ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
เที่ยวกับเพื่อน ตอนที่ 13

ท่องเที่ยวถือว่าเป็นอาหารของชีวิต โดยเฉพาะสถานที่ ที่สัมผัส อุดมไปด้วยธรรมชาติอดมีความรู้สึก เขาเก็บรักษาได้อย่างไร ถ้าจะถามว่าคนโลภ ที่อยากกอบโกยความงามตามธรรมชาติเป็นของตัวเอง คงไม่มี ไม่จริงหรอกคำว่าคนย่อมมีความโลภเสมอ แต่สิ่งธรรมชาติดีงามยังอยู่ให้ลูกหลานได้สัมผัส คงจะเป็นเพราะกฎหมาย และคนรักษากฎหมาย รวมทั้งคนที่อยากครอบครองเริ่มปรับปรุงจิตใจในทางดีงาม เฮ้ยถ้าเราฮุป คงถูกประชาชนสาปแช่ง กฎหมายหาทางงาบ ผมท่องเที่ยวเมืองวอชิงตันสเตท อยู่เหนือรัฐออริกอน และกำลังเดินอยู่เมืองเล็กของรัฐทางด้านตะวันออกชื่อ Leavenworth คนทั่วไปเรียกว่าเมืองเยอรมัน เหตุผลเพราะคนเยอรมันย้ายมาสร้างความเจริญและนำวัฒนธรรมมา ปัจจุบันแม้แต่ไทย ก็มีร้านอาหารไทยทำมาหากินอยู่ด้วยครับ คนไทยที่ขยายตัวเอง ถือว่าเป็นคนเจริญทางความคิด หลายคนถามถ้าคนยอมขายเพื่อเงินละ ไม่รู้ซี ถ้าชอบเที่ยว และชอบธรรมชาติ ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ลำธาร ธรรมชาติ สูงต่ำ อากาศสะอาด ฤดูสี่ฤดู บริเวณสะอาด ย่อมไม่ผิดหวัง คนไทยเหล่านี้ถ้าอยู่ในไทย ถ้ามีมากย่อมทำให้ประเทศชาติเจริญ เพราะความคิดในทางถูกต้อง และทำตัวเป็น "แบบอย่าง ไม่ได้ชื่อว่าถูกสนตพายเหมือนวัว ควายเดินตาม หรือไม่ก็อยู่แต่ในคอกมืดอึดอัดไม่มีความคิด"

ชีวิตเราปัจจุบัน เดินอยู่หลังบ้านหรือสนามหญ้า ถอนวัชพืช ถามว่าเคยถอดรองเท้า เดินเพื่อให้เท้าสัมผัสกับดินบ้างไหม คนโบราณเคยบอกว่า พื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ต้นไม้ ผลไม้ พืชประกอบอาหาร ประเภทเพิ่มรส อย่างกระเพรา พริก พริกไทย กระชาย

การที่ผลไม้มีรสอร่อยหวาน เวลาสุกผลดูสวย แม้แต่กระเพราะ กระชาย พริกไทย รสดี เป็นยา เหตุผลง่ายมาจากดินและน้ำ เป็นพลังอาหารของพืชผัก ให้ใบและผลสะอาด หวาน กรอบ รสจัดจ้านสำหรับประกอบอาหารมาจากดินทั้งนั้น พอผลไม้ พืช สุกเต็มที่ ร่วงหล่น หรือสิ้นสุดของวาระชีวิตก็กลับกลายเป็นพลังร่วมกับดินน้ำอยู่ต่อไป ถ้าคนเราลองเหยียบดิน ดูบ้างยิ่งตอนสายหน่อยย่อมได้รับแสงแดด เขาบอกว่าแสงแดดมีวิตามินดีเยอะ และอีกมากมาย รู้แน่ๆ ร่างกายจะเริ่มอบอุ่น เลือดหมุนเวียน สุขภาพดี คนโบราณถึงอายุจะสั้นแต่โรคภัยน้อย ซี่งผิดกับคนปัจจุบันทานอาหารที่เป็นพิษ อย่างจับปลาในน้ำมีสารพิษ ผักฉีดยาฆ่าแมลง

