมขับผ่าน ติดกับทางรถไฟ รถ BART (Bay Area Transits) ศูนย์ช็อปปิ้ง เมือง เอลเซอริโต้ นอนริมถนน การใช้ชีวิตที่ปราศจากความปลอดภัย ไร้ความปกติแห่งชีวิต ชีวิตไม่น่าจะมีความคิดประจำวัน เคยคิดกับคนไร้บ้าน มากมายอดีต ชีวิตยามโต เช้าคงดื่มกาแฟ ถึงเวลาหลับนอน อาจมีครอบครัว คุย สนทนา และวางแผนชีวิต อบอุ่น แต่วันนี้ ไร้ความสะดวกสบาย ขาดความเป็นปกติของชีวิต ใช้ชีวิตตลอดวัน ริมถนนน่าจะสูญความคิด และความทะเยอทะยานสร้างชีวิต

เป็นวันแรกที่ท่องเที่ยวหลับนอนบนเรือ Princess เป็นครั้งที่ 3 ของชีวิต ปีกลายไป Alaska ผมอยู่ห้อง L302 ชั้น 15 ติดกับหน้าต่าง ครับเวลาเรือวิ่ง ผมสามารถมองเห็นบรรยากาศของเมือง แต่เวลาหัวเรือเปลี่ยนทิศทางวิ่ง ผมจะมองเห็นเพียงท้องฟ้า สายน้ำ เรือจะวิ่งห่างบ้านเรือน น่าจะเป็นพฤติกรรมธรรมชาติของกระแสน้ำ เรือกำลังจะออกท่า เมืองซานฟรานซิสโก ผมออกจากห้องเป็นชั้นเดียวกับดาดฟ้า สูงกว่าดาดฟ้าตรงหัวเรือ มีอีก 2 ชั้นไม่ยาวและกว้างตลอดเรือ เป็นห้องออกกำลังอีกชั้น สามารถยืนมองทัศนียภาพ รอบตัวด้านนอกเรือ

การจอดเรือจะเอาท้ายเรือ ถอยจอดติดกับฝั่งหัวเรือหันออก คงจะคล้ายการจอดรถ คนส่วนมากจะเอาหัวรถยนต์เข้า อยู่ติดถนนเดินเป็นความคล่องตัวในการจอดรถ ถ้าจะเป็นเรื่องปลอดภัยจากการกระทบกับรถขวาและซ้ายน่าจะปลอดภัย ปัจจุบันมีคนมากมาย นิยมเอาท้ายรถเข้าจอด เหตุผล “น่าจะเป็นความสะดวกเวลาออกรถ” ส่วนตัวผมถนัดนำหัวรถเข้า การจอดเรือก็เหมือนกัน คนจะนิยมเอาหัวเข้าจอด ผมเติบโตกับการใช้เรือ เติบโตที่อยุธยา ช่วงเป็นเด็ก น้ำจะท่วมบ้านเรือน การเดินทางต้องพายเรือไปโรงเรียน ครับผลดีของชีวิตอยู่รอบน้ำ รู้จักเรียนรู้การว่ายน้ำแต่เด็ก จำได้เวลาอาบน้ำในแม่น้ำ สะพานยื่นออกจากฝั่งมีบันไดลงสะพานสร้างพื้นติดกับน้ำ ใช้นั่งเล่นลงเรือ ผมกับน้องใช้เป็นที่กระโดดน้ำลงแม่น้ำ ยุคปัจจุบันเรือไม่มีให้เห็น คนใช้ถนนรถและเดินไปมา การใช้เรือที่แม่น้ำหมดความรับรู้และเห็น เด็กเกิดวันนี้ ถ้าพูดถึงการใช้ชีวิตในแม่น้ำ ว่ายน้ำ กระโดดลงน้ำ พายเรือ บ่อยจะว่ายน้ำ เกาะเรือพ่วง สิ้นสุด นิยามคำว่าเรือพ่วง คือการค้าขายที่ต้องใช้เรือ โดยเฉพาะเรือ ค้าขาย ซื้อข้าว ต้องอาศัยเรือใหญ่ เวลาไปซื้อต้องอาศัยเรือมีเครื่องยนต์ลากจูง มีเรือผูกติดเป็นแถว ครับเรือท่องเที่ยวที่ผมจะไป จะเอาท้ายจอดเพื่อสะดวกในการออกเรือ เพราะเรือใหญ่ คนประมาณ 5-6 พันคน เรือท่องเที่ยวกำลังจะออกจากท่า ผมอยู่ชั้นเดียวกับดาดฟ้า ออกมายืนดูบรรยากาศรอบๆ อ่าว Bay Area สำหรับผม เบย์แอร์เรีย เป็นอ่าวสวยกว่าทุกเมืองที่ผมเห็นมา แม้แต่ฮ่องกง เคยนั่งเรือไปมาเก๊าส์ (ไปหย่อนกาย พักผ่อน เสี่ยงโชค) การพนันที่มาเก๊าส์ ต้องนั่งเรือไป และตรงฝั่งฮ่องกง จะมีทะเลภายใน เวลาจะไปฮ่องกงอีกด้านตรงข้าม เป็นภูเขาชัน มีรถรางวิ่ง ผมก็เคยนั่งเรือไป และนั่งรถรางขึ้นชัน ความคิดคือประสบการณ์ตรงของชีวิต

