ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 11 เมษายน 2563

ผมยังเกร่อยู่กับวัด หลังจากงานมงคลสมรส หลายคนกลับบ้าน มีมากคนยังอยู่วัด ครับพุทธศาสนิกชน นับถือพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์เป็นศาสดาของศาสนา ครับ 2600 กว่าปี กฎการปฏิบัติของพระพุทธศาสนาเป็นหลักที่สัมผัสได้ พิสูจน์ได้ ตรงกับหลักวิทยาศาสตร์ อย่างคำว่า อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา สมัยโน้นคำสอนเหล่านี้ไกลเกินกว่าคนจะเข้าใจ

ตอนพระพุทธองค์ “ตรัสรู้” ใหม่ๆ พระพุทธองค์ นั่งคิดการเผยแพร่ธรรมะให้กับประชาชน ยุคโน้นในอินเดียมีลัทธิมากมาย และลัทธิต่างๆ คนนับถือ ศรัทธา ต้องตรงกับพฤติกรรมของคน เหมือน “วรรณะ” คือการแบ่งชนชั้นของคน

คนชั้นสูงย่อมยึดหลักตัวตนเมื่อเกิดมาในครอบครัว วรรณะสูง ย่อมยึดติดอวดตัวตน การอวดตัวตน แม้ในสังคมปัจจุบัน วรรณะที่เป็นกฎหลักไม่มีอย่างประเทศไทย แต่จริงแล้วพฤติกรรมมากมายที่บ่งบอก และยกตนก็ยังจะเดินหน้าต่อไป ยิ่งยุคปัจจุบัน วัตถุรอบตัว มีความก้าวหน้าเจริญ เป็นที่ยึดเหนี่ยวของคน ต่างก็ขวนขวายหามา ไม่มีเงินก็ยืมหรือหาทางกอบโกยโดยไม่ชอบธรรม

ครับพุทธองค์พิจารณากฎของธรรมที่พุทธองค์จะนำไปสอน อาจจะยากที่จะเข้าถึงความเข้าใจและรับรู้ของคน แต่พุทธองค์ก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ค่อยเป็นค่อยไป เพราะคนแตกต่างกัน “ไม่เพียงเกิดมาได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมจากพ่อแม่ ซึ่งแตกต่างเท่านั้น คนเราอีกอย่าง แตกต่างกันมากคือสังคมรอบตัว”

พระพุทธองค์ มองดูดอกบัว ดอกบัวกว่าจะก้านจะโผล่ขึ้นเหนือน้ำ บานดอกรับแสงแดด ลม และบานด้วยความสวยงาม ดอกบัวผ่านกระบวนการขั้นต้น อยู่ใต้โคลนตม ช่วงต่อไปเป็นก้าน มีดอกบัวตูมอยู่ใต้ผิวน้ำ และสุดท้าย ดอกบัวจะโผล่น้ำ อยู่เหนือน้ำบานรับแสงแดด ลม และเหล่าแมลง

คงจะเหมือนธรรมะของพุทธองค์ตรงตรัสรู้ ยากที่คนแตกต่างที่จะเข้าใจและรับเข้าสู่จิต และพัฒนาเป็นความชอบพอ จากการพัฒนากว่าจะเป็นดอกบัว ใช้เวลาจากโคลนตม อยู่ใต้น้ำในความมืด เป็นอาหารของเหล่าสัตว์ กว่าจะโผล่น้ำเป็นดอกบานสวยงาม ผ่านอุปสรรคมากมาย พระองค์สรุปดอกบัวยังผ่านอุปสรรคบานได้ คำสอนของพระองค์น่าจะเข้าถึงได้ ผมอดนึก ถึงตัวผมเอง เกิดต่างจังหวัด (อยุธยา) พ่อแม่ค้าขาย และแม่คิดเสมอ การศึกษาเป็นความจำเป็น สำคัญต่อลูกๆ แม่คิดการศึกษาไม่เพียงความรู้ เป็นผลของานในหน้าที่ แต่ลึกกว่านี้นคือพฤติกรรมการเป็นคนดี

วันหนึ่งวันเสาร์ แม่เอาเรือข้าวและคนงานไปซื้อข้าวเปลือกอีกตำบลหนึ่ง ผมขอติดเรือไปด้วย ชอบดูเวลาแม่ไปซื้อข้าว จะมีคนตวงข้าวเปลือกใส่ที่แบก ครั้งละ 5 ถัง แล้วคนแบกจะแบกมาใส่เรือ ผมนั่งรอนับติ้ว ติ้วคือไม้ไผ่ เหมือนกับกระบอกมีติ้ว วางไว้ในโบสถ์ รอคนมาสั่นติ้ว ได้นัมเบอร์อะไรก็หยิบกระดาษมาอ่าน