สรุปว่าเท้าสัมผัส หญ้า ดิน ความเป็นธรรมชาติที่ปราศจากสารพิษ

เดินนอกร้าน ตะวันคล้อย เงาสั้นๆ ทาบทางตะวันออก เห็นร้านอาหารกลางแจ้ง อยู่ซอกกว้างของตึก มีโต๊ะนั่งหลายโต๊ะ คนเข้าแถว มองผ่านเลยคนต้นแถวเห็นคนแต่งชุดขาวสองคนใส่หมวกผ้า และมีเชือกคาดเอว กำลังวุ่นวายกับของอร่อยบนเตาย่าง มีแฮมเบอร์เกอร์ ฮ๊อทด๊อก ท้องส่งเสียงประท้วง ทำนองว่า นายครับชีวิตจะไปไหนมาไหน ได้โดยกังวลท้องด้วยนะครับ เดินต่อท้ายแถว อ่านบนกระดานเห็นรายชื่อ Curry Wurst Wurst ก็เหมือนซอสเซส คนเยอรมันก็ชอบหมู ถ้าจะเทียบว่ากินเป็นระหว่างไทยใครเหนือกว่า ผมไม่รู้หรอก แต่เขาก็มีหมูปิ้ง หมูอบ หมูผัดแบบเผ็ดเหมือนกัน แต่อาจจะตายไทยตรงที่ว่า หมูสามชั้นทอดกรอบ จิ้มน้ำศรีราชา หรือข้าวหมูสามชั้นกรอบราดซีอิ้ว และยิ่งเด็ดไปกว่านั้น แกงฮังเล เอาแต่หมูสามชั้น เยอรมันบอกว่าฉันก็มี หมูสามชั้นทำเบคอนกริวกรอบ ซับน้ำมันให้แห้งเสิร์ฟตอนยังอุ่น เพียงหยิบด้วยมือกัด เคี้ยว ความรู้สึกตอบรับแม่น จิบกาแฟขมๆ วันนั้นคุยสนุกกับครอบครัว เอาหมูสามชั้นทำสตูข้นๆ ใส่หอม กระเทียมทั้งกลีบ ใส่แครอท บีบมะนาว ทานข้นๆ มากับมันฝรั่งบด สาบาน ขอทานอาทิตย์ละครั้งได้ไหม

เมียมองหน้า ไม่ได้ เดี๋ยวไขมันก็พอกเต็มตัวหรอก ฉันไม่เห็นคนจีนเขาอ้วนมากมายเลย เขาพูดนอกเรื่องเธอเคยเห็นคนอเมริกันไหม คนมาออกทีวีอ้วนทั้งนั้นส่วนมากมีปัญหากับชีวิต แต่ที่แน่ๆ ไม่อ้วนเพราะหมูสามชั้นแน่ เสียงดังแล้วไง

เออที่จริงวันนี้ เรานัดทานอาหารเย็น 7.30 PM ทานขอหมู ขาหมูเยอรมันเขาใช้โคนขา จะหน้าหรือหลังก็โอเค คนขายบอกที่เรียกว่า Knuckle Short เฉพาะส่วนที่เรียกว่าโคนขา ใหญ่หน่อย เนื้อหนังเยอะ เขาเอามาย่างทั้งก้อน เหมือนไก่ที่เสียบในตู้อบและย่างไปมา เวลาเสิร์ฟมากับมันบด มัสตาร์ด และซาวเออร์คราฟ หลายคนต้องใช้ โทบาสโก้ (เผ็ด) ช่วย