ท่าเรือของทุกเมืองแตกต่าง อย่างตะวันออกปี 1975 ผมมีโอกาสไปตะวันออกเหนือของอเมริกา การเดินทางโดยเพื่อนคนไทย ปรีชา จันทรมะระกะ สนิทกัน เรียนมหาวิทยาลัยบางแสนด้วยกัน ปรีชา เดินทางมาอเมริกาก่อนผม สนิทกับ พีชคอร์ ชื่อ แอนโทนี่ จบจาก ยูซีเบิร์คเล่ย์ แนะนำบ้านเคยอยู่รัฐ เม็นส์ ปรีชา เคยเป็นพีชคอร์ในออสเตรเลีย การเดินทางทางตะวันออกเหนือของผมเดินทางคนเดียว หลายคนอาจถามผมเหงาไหม ไม่เหงาหรอกครับ ชีวิตผมเดินทางตั้งแต่เด็ก ตอนก่อนจบ ป.4 นั่งไปเรือซื้อข้าว เรือใหญ่ มีคนงานหลายคนแบก ตวง ระหว่างคนงานขนข้าวลงเรือ แม่มานั่งคุยด้วย ลูกจะจบ ป.4 ปีนี้ แม่จะส่งลูกไปอยู่กรุงเทพฯ เรียนมัธยมในกรุงเทพฯ ไปเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18 วัดราชบพิธ แม่เคยคุยกับท่าน บ้านท่านติดกับบ้านเรา และสมเด็จฯก็รู้จักลูก ทุกปีสมเด็จฯ จะมาให้รางวัลเด็กเรียนสอบได้ที่ 1 ของโรงเรียน “วาสนานุกูล” เป็นโรงเรียนที่สมเด็จท่านดูแล จะมาแจกรางวัลเด็กเรียนดี สอบได้ที่ 1 ของทุกชั้น เหตุที่ท่านรู้จักลูก เพราะลูกสอบได้ที่ 1 ของทุกชั้น ท่านรู้จักและบอกว่ายินดี

ครับพอจบ ป.4 แม่พาผมไปกรุงเทพฯ แม่นำปลาย่าง ปลาเค็มไปฝากสมเด็จพระสังฆราชด้วย ยุคโน้น อยุธยาน้ำจะท่วมทุ่งนาอยู่ 2-3 เดือน ปลาจะออกลูกหลานในทุ่งข้าว อาหารของปลาอุดมสมบูรณ์ มีแมลงในทุ่งนาเยอะ ข้าวออกรวงอ่อนเป็นอาหารของแมลง

