ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
กลางคืนกรุงเทพฯ

เป็นคืนที่ 2 ที่มาหลับนอนที่กรุงเทพฯ ชีวิตผมเติบโต รับการศึกษา ตอนประถมเรียนที่อยุธยา เกิดอยุธยา เรียนจบแค่ ป.4 พ่อแม่บอกกับผมตอนปลาย ป.4 ลูกจบ ป.4 ต้องไปเรียนมัธยมที่กรุงเทพฯ แม่บอกเหตุผลการศึกษาที่ลูกเล่าเรียนไม่ได้เพียงโรงเรียน ข้างนอกที่เป็นสิ่งแวดล้อมเติบโต เล่าเรียน และสังคมคือ การศึกษาที่หลอมชีวิตลูก

คำบอกเล่าที่ชักจูงการศึกษาในกรุงเทพฯ ผมไฝ่ฝันเพราะลูกหลานชาวบ้านติดกันต่างไปเรียนกรุงเทพฯ กลับบ้านเสื้อกางเกงรองเท้าเป็นส่วนที่ผมสนใจ และรุ่นผู้ใหญ่บ้านติดกัน ตอนเรียนเตรียมทหารเท่ห์มาก

แม่ให้เหตุผล ที่บอกลูกจะได้เรียน เตรียมตัวสอบเข้ามัธยม ปกติผมตอนเรียนชอบอ่านหนังสือ บ้านต่างจังหวัดเรียนประถม ไฟฟ้าไม่มี ใช้ตะเกียงใส่น้ำมันจุด จะให้แสงสว่าง แต่ความน่ารำคาญจะมีควันไฟ แม่บอกว่าเป็นส่วนทำให้เกาะตามปอดเป็นโรคร้ายได้

ผมเริ่มเปลี่ยนวิธีการ ทำการบ้าน อ่านหนังสือ แม่จะตื่นก่อนตี 5 ทุกเช้าแม่บ้านแถบนั้นจะตื่นเช้ามืดเหมือนกัน จะได้ลุกขึ้นหุงข้าว ทำกับข้าว ครับผมยืนจาก Deck นอกชาน มองรอบๆบ้าน แถวบ้านและบ้านทั่วๆไป มีแม่น้ำป่าสักเป็นหัวใจของชาวบ้าน แม่น้ำเป็นแหล่งอาหาร ปลา กุ้ง หอย การคมนาคมใช้เรือพาย หรือถ้าไปเรียนมัธยมที่ตัวเมืองอาจนั่งเรือมีเครื่องยนต์ เรียกเรือเมย์ แต่เด็กไปเรียนมัธยมแถวบ้าน จะนั่งเรือจ้างใช้เวลาเกือบชั่วโมง เรือจ้างมีคนแจว เด็กนักเรียนมีประมาณ 6 คน ก็เต็มลำเรือจ้าง

มืดค่ำที่อยุธยา แตกต่างกับกรุงเทพฯ คืนนี้เป็นคืนที่ 2 ที่กรุงเทพฯ ทุกครั้งไปกรุงเทพฯ จะอาศัยอยู่กับหลานทั้งๆที่ผมมีคอนโดในเซ็นทรัล บางนา ซื้อไว้ตอนสร้างเสร็จ สะดวก สบาย แต่ไม่เคยหลับนอน และเป็นความไม่สมดุลทางหลักเศรษฐศาสตร์ คือปล่อยว่างไม่ให้เช่า ขาดรายได้ เงินที่ควรเข้ากระเป๋าขาดไป 20-30 ปี

คืนนี้เป็นคืนที่ 2 ของกรุงเทพฯ บอกกับหลาน จะไม่ทานข้าว ไม่ต้องทำเผื่อ อยาก “สัมผัสกับชีวิตกรุงเทพฯ” เพราะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มาเรียนต่อในอเมริกา เกิน 50 ปี แล้ว อยากสัมผัสตอนกลางคืนกับชีวิตกรุงเทพฯ บอกกับหลาน อยากกินอาหารตลาด ร้านริมถนน ที่ฟุตบาท อยาก “รำลึก” ประสบการณ์เก่าๆ ตอนเป็นเด็ก

ตอนเป็นเด็ก เรียนมัธยมวัดราชบพิธ เป็นศิษย์วัดราชบพิธ อยู่กับสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 18 ตอนเป็นเด็กวัดมีด้วยกันหลายคน ทุกมือต้องหุง หรือ ซื้ออาหารทาน ทุกวันสังฆราชจะให้เงิน ประมาณ 10 บาท ให้ทำอาหารทานกันเอง ทุกคนเป็นศิษย์ที่กุฏิ ต่างเป็นญาติ ติดกับวัดเป็นคลอดหลอด จะมีอาหารขายติ

แถวผมอยู่จะมีร้านอาหาร เหมือนร้านกลางแจ้ง ไม่ไกลขายในตึกเป็นที่กว้างร้านมากมาย ไม่ไกลจากวัด อาจเดินไปร้านบำเพ็ญบุญ ร้านขายกลางแจ้ง มีเป็นกลุ่มที่สี่แยกเสาชิงช้า ครับเดือนไหนหลังจากใช้จ่ายระมัดระวัง อาจไปทานแถววังบูรพา