คนทานอาหารประเภทขาหมู คนชอบดื่มเบียร์ พวกเรานิยมไวน์ ไม่ว่ากัน โดยความเป็นปกติ กินอาหารหลายคน ดื่มของเมา คนไทย ต้องมีกับแกล้ม พวกคนดื่มอาชีพ ที่เมียเคยบอกว่า ถ้าดื่มเหล้าแล้วมีของกินดีๆ เข้าปาก นอกจากจะเมาช้า หรือไม่เมา การคุยยังสนุก สาบทสาบาน พูดลามกไม่มี เพราะกับแกล้มเจริญอาหารไม่เมายังเป็นตัวแทนควบคุมความประพฤติ ครับอ่านแล้วอย่าตามความคิดผม อาจถูกเฉือนได้

วกมากลางวัน ส่ง Curry Wurst เขาย่างสุข หั่นเป็นชิ้นขวางๆ คีบใส่กล่องยาวพลาสติก แล้วราดด้วยเคอร์รี่ ยืนจ่ายเงิน ขอเบียร์ ยี่ห้อขี่จักรยานยนต์ หนึ่งขวด เดินตัวปลิวนั่งโต๊ะติดขอบรั้ว ริมถนน ดูคนเดินผ่านไปมา เผื่อสายตาจะได้เจอะเจอพรรคพวก เอาซ่อมจิ้มใส่ปากเคี้ยว Wurst ยังพออุ่นๆ รสมันของหมู เผ็ดด้วย รสแกงยิ้มให้ตัวเอง ยอมรับว่าครั้งนี้สั่งอาหารถูกปาก พอเคี้ยวกลืน หยิบเบียร์ลืมมองฉลาก ดื่นชื่นใจ สดชื่น สาบานไม่ติดแต่ขาดไม่ได้ ขอบอกว่าเพราะเจริญชีวิต กว่าเบียร์จะหมดขวด ของกินจะเหลือแต่กล่องก็ใช้เวลา ครับเวลาไปเที่ยว ชีวิตมีเวลาเสมอไม่เดือดร้อน

ลุกออกจากโต๊ะ มือหยิบขวดเบียร์และกล่องอาหาร กระดาษเช็ดปาก ติดมือ ขวดเบียร์ทิ้งถังรีไซเคิ้ล กล่องอาหารทิ้งกล่องขยะรวมทั้งกระดาษ ชีวิตคนเรียนรู้ตอนเป็นนักเรียน เดินเข้าแถวหยิบอาหารใส่ถาด กินเสร็จ ถือถาด เอาเศษอาหารปัดลงในถังขยะ ถาดวางบนชั้น ฝีกการบริการตัวเอง อยู่บ้าน แม่สอนกินเสร็จ นำไปใส่อ่างแล้วล้าง คว่ำในตู้เราต้องรู้จักช่วยกัน ยิ่งอยู่วัดตัวเล็กกินเสร็จทำท่าจะออกจากวงโดยทิ้งจานไว้เท่ากับลองดี ไม่เคารพกฎ เรื่องเจ็บตัวเกิดได้เสมอ แม้แต่โตอยู่กับเมีย กินเสร็จ จะวางจานคาวงไว้ ปล่อยเป็นที่ระเคืองสายตาเดี๋ยวเถอะ ชีวิตเราอยู่ด้วยกันนาน อะไรช่วยกันได้ ย่อมต้องทำ ไม่มีใครเป็นบ่าว ก้มหน้าหยิบจานยอมรับ เธอพูดจริง

เดินกลับโรงแรมแวะโต๊ะชงกาแฟ เอาโกโก้ ใส่ถ้วยเติมครีม เติมน้ำร้อน มันหวาน ถูกปากเดินตัวปลิง ขึ้นห้อง เปิดทีวี นอนพิงบนเตียง ดื่มโกโก้ กระดิกเท้า ตามองทีวี

