ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 14 ตุลาคม 2560

ยังนั่งนาน เคยฟังผู้ใหญ่ เห็นลูกหลานแม้แต่สามีตัวเอง นั่งปล่อยอารมณ์นาน กินเวลาทำมาหากินของตัวเอง มองลึกทำร้ายระบบครอบครัว หมายความประการใด คงหนีไม่พ้นเมื่อชีวิตไม่รับผิดชอบงาน ลูกๆ สัมผัสย่อมติดเป็นนิสัย กว่าจะปรับปรุงตัวได้ มากรายก็ยังไม่กระตือรือร้น ความยากไร้วิ่งพลูเข้าประตูความคิด

คนบอกว่าเมื่อนั่งปล่อยใจ กินเวลา พูดล้อเลียน จะนั่งให้รากงอกหรือไง เป็นคำพูดธรรมดา แต่ถ้าลองคิด ตายล่ะเป็นคำพูดที่ อาจตีเป็นความหมาย ชีวิตหยุดสร้างความงอกงาม ความเจริญในทางที่ถูก ยิ่งนับถือพุทธศาสนาเป็นความตรงข้าม คือไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง

รถทรัคใหญ่วิ่งผ่านหน้าร้านกาแฟ ครับเป็นรถส่งสินค้าตามร้าน ประเภทผักชีวิตคุณและผม เรามีผักสดรับประทานทุกวัน อดขอบคุณคนปลูกไม่ได้ มองลึกที่ฟาร์มเมอร์มาร์เก็ต คนนำมาขายเป็นผู้ปลูกเอง การพูดเหมือนผม ภาษาไทย เป็นคนโม้ง ขยันมานะ ตื่นแต่มืดขับรถมาชั่วโมง นำผักสดจากฟาร์มปลูกเอง มีสารพัด มะเขือ กระเจี๊ยบ ผักบุ้ง ผักคะน้า แม้แต่ถั่วลิสง ผมไปซื้อถั่วลิสง มาปอนด์ครึ่ง เกินนิดราคา ปอนด์ละ 3 เหรียญ ถั่วที่ซื้อจะแบ่งครึ่งต้มไว้กิน สดโยนให้กระรอก ถั่วล้างสะอาด แม้แต่ผักทุกประเภทล้างสะอาด คนนำมาขายยังนำถังน้ำติดรถมาด้วย กำไหนดูไม่สะอาดก็จะล้างใหม่ ผักขายเป็นกำ กำละ $1.50 หลายเดือนมากำละเหรียญเดียว เพิ่มราคา 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคิดแบบคณิตศาสตร์ อดตำหนิ ขายเอาราคาแพงมากมาย ถ้าคิดแบบหลักเศรษฐศาสตร์ ทุกชีวิตทำมาหากิน ต้องมีกำไร เพื่อการมีชีวิต ราคาสูงขึ้น เหตุผล ค่างแรงงานจากไม่ถึง 10 เหรียญ เพิ่มเกิน 10 เหรียญ น้ำรดต้นผักแพงขึ้น ไฟฟ้า แก๊ส สิ่งต้องใช้แพงขึ้น คิดบวกลบไปมา เฮ้ยมันคือความอยู่รอด ไม่น่าจะเอาเปรียบ อาจผิดจากชาวไร่เมืองไทยถูกมากคนเอาเปรียบ

