ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด ตอน กรุงเทพฯ 7

ทุกครั้งกลับไทยจะต้องไปอยุธยา ถึงพ่อและแม่จะเสียชีวิตไปหลายปี แต่พี่น้องและญาติยังมีอยู่ การไปมาหาสู่ทักทายเป็นชีวิตของคนทุกชาติ เหมือนการไปวัด แง่จิตวิทยาบอกว่า จิตจะเพิ่มสุขอีก 5 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย เพราะอะไรหรือ ได้มีคนรู้จักใหม่ๆ ได้สนทนา และทำจิตให้สงบ เกิดที่อยุธยาและเติบโตแค่ ป.4 อายุราวๆ 10 ขวบ พ่อแม่ก็ส่งมาอยู่กรุงเทพฯ แม่พ่อบอกว่าโรงเรียนในกรุงเทพฯ ดีกว่าในอยุธยา มีความพร้อมกว่า เพราะหนังสือ ตัวเด็ก และครู แม่อยากให้เรียนจบมหาวิทยาลัย ต่างจังหวัดหลวงท่านยังมองไม่เห็นความสำคัญในการขยายมหาวิทยาลัยสู่ต่างจังหวัด ก่อนโน้นแม้แต่ผู้บริหารก็คิดว่าคนมีความรู้น่าจะปกครองยาก จริงแล้วคนมีความรู้น่าจะปกครองง่าย เพราะมีปัญญาคิด ถูกผิด สิ่งไหนดีไม่ดี

ดูได้จากพวกเป่านกหวีด ออกมาประท้วงการออกกฎหมาย ของคณะผู้บริหารประเทศ กฎหมายไม่ยุติธรรม กฎหมายดีๆ ที่ประชาชนตัวเล็กๆ ควรได้รับ กฎหมายเกี่ยวกับเกษียณได้เงินทันทีที่อายุถึง ไม่ต้องรอกรอกข้อความเดือน พฤศจิกายน กรอกแล้วต้องรออีกปี ชีวิตคนต้องกินต้องใช้ ผมพูดบ่อย แม้แต่การเรียนกฎหมาย ก็ควรพูดคุยกฎหมาย เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน อย่างสามีซ้อมภรรยา คดโกง ขโมย ต่อยตี สิทธิของการไปโรงพยาบาล สอนเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องประจำวัน แค่นี้คนก็รู้สิทธิหน้าที่ ช่วยคนไม่ไปเข้าเรียน กฎหมายและเรื่องของการเมืองมากคนคิดว่าไม่น่าสนใจ คุยเมื่อไหร่ทะเลาะ คงจะคุยไม่เป็นจริงแล้วเป็นเรื่องจำเป็นกับชีวิต บ้านอยู่ที่คลองเตยจะไปไหนที่รถติด ต้องเสียค่าด่านทุกวันเพื่อขึ้นทางด่วน ครับทางด่วน รถไฟฟ้า รถใต้ดินจำเป็นทั้งนั้น จากมักกะสันไปสนามบินสุวรรณภูมิ ถ้ารถไฟฟ้าสายนี้ผ่านย่านธุรกิจประโยชน์น่าจะดีกว่า ครับคำว่าผลประโยชน์คิดต่างกัน ประชาชนอาศัยรถเดินทาง รถย่านคนพลุกพล่าน ร้านค้าเยอะ อย่างถนนสุขุมวิทไปปากน้ำ ผ่านช็อปปิ้งเยอะน่าจะได้ประโยชน์ แต่กลับไปสร้างผ่านที่พวกนายทุน ประโยชน์เลยตกกับคนส่วนน้อย

เผลอเดี๋ยวผ่านดอนเมือง สายการบินหลักย้ายไปหมด ปล่อยให้สายการบินภายในประเทศทำมาหากิน ถึงรังสิตยุคนี้คนเยอะรถเยอะ เด็กนักเรียนเดินพลุกพล่าน เพราะมหาวิทยาลัยเยอะ มหาวิทยาลัยจะอยู่ไหน ยิ่งมีชื่อเด็กก็ตามไปเรียน ถึงค่าเทอมค่าโสหุ้ยจะแพง พ่อแม่ก็ต้องอึดทำงานหนักหาเงินส่ง แต่จบแล้วถ้าไม่มีงานตามความรู้ทำ ความรู้สึกเสียใจ