ทุกคนเตือน ของหวานๆ โดยเฉพาะน้ำตาลที่ขัดจนขาว เป็นอันตรายต่อสุขภาพจะมีแป้งด้วย ยิ่งหยิบใส่ปากตอนก่อนนอนยิ่งรู้ว่าหลังจากแปรงฟัน เสียงจุ๊บ่น ยิ่งน่าห้าม บ่อยที่ลืมแปรงฟัน จะว่าลืม ละเลยทั้งๆ ที่นึกออก หรือจะเกรียจคร้าน อันตรายหลายต่อ เพราะหมอฟันคนที่ฉีดยาฟัน ตอนฟันมีกลิ่น คลอนปวด บอกว่าสาเหตุความเสียหาย มาจากกินของหวาน แล้วไม่แปรงฟัน และฟ๊อซของหวานคือ แด็บวิตี้ เมื่อขูดฟัน หรือถอน และใส่ของปลอม ทำสะพานเชื่อม เสียเวลาเจ็บ และหมดเงินเยอะ เสียงหมอเตือน ก่อนเดินออก หยิบแปลงให้ พยายามลดของหวาน แปรงฟัน ฟ๊อซ ทุกครั้งก่อนนอน ถึงฟันจะไม่อยู่กับเราตลอดไป ก็ประวิงเวลานานจนความรู้สึกชีวิต ถ้าขาดฟันชีวิตคนวุ่นวาย ครับผมจะไม่ลืม แต่แปลก พ่อแม่ ครู ผู้ใหญ่ เมีย ลูกสอน แต่ก็ทำไม่สำเร็จ

เคยจำคำพูดอาจารย์ ตอนเรียนวิทยาลัย บอกว่า ถ้ากินทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สมองจะดี เพราะไข่โดยเฉพาะไข่แดงยอดโปรตีน ล่วงมา 50 ปีที่บอกมาอาจจะจริง แต่ของที่ว่า คือระเบิดเวลาชัดๆ ต่อชีวิต ชีวิตปัจจุบันมีทางเลือกที่ดีและถูกต้องมากกว่า เพราะมีทางเลือกได้ผลเหมือนกัน แต่ไม่เจ็บตัวตอนหลัง

เปิดเข้าห้องว่างเปล่า แม่บ้านคงกำลังเม้าส์กับเพื่อนผู้หญิง พูดถึงผู้หญิงรุ่นแม่บ้าน เขาสนิทกัน โดยไม่มีกิจกรรมอื่นมาเสริมต่อ เพียงแต่เจอหน้า ตั้งวง เรื่องคุยจะเป็นเรื่องเดียว แต่คุยกันหลายเรื่องก็หัวเราะสนุกแล้ว สารความสุขหลั่งหน้าไม่ย่นเหี่ยว อ้อให้เคล็ดลับเกี่ยวกับหน้าย่น อย่าเคี้ยวหมากฝรั่ง และใช้หลอดดูดของดื่ม เปิดทีวี รายการเกี่ยวกับปัญหาของครอบครัว ลูกรับผลของความเดือนร้อนเต็มที่ ถึงเด็กจะเติบโต จบวิทยาลัย มีครอบครัวและลูก ความรู้สึกเจ็บก็ยังส่งผลตลอด ก็เพราะพ่อแม่ยัดเยียดปัญหาสุขภาพจิตให้ ไม่นานมานี้ เด็กลูกหลาน อายุเกือบสี่สิบ เมียเขาเล่าเกี่ยวกับสามี ตอนเด็กพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อย ก่อนเลิกหวังความสุขที่มีพ่อแม่หมดไป พอคิดว้าเหว่ หนาวทุกครั้ง พอพ่อแม่หย่ากัน ก็ต้องไปอยู่กับคนใดคนหนึ่ง จากวันนั้นความเป็นปกติของชีวิตหมดไป พอพ่อหรือแม่ทำงานก็ต้องดูแลกัน เคยมีที่พ่อพาผู้หญิงใหม่มา ก็ไล่ลูกๆ ออกไป เพื่อกิจกรรม เท่ากับคนใหม่คือคนรักสุด เขาเติบโตกับการช่วยตัวเอง ดูแลน้อง ยิ่งไปโรงเรียน เพื่อนๆ คุยพ่อแม่พาไปพักผ่อน ท่องเที่ยว สวนสนุก พาร์ค น้ำตาอดไหลไม่ได้ ชีวิตเขาขาดสิ่งเหล่านี้คือความอบอุ่น แล้วทุกวันเติมความไม่ปกติ พอถึงวันนี้ สิ่งเหล่านั้น บั่นทอน ความคิดสติปัญญา และความมีมานะ รู้ไหมแม้แต่การเลือกคู่ มากเปอร์เซ็นต์เกินครึ่งเลิกรา ทิ้งปัญหาให้กับชีวิตใหม่ เพราะเขาเกิดเติบโตและรับยีนส์ของการหย่าร้าง

เสียงโทรศัพท์ดัง พรุ่งนี้เจอกันร้านอาหาร เอากระเป๋าออกจากห้อง และเช็คเอ้าท์

ผมจำคำพูดของสมเด็จสังฆราช สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านเคยสอนผมเรื่องเช็คเอ้าท์ ท่านพูดว่า เธอเรียนหนังสือ เรียนให้ได้ดี ต้องมีสติ ท่านบอกว่าสติคือปัญญา เมื่ออ่านหนังสือตั้งใจ ปัญญาความรู้ เข้าใจจะมา สิ่งรับรู้ผิดก็ละทิ้งหรือเอาออกไปเสีย คนมีสติสามารถเช็คเอ้าท์ สิ่งไม่ดีงาม ความงมงายเห็นผิดเป็นชอบ อาฆาต อิจฉา หลงไหล

จริงแท้ ไม่มีความคิดแตกแยก ที่บอกว่าความสะดวกสบายที่คนบริโภคอยู่ทุกวัน มาจากคนคิดและสร้างขึ้น สามารถพูดด้วยความรู้สึกรับรู้ ความดีขอบคุณ พ่อแม่ ครู ผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง ลูกๆ และเด็กๆ ต่างเป็นครูเรามา พระที่วัดที่คลุกคลี ความรู้ความสามารถ และการวางตัวเป็นแบบอย่างและครูให้กับชีวิต โยมชีวิตต้องการมงคลของชีวิต และมงคลชีวิต คือสิ่งดีสิ่งถูก เกิดจากการรู้ และปฎิบัติจนเป็นงานที่ออกมาได้ตลอดเวลา

คืนนี้ คงเป็นคืนนอนหลับดึก ผู้มีความรู้เกี่ยวกับการหลับ ชีวิตบอกว่าควรหลับ 8 ชั่วโมง ยิ่งหลับลึก ช่วงนี้แหละสมองที่ทำงานแก้ปัญหาตลอดวัน จะเริ่มสะสางงาน ช่วงกลางวันสมองสองซีก ซ้าย ขวา จะทำงานไม่ประสานกัน เหมือนมีกำแพงกั้น พอหลับลึก สมองเริ่มละตัวใครตัวมัน ข้ามกำแพง พูดคุย ต่างช่วยกัน ลดและขจัดความวุ่นวาย หลังจากตื่นจากวันหลับลึกจะรู้สึกสดชื่น ที่บอกว่าพลังแก่หดหายจริงแท้ เราคิดว่าใจก็เป็นเพียงคนบอกข่าวเท่านั้น เมื่อสมองขจัดปัญหาความเหนื่อย เครียดหมดก็เริ่มจากพลังจากหนึ่ง เผลอความคิดอะไรก็ได้มาเถอะงาบหมด เผลอหลับไม่กล่าวคำกู๊ดไนท์ สัญญาจะไม่ลืมวันต่อไป