ลองคิด เดี๋ยวนี้ผักผลไม้คนโฆษณามากว่าประกอบด้วยคุณสมบัติเยอะแยะ ถ้าลองถามชีวิตสัตว์และแมลงดู เขาจะพูดพร้อมกัน รู้มานานแล้วจ้า ผักพืชต่างให้คุณประโยชน์ เป็นยารักษาสุขภาพ เพราะสัตว์ แมลง ไม่มีโรงพยาบาล ผักและผลไม้ทานทุกวัน คืออาหารและยา คนเราเพิ่งตอกย้ำ เมื่อคิด อดเผลอยิ้ม คนเพิ่งถึงบางอ้อ ที่จริงคุณสมบัติมีจี๊ดเดียว แต่โฆษณาเกินจริง โดยความเป็นจริงของชีวิต คนคือสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวมีความรู้สึกชอบพอติดจากการบอกเล่า เดินตามความรู้สึกสังคม ชีวิตคนจึงถูกหลอก โดยเฉพาะสังคมไทย จะอีกกี่สิบปีความเจริญทางวิชาการก็เข้าไม่ถึงความเชื่อ พวกหากินทำตัวเป็นผู้วิเศษรอบรู้ สิ่งที่คนไม่สามารถทำได้ ยิ่งวัตถุมงคลมีไว้สามารถร่ำรวยได้ ก็จะแห่ซื้อไว้ครอบครอง ครับถึงเวลาแล้วที่กฎหมายควรมีกฎหมายพิจารณาเอาโทษ ถ้าสิ่งที่เสนอ พิสูจน์แล้วไม่ถูกต้องย่อมถูกลงโทษทางอาญา ฐานเจตนาฉ้อโกง เป็นแบบอย่างไม่ดีงามและที่สาหัส เด็กๆ เติบโตผู้ใหญ่รุ่นก่อนบ่อเข้าท่า

รถขนสินค้าจากฟาร์ม ผมมองข้างหลัง “Not a job, It career” อดสนใจ คำพูดไม่ได้ ชีวิตตื่นแต่ตีสี่ออกรถ ไปตลาด ขายส่ง เอาผักใส่รถเต็ม ก็ขับไปส่งปลายทาง ครับส่วนมากปลายทางถ้าสายจะหาที่จอด ขนผักยาก นี่ดีที่จอดขอบถนนทาสีเหลือง หมายถึงที่จอดสำหรับขนสินค้าขึ้นลง ถ้าทาสีแดงย่อมหมายถึงห้ามจอดเด็ดขาด ถ้าจะใช้การเสี่ยง จอดคิดว่าวิ่งลงไปซื้อกาแฟ คงไม่เดือดร้อน หมายถึงได้ตั๋วน่ะ เหลือเชื่อความเป็นผู้โชคร้ายมีจริง เดินเข้าร้านต้องต่อแถว คนข้างหน้าสังคมเครื่องดื่มประเภทผสมต้องปั่น เสียเวลา ออกมามีคนให้ตั๋วคำสั่งฉีกตั๋วจากต้นขั้ว กำลังจะสอดลงที่ปัดน้ำฝน ตะโกนผมมาแล้วจ้า คนให้ตั๋วมองหน้ายิ้ม ผมเขียนแล้ว แปะแล้ว ให้แล้วให้เลย แต่แนะไปโอดครวญที่ศาล อาจจะได้รับความเห็นใจ แต่เมื่อรู้ว่าผิด เก็บเป็นข้อคิดงวดหน้า น่าจะได้ประโยชน์ครับคงยาก เมืองต่างๆ ตอนนี้ยากจน เมืองต้องหารายได้โดยเฉพาะรายได้จากจอดรถเกินเวลา ผิดสถานที่ จอดซ้อน ครับผิดทั้งนั้น และแม้แต่วิ่งทับทางรถเมล์ ความเร็ว คนข้ามไม่จอด เลี้ยวเส้นคู่ เมื่อตะกี้คนข้ามถนน รถวิ่งตัดหน้า ตำรวจเรียก ครับตั๋วประเภทนี้ควรน้ำตาซึม

