ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ตามหลานไปเรียนภาษาไทยที่วัดมงคลรัตนาราม ตอนที่ 4

ชาวพุทธยอมรับว่า วัดคือสถานที่ที่ดีที่สุด ปลอดภัย พระเป็นแบบอย่าง ลูกหลานเติบโตด้วยคุณธรรม เพราะการอบรม สั่งสอน โดยเฉพาะเราสามารถใช้คำพูดดีๆ ที่เกิดจากการอบรม ให้เข้าถึงจิตใจลูกหลาน และแม้แต่คนรอบข้าง ปัจจุบันหลายคนพูดว่า วัดไม่ปลอดภัยทางความคิดเสมอไป อย่างความคิดของพระที่เรียก อุตริ คือการให้ความคิดเห็นที่เกินความสามารถสัมผัสจริงได้

ผมมีเพื่อนเคยเรียนด้วยกันที่ออริกอน คนละโรงเรียน เรียนจบกลับไทย ช่วง 1970 คนจบต่างประเทศ ยังหางานง่าย และอยู่จนเกษียณ สามารถก้าวถึงจุดสูงได้ เพราะช่วง 40 กว่าปี นักเรียนที่มาศึกษาความรู้ยังต่างประเทศยังมีไม่มาก เพื่อนผมคนนี้เกษียณชอบไปวัดที่มีการสวด และเผาศพ วัดในกรุงเทพฯ หลายวัด มีหลายเมรุ มีหลายศาลาทำพิธีสวดและเผาศพ วัดเหล่านั้นเจริญทางพิธีกรรม มากกว่าจิตใจ งานศพปัจจุบันเสียเงินมาก งานสวดจะมีการเลี้ยงอาหารแขก อาหารสามารถเลือกส่วนประกอบที่แพงมากได้ เหมือนอาหารตามโรงแรม แม้แต่เปาฮื้อ

พิธีกรรมที่คนไทย พ.ศ. นี้ติดเป็นเรื่องการใช้จ่ายเงินมาก จะเป็นบวชนาค แต่งงาน เผาศพ แม้แต่การศึกษา คงจะมีการศึกษาเท่านั้น ที่เรียน เสียเงิน ยังมีโอกาสทำงานหาเงินคืน นอกนั้น