ถ้าถามว่าผมเชื่อไหม ผมเติบโต แต่เด็กใกล้ชิดกับศาสนา ยิ่งช่วงจบ ป.4 มาอยู่กับสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18 ของกรุงรัตนโกสินทร์ ทุกคืนท่านจะเรียกผมไปสอนหนังสือ และสอนธรรมะ ครับ 7 ปี อยู่กับสมเด็จมากสิ่ง “ซึมเข้าสู่จิตใจ” สิ่งที่ผมสัมผัสทุกวัน สมเด็จจะออกกำลัง เดินแกว่งแขนในตำหนัก ทุกวันท่านจะให้ลูกศิษย์ คนละ 10 บาท ซื้อกับข้าว ลูกศิษย์คือญาติมาจากหมู่บ้านเดียวกัน มาเรียนหนังสือ สมเด็จทรงเมตตา ผมซึมซับความมีเมตตาจากคำสอน การปฏิบัติ

แต่ละปีวัดมีงานสำคัญ เข้าพรรษาออกพรรษา และโรงเรียนมัธยมวัดราชบพิธ ท่านจะให้สิ่งของที่คนถวายแจกจ่าย พระเณร ส่วนเงินสด ท่านไม่เคยจับ คนที่ดูแลอดีตผู้พิพากษาอยู่กับท่านดูแลเงิน ท่านจะเอาเงินอุดหนุนโรงเรียน สร้างโรงพยาบาลที่อยุธยา

ผมออกจากวัดตอนสอบชิงทุนของกระทรวงศึกษา รุ่น 2 ได้ สิ่งหนึ่งในตัวผม ทุกวันนี้ ยังชอบพอวัด วัด คือ ศูนย์กลางของความคิดเห็น ดีงามถูกต้อง เพราะธรรมะคือหลักของความเมตตา วัดแตกต่าง อาจจะผิดตามกฎของวินัยบ้าง ก็คงจะเหมือนครอบครัว ต่างก็แตกต่างกัน “จะรับข่าวสารอะไร รู้จักคิดพิจารณา ก่อนจะเข้าอยู่ในจิตเป็นหลักต่อไป”

หลักความจริงอีกอย่างของครอบครัว หลังแต่งงาน คือการสร้างครอบครัว มีลูก สำหรับผมยึดหลักมาจากพ่อแม่ พ่อแม่ค้าขายในต่างจังหวัด ลูกๆห่างไกลการศึกษา ผมคงหมายถึงความรู้จากโรงเรียน และสำคัญมาก สำหรับเด็ก การศึกษาซึ่งพัฒนาการเรียนรู้ จดจำเป็นส่วนของพฤติกรรม คือการแสดงออกของพ่อแม่ รวมทั้งพฤติกรรมของสังคมรอบตัว

แม่สั่งลูกเข้ากรุงเทพฯ เรียนหนังสือสิ่งหนึ่งทีสอนผม คือ เรียนรู้การช่วยตัวเอง รู้จักเดินทางไกล หาความรู้ ความรู้จากหนังสือ จากครู คือการเรียน การรับรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น เรียนรู้ (เพียงรับรู้) แล้วนำมาถ่ายทอดให้เด็ก สิ่งที่เรียนเป็นเพียงความจดจำ

สิ่งที่เรียนรู้ จากการสัมผัส คือการเดินทางจริง ตามองเห็น ความคิดได้รับรู้ จริงและสามารถแยกแยะ พิจารณาจากสิ่งเห็นจริง ความรู้ประสบการณ์ตรงกับหนังสือต่างกัน ผมมาจากครอบครัว ลงทุนทางการศึกษาของลูกๆ อย่างผม น้อง แม่ลงทุนทำงานหนัก ส่งมาเรียนกรุงเทพฯ ผมเอาตัวผมเป็นแบบอย่างจบปริญญา อยากมาอเมริกา แม่พ่อสนับสนุนเงินน้อย แม่กล้าขายที่มอบเงินให้

ผมอดที่จะแชร์ คนรุ่นสองคือลูกสาวลูกชาย ภรรยาผมบอกว่า การจะให้การศึกษากับลูก จะส่งเรียนโรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน

ภรรยาตั้งใจทำงานหนัก ส่งลูกทั้งสองเรียนโรงเรียนเอกชนที่ดี การเข้าโรงเรียนเอกชน จะระดับไหนก็ต้องสอบเหตุผลของการสอบ “คือการคัดเลือกเด็กที่มีความสามารถในการเรียนรู้ระดับเดียวกัน”

การเรียนของเด็ก เด็กจะมีความหวัง อยากเรียนอะไร อย่างลูกสาวอยากเป็นหมอ ทุ่มตัวเองจบไฮสกูล เข้าเรียนยูซีเมเย่อร์ Micro Biology จบ สอบปเรียนหมอที่อังกฤษ ลูกถามแม่มีเงินส่งไหม แม่บอกว่าขายบ้านเช่าให้ลูก พอวันนี้ลูกสาวถือเป็นหมอที่ประสบความสำเร็จ แต่งงานกับหมอ มีคลินิก 2 คลินิก มีหมอ พยาบาล คนงาน 28 คน คลินิกได้รางวัลที่หนึ่งในมิชิแกน จะอุทิศเวลาสอนหมอที่แอนอาเบอร์ ช่วงโควิด 19 ลูกสาว และคนงาน ตรวจคนไข้ที่อยู่ในรถ ระบบทันสมัย ครับทุกอย่างที่เล่าคือสิ่งที่เราสร้างพฤติกรรม ผมอยากเล่ารุ่นหลานว่าทำอย่างไร เกี่ยวกับลงทุนการศึกษา (ฉบับหน้า)