เกือบมืดออกจากบ้าน คืนนี้เป็นคืนของผม ตั้งใจจะเดินดูตลาดร้านค้าริมถนน ชอบนั่งทานร้านติดถนน ร้านค้าริมถนน เป็นส่วนของชีวิตคนกรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ มีคนอยู่อาศัย ประมาณ 10 ล้านคน และทุกวันจะมีคนอยู่ต่างจังหวัด เดินทางมาทำมาหากิน ทำเงิน เลี้ยงชีพ เพราะต่างจังหวัด งานหายาก ทั้งๆที่เป็นงานที่ขายกำลังกาย กำลังใจ แปลกแต่จริง ยุค 2566 เมื่อวานดูข่าวทีวีในอเมริกาสร้างแบบเรือดำลงใต้ทะเลหาเรือที่จม ครับสมองคนคิดได้มากมาย เพียงแต่ร่วมมือพัฒนา งานในท้องถิ่นรู้สึกยากเย็น และกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดใหญ่กว่าทุกจังหวัดในประเทศไทย งามย่อมมีมากประเภท งานหนักเบา ใช้แรงงานทางกายและใจมีให้เลือก แม้แต่ความรู้มีก็สามารถเลือกงานตามความถนัด และพื้นความรู้ กรุงเทพฯ ได้ชื่อว่า “เวนิสตะวันออก” เหตุผลกรุงเทพฯ มีคลองมากมาย ตอนผมเป็นนักเรียนมัธยม วัดราชบพิธที่ผมอาศัยหลับนอน เรียน อาหารก้นบาตร เติบโตทุกวันนี้ ได้รับความเมตตา จากวัดและคนที่ดูแลพระและวัด ติดกับวัดราชบพิธ มีคลอง 2 คลอง หลังวัดคลองตื้น ทุกวันจะมีคนนั่งแช่น้ำ ดำ สกปรก มีกลิ่น เพราะน้ำดำที่เห็นเป็นน้ำที่ทุกบ้านเป็นน้ำที่ใช้แล้วจะไหลลงรวมกัน คนที่นั่งในน้ำ มือถือกะละมัง ใบเท่ากะละมังซักผ้า โกยสรรพสิ่งในน้ำดินหิน แล้วค่อยๆ ร่อน โชคดีจะมีสมบัติอยู่ก้นกะละมังหลังจากร่อน คลองหลอดอีกครองติดกับวัด บนฝั่งเต็มไปด้วยต้นขนุน

เวลาเดินผ่านพอลูกโตคิดจะปีนเก็บมากิน แต่ก็ไม่เคยกระทำ เพราะสังฆราชท่านอบรมเรื่องพัฒนา “ความคิด” กระทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่าลักขโมย ท่านอธิบาย ถ้าการลักขโมย หรือหยิบฉวยสมบัติของคนอื่น ครั้งแรกทำสำเร็จจะกลายเป็นพฤติกรรมกระทำลักขโมยมากขึ้น กลายเป็นนิสัย สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น ผิดทางอาญา คือ ถูกจับติดคุก หมดอิสรภาพ หลายคนค้านยุคนี้คนทำผิดทางการเมืองเยอะ ยังลอยนวลไม่รีบจับ

ถอยหลังตอนสร้างคลองในกรุงเทพฯมากมาย น่าจะเป็นที่ใช้คมนาคม คือเรือ ตอนผมโตเรียนมหาวิทยาลัย คลองหลังวิทยาลัยการศึกษาประสานมิตร มีเรือหางยาวรับ-ส่ง คนตลอดสาย

ปัจจุบันคลองในกรุงเทพฯ มากคลองสร้างถนนทับคลองให้รถวิ่ง ครับยุคของคนจะพัฒนาให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น พอรถมาก ถนนจำเป็นคลองเริ่มหมดความจำเป็นจึงสร้างถนนทับคลอง

ทุกวันคนจะย้ายเข้ากรุงเทพฯ พม่ามีปัญหาในประเทศวุ่นวาย ทำมาหากินลำบาก และไม่ปลอดภัย แห่กันเดินเข้าไทย

ยุคโลกเจริญการเดินทาง และความคิดของคนก็เจริญตาม คนที่ผู้คนย้ายไปอยู่ด้วย ความคิดก็คล้อยตาม ยอมรับ ช่วยเหลือคงเหมือนผม น้องและพวกเราคนไทยมาอเมริกา หลายคนมาเรียน เรียนจบก็อยู่ทำมาหากิน อย่างผมก่อนไปเรียนก็ทำใบขอกรีนคาร์ด เพราะมหาวิทยาลัยรับเรียน และได้ I-20 มา ปี 1969 ขึ้นเรียน 2 เทอม อิมมิเกรชั่น พอร์ตแลนด์ เรียกไปคุย ถามผมว่าเรียนจบยังอยากอยู่อเมริกาอีกไหม ผมบอกว่าอยากอยู่ เรียนรู้มากขึ้นและทำงาน คุยไม่นานกลับไปมหาวิทยาลัย 1 เดือนให้หลัง อิมมิเกรชั่นส่ง “กรีนคาร์ดให้”

พอเริ่มสลัว ผมออกจากบ้าน เลี้ยวเดินไปถนนใหญ่ ตรงข้ามเป็นสวนหลวง ผมเดินเข้าบ่อย ร่มเย็น งดงาม ต้นไม้เยอะ ผมชอบธรรมชาติโดยเฉพาะต้นไม้ บ้านผมที่กำลังเขียนหนังสือ มีต้นไม้รอบบ้าน มีต้นมะกรูดสูงใหญ่ หน้าบ้านต้นมะนาวหลังบ้านในกระถางไวน์ ปลูกตระไคร้ ครับและอีกมากต้นไม้ ในบริเวณบ้าน มีต้นเรดหวูดสูงใหญ่ 3 ต้น มองลอดต้นเรดหวูด จะเห็นทะเลภายในโกลเด้นเกจบริดจ์ ครับธรรมชาติคือชีวิต