พอเลยรังสิตถนนรถไม่แน่น มองดูที่ดินปล่อยว่างไว้มากที่ เจ้าของคือนายทุน คงจะรอสร้างอุตสาหกรรม บ้าน หรือ ช็อปปิ้งมอลล์ แม้แต่มหาวิทยาลัย รอคนซื้อ เมื่อยังไม่เตะตา ก็ย่อมปล่อยที่ว่าง ที่เหล่านั้นเคยทำไร่นา รัฐเคยได้เงินภาษี เมื่อเกิดงาน คนมีเงินก็หาทางจ่ายเงิน ผมไม่รู้ว่าเมื่อปล่อยที่ว่างเฉยๆ รัฐควรเก็บภาษีเพิ่ม เพื่อกระตุ้นต่อมให้ที่ว่างออกดอกออกผล เลยรังสิตถึงบางประอิน ไม่นานก็ถึงอยุธยาพอจะเข้าอยุธยา มีร้านริมถนนเป็นเพิงขายโรตีสายไหม มีรถแวะเป็นของฝากจากอยุธยา เรื่องของฝาก หลายคนเลือกซื้อของกิน มากกว่าของใช้ ของใช้บางทีซื้อซ้ำ และของที่ซื้อบางที่ไม่ถูกใจกับความชอบ เหมือนของขวัญแต่งงาน ในอเมริกานิยมให้เงิน ยิ่งถ้าจัดโรงแรม หัวเป็นร้อย คนจะให้หัวละร้อยคงจะยาก ถ้าบังคับโดยเป็นกฎเห็นทีคนคงจะเบี้ยวสารพัดอ้าง ครับน่าเห็นใจ

ขอแนะนำจัดงานที่วัดโก้ออก อย่างวัดพุทธานุสรณ์ เคยมีคนจัด สั่งอาหารจากร้านอาหารไทย เช่าโต๊ะ เก้าอี้ เลิกงานยังทำบุญได้เต็มที่ แต่มากคนคิดแต่งงานทั้งทีในชีวิตอยากจัดหรู ครับเชิญ ยอมรับความคิดถูกต้อง แต่หลังจัด หนี้หลักเลขห้าตัว ยากที่จะเคลียร์ได้

ก่อนไปบ้าน แวะไปวัดหลวงพ่อมงคลบพิช ครับพระเจดีย์ถูกเผาลอกทองครั้ง 2310 ตอนพม่ามารบในไทย และชนะ จนถึงวันนี้ยังไม่เข้าใจ พม่ายกทัพ เดินเท้าเป็นเดือน ไทยรู้พม่ายกทัพมา และกรุงศรีอยุธยามีคลองมากมายป้องกันกรุง และมีกำแพง มีนักรบ ครับสุดท้ายเราแพ้สงคราม คงเหมือนคนไทยตอนนี้ แตกแยก เรื่องออมชอมคำพูดออกจากปาก “ไม่มีทาง” ครับคงจะรออัศวินม้าขาว มาชี้หนทางถูกและยุติ

ออกจากตัวเมืองซึ่งผมติดคำเรียกเก่าๆ “หัวรอ” สมัยโน้นที่บ้านเด็กมาเรียน เช้านั่งเรือจ้าง หลายคนมาจอดที่หัวรอ วันนี้ผมให้คนรถจอด เดินลงไปดู เก่าโทรม งานไม่ชุกเหมือนรุ่นผมเป็นเด็ก เรือเครื่องรับผู้โดยสาร บางลำวิ่งไกล ตามคุ้งน้ำ มาจอดที่เดียว เรือจ้างจอดที่โป๊ะไม่ห่างมาก ตลาดผักมีแห่งเดียว วันนี้ผมก็ไปเดิน คนไม่ค่อยมาซื้อ ไปตลาดสร้างใหม่เรียกตลาดเจ้าพรหม

ซื้อขนมติดมือ ขนมหม้อแกง ทองหยอด และข้าวต้มมัด ซื้อปลาสลิดกิโลหนึ่งใหม่ และตัวใหญ่ ครับปลาเดี๋ยวนี้เลี้ยงทั้งนั้น จะหาคนมีอาชีพตกปลาขายในปัจจุบันไม่รู้ว่ายังมีไหม ปลามากประเภทเกือบสูญพันธุ์ ครับอะไรก็รู้สึกจะสูญพันธุ์