และแปลกข้าวที่ปลูกในอยุธยายุคโน้นน้ำจะท่วมนาข้าวทุกปี เวลาน้ำท่วม กุ้ง ปลา จะออกลูกหลาน ช่วงน้ำท่วมลูกปลาจะเริ่มเติบโต ครับธรรมชาติเกื้อกูล ส่งเสริมกันและกัน หลายสิบปี ประเทศสร้างเขื่อนหลายที่ ทำคลองระบายน้ำ น้ำเคยท่วมหมดโอกาส

ก่อนเรือท่องเที่ยวจะออกจากท่าเรือ ผมขึ้นไปยืนบนดาดฟ้าชั้น 15 ผมมีห้องอยู่ชั้นนี้ ห้อง L302 ชั้น 15 ติดกับทางออกของชั้น และชั้นนี้มีห้องอาหารบุฟเฟ่ต์อยู่ 2 ด้าน สะดวกสบาย ส่วนตัวผมคุ้นเคยกับอาหารบุฟเฟ่ต์ บริการด้วยตัวเอง

เริ่มจบ จบ ป.4 ไปอยู่กรุงเทพฯ อาศัยวัดเป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราช มีลูกศิษย์ ทุกคนเป็นญาติ ญาติคนเล็กสุดหลังจากจบเข้าเรียนนายร้อย พอขึ้นปีหนึ่งมาเรียนโรงเรียน “เวสป้อย”

ระหว่างเป็นศิษย์วัด เช้าและเย็นต้องหุงข้าว ทำกับข้าวกันเอง ส่วนกับข้าวจะไปซื้อสำเร็จมาทานกับข้าวที่หุงเอง เป็นช่วงแรกของการทานอาหารร่วมกัน เหมือนบุฟเฟ่ต์

พอจบ ม.6 สอบชิงทุนกรมฝึกหัดครูได้ไปอยู่โรงเรียนวิทยาลัยครูพระนคร เป็นรุ่นที่ 2 นักเรียนทุนไม่มาก เมื่อสอบได้ทุน สิ่งดีคือ เรียนฟรี อยู่หอฟรี กินฟรี ครับการทานอาหาร แบบบุฟเฟ่ต์ ตื่นเช้า หลังจากอาจารย์จะปลุกพาวิ่ง กลับห้องอาบน้ำ เข้าแถวทานข้าว ปี 1968 มาอเมริกา 1969 ไปเรียนปริญญาโทที่ออริกอน อยู่หอครับเราทานอาหารร่วมกันการฝึกวินัยทานอาหาร ตักแต่พอประมาณไม่พอกลับมาตักใหม่

ชีวิตเกือบตลอดเวลา สอบการมีระเบียบวินัย การอยู่ร่วมกัน ไม่เพียงทานอาหาร สอนให้เรียนรู้ การใช้สิ่งของร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะช่วงอยู่วัด จะได้รับการอบรมจากสังฆราช ไม่เพียงเรื่องเรียน ต้องจัดตารางการเรียน มีวินัย แม้แต่การใช้ทรัพยากรของวัด อย่างมี “คุณค่า” ไม่เหลือทิ้ง

ช่วงอยู่อเมริกา เรียนหนังสือ ทำงาน มีครอบครัว ได้รับการเตือน “สติ” จากตัวเองตลอดเวลา ชีวิตเราต้องพึ่งธรรมชาติ การใช้อย่างคุ้มค่าของเงิน สิ่งของ ต้องมีวินัย

การมีระเบียบ และวินัย จัดสรรชีวิต ยิ่งช่วงมี ลูกสาว ลูกชาย จำเป็นมากในการจัดสรรรายได้ ครับเพราะระบบชีวิตได้รับการอบรม ต้องเก็บเงินส่งลูกเรียนเอกชนดีๆ ต้องใช้เงิน

ครับผมหยุดความคิด เรือเริ่มที่จะออกจากท่าเรือ ผมเดินมาหยุดที่ชั้น 15 ของเรือ มองรอบๆ เรือ ที่ออกจากท่าบริเวณรอบๆ เรียกเบย์แอร์เรีย (Bay Area) เป็นทะเลภายใน มีเกาะหลายเมืองมีท่าเรือเล็ก มีภูเขา ทางออกจากท่าเบย์แอร์เรียคือ ลอดสะพานโกลเด้นเกจ