คำว่า Job จะแปลตามความคิดเห็น ย่อมหมายถึงงาน ความลึกซึ้งย่อมต่างคนละช่องกับ Career หมายถึงอาชีพ แต่งานคือการทำมาหากิน เพื่ออยู่รอด มองลึกลงไป อาจจะพูดว่า ไม่ทุ่มเทกายใจมากนัก ทำงานตามหน้าที่ ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่อยากเรียนรู้ให้เกิดความก้าวหน้า หมดเวลาก็สิ้นสุด มีบางช่วงเบี้ยวได้ทำ กินแรงงาน เพื่อนร่วมงานได้ก็จะเป็นสิ่งขอบพอ คำพูดของสังคมไทย ถ้าเหยียบหัวเพื่อนร่วมงานได้ ถ้าสามารถก้าวหน้าจะไม่มีความรังเกียจจะทำ อดหยิบมาพิจารณา ผมเคยทำงานเมืองไทย เป็นครูหัวหน้าหมวดคณิตศาสตร์ เข้าใจระบบพอสมควร แต่หมดอาชีพมาแต่ปี 1967 ตอนมาเรียนต่อ สังคมไทยยังมีอีกไหมหนอประเภททับถมคนอื่น ยกยอตัวเอง เพื่อความเจริญ แปลกจบจากโรงเรียนไม่มีสอนการโกง กินค่านายหน้า เอาความคิดประเภทนี้มาจากไหน ครับคำว่าหมดหรือสูญ คงไม่หรอก อาจจะเปลี่ยนกระบวนการ พัฒนาการเอาเปรียบให้ทันสมัยกับยุค “เงินคือพระเจ้า” เหมือนกับคนหนีศาล ข้าราชการขโมยรูป คนมีสตังค์ทำผิด หนีศาล ปล่อยให้อายุความกินเวลาตัวเอง

คำว่าอาชีพมันย่อมต้องพร้อมเป็นองค์ประกอบ ความรู้ ความสามารถ ความศรัทธาในอาชีพ และสิ่งที่หวังคือ ความอยู่รอดของครอบครัว เรียนรู้งานทุกวัน เพื่อความก้าวหน้า ตรงกับคำพูดของท่านพุทธทาส ทำงานด้วยจิตว่างเกือบทุกเช้า ผมจะออกเดิน ปกติเกียจคร้านเดิน แต่พอถึงวันนี้อายุมากขึ้น คงจะต้องพูดว่า คงอยู่อีกไม่นานคงจะต้องตาย ครับคนไทยยังมีอีกเยอะที่มีความเชื่อว่า พูดเรื่องตายไม่บังควร เท่ากับแช่งตัวเอง จริงแล้วคำพระท่านบอกเมื่อทุกคนต้องถึงเวลาตาย ไม่มีใครได้รับยกเว้น การพูด คือการเตรียมตัวตายอย่างถูกต้อง

คงเหมือนผมเข้าใจเดิน จนเกิดเป็นความเคยชิน ผมพูดไม่อายทุกเช้าจะกราบกระดูกพ่อแม่ ใส่ไว้ในโกศ ขอให้ท่านปกปักรักษา ไหว้พระพุทธรูป ผมเช่ามาจากวัดพุทธานุสรณ์ เกิน 20 ปีแล้ว กราบทุกวัน สิ่งหนึ่งที่ขอ “ขอให้ตัวเองอย่าเกียจคร้านออกกำลัง เพราะชีวิตแก่ลงทุกวันอยู่กับคู่ชีวิตต้องดูแลตัวเอง และตอนนี้ผมเริ่มทาสีบ้าน ดูแลสวนต้นไม้ อ้อผมทำที่ตีกอล์ฟด้วย เมื่อยังช่วยตัวเองได้ลูกหลานอยู่ไกลก็หมดห่วง”

เวลาเดินมีหลายบ้านปักป้ายข้อความ “คุณจะมาจากไหน ไม่สำคัญ แต่เราดีใจ เธอมาเป็นเพื่อนบ้าน”

ครับสิ่งที่เกิดกับข้อเขียน ความสงบสุข เป็นเพื่อนบ้านที่ดี เราต้องพัฒนาตัวเอง พัฒนาบ้าน เมื่อทุกสิ่งดีงาม คือองค์รวมของชุมชน ทำให้ทุกคนมีความสุข เสียงท่านราชาเจ้าอาวาส โยมขอบคุณนะที่ทำอาหารดีๆ มาถวายพระ แต่การเข้าถึงพุทธศาสนาอีกอย่างต้องพัฒนาใจ เป็นความถูกต้องตลอดเวลา