กลับมาบ้าน ข้ามสะพานเอเชีย บ้านหลังแรกติดถนน ติดแม่น้ำ แม่พ่ออยู่มา ลูกทุกคนเติบโตจากบ้านหลังนี้ พ่อแม่เสีย สมบัติตกสู่น้องสาว บ้านยังน่าอยู่ ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน ไม้พื้นหลายสิบปียังอยู่ได้อีกนาน หลังคากระเบื้องก็ไม่รั่ว ยกเว้นฝนตก ลมแรง ฝนอาจถูกพัดย้อนแนวกระเบื้อง อาจมีน้ำหยดบ้าง อาจแตกต่างเรื่องความสะอาด ครับชีวิตมากคนไม่ใส่ใจ ยิ่งอยู่บ้านคนเดียวไม่แต่งงาน งานไม่ต้องทำ น้องสองคนดูแลมาเป็นสิบปี น้องทั้งคู่บอกว่าต้องดูแลพี่สาว ตอนเรียนหนังสือ หุงข้าวให้กินทุกวัน รักดูแล พอโตเรียนมหาวิทยาลัย เช้าไปมหาวิทยาลัย เอาข้าวใส่กล่อง พอเรียนจบมีงานดีๆ ทำ แม่พ่อเสีย ก็เลยูดแลพี่สาว ทุกเดือนเงินถูกใส่ในบัญชีพี่สาว ขาดไม่เคยปรากฎ จะมีเกินบ้างตามฤดูกาล ทำบุญตักบาตร น้องเพิ่มให้ น้องอยู่บ้าน เดินลงบันได บ้านสร้างใต้ถุนสูง เสาใช้ไม้ซุงหลายต้น อยู่มาหลายชั่วคน หลายสิบปี ไม่รู้ว่าบ้านเคยทรุดบ้างไหม บ้านสร้างใต้ถุนสูง สามารถเดินอาจย่อตัวบ้าง แต่ก็สะดวกสบาย ใต้ถุนเป็นศูนย์กลางกิจกรรม งานจักสาน อ่านหนังสือ สอนเด็ก สนทนา แม่เคยใช้ใต้ถุนสอนหนังสือ เหตุที่สร้างบ้านยกพื้นสูง เพราะก่อนน้ำจะท่วม 4-5 เมตรทุกปี อยู่ 3-4 เดือน น้ำท่วมเป็นช่วงข้าวตั้งท้องเริ่มออกเมล็ดข้าวอ่อนๆ น้ำท่วมจะนำความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติมาให้ เหมือนกับคนท้องทานอาหารดี ออกกำลังด้วยการทำงาน จิตใจต้องปลอดโปร่ง ถ้าทะเลาะหรือเครียดจะกระทบกับลูกในท้อง เหมือนต้นข้าวน้ำท่วมพวกแมลงอย่างปู หนู ก็ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ ปลาจะวางไข่ เติบโต ช่วงน้ำท่วมอาหารอุดมสมบูรณ์ และสำคัญเป็นช่วงพักผ่อนของชาวบ้าน

ปัจจุบันใต้ถุนบ้านคงด้อยความสำคัญ ไม่ได้สมาคมเหมือนก่อน คนเดี๋ยวนี้ห่างเหิน คงเพราะต้องออกไปทำงานนอกบ้านไกล เวลาหมดกับการเดินทาง กลับบ้านมืดเหนื่อย วันหยุดก็อาจพาลูกไปช็อป ทานอาหารนอกบ้าน หรือหมกตัวในบ้าน ชีวิตคนในอเมริกา เพื่อนบ้านไม่ค่อยมีเวลาทักทาย “วงการจิตวิทยาบอกว่าไม่ถูกต้อง”ควรรู้จักกันไม่พอ ต้องหาโอกาสทักทายคุย ยิ่งมีโอกาสสังสรรค์ใช้เบียร์เป็นส่วนประกอบ ทำเถอะชีวิตจะสุขยิ่งขึ้น ไปพักผ่อนเพื่อนจะช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลบ้านให้ ถึงไม่บอกกล่าว ใต้ถุนบ้าน สมบัติที่เรียกว่า “จั้ง” วางสุมมากมาย ผมก็เหมือนกัน ที่บ้านมีห้องสร้างแยกเป็นที่เก็บของ สมบัติมากมายเก็บอยู่ เคยคิดอยากขายต่อ อยากให้บริจาค แต่หลายครั้งจิตต่อสู้กันเองเก็บไว้ เมื่อต้องการจะได้ไม่ซื้อ อีกใจบริจาคไปเถอะ จะได้เอาไปขาย ได้เงินจะได้ช่วยเหลือคนอื่น ชีวิตยังงกอยู่ ตัดกิเลสยากมาก เดี๋ยวนี้เปิดประตู ที่จะเดินลดน้อยลงทุกที สมบัติบ้าล้นกินที่ทางเข้า

เคยดูรายการโอปร้าโชว์ คนมาออกรายการ บอกว่าห้องแขวนเสื้อผ้า มีเสื้อกระโปรง กระเป๋า รองเท้า แขวนและวางเต็มหมด สังเกตของเก่าแขวนใน ของซื้อใหม่แขวนข้างนอก ของแขวนข้างในจำได้ไม่เคยหยิบมาใช้นานปี ยิ่งเป็นคนชอบแต่งตัว สิ่งของออกมาในตลาด แบบทันสมัย คำถามจะทำอย่างไร ห้องถึงจะว่าง หาสิ่งของง่ายและสะดวก คำแนะควรตัดใจบริจาค เธอคนนั้นกลับมาอีกครั้งบอกว่ากลับไปบ้าน ตัดใจเลือกเกินครึ่งของสมบัติ แยกใส่ถุง เรียกซาเวชั่นอามี่มาเอา ตั้งแต่วันนั้นสิ่งของเครื่องใช้ เริ่มลดค่าในการใช้ ก็ใส่ถุงขับรถไปที่ตู้บริจาค ความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว สมกับคำพูดที่ว่าการรู้จักเป็นผู้ให้ สิ่งดีมากมายมาสู่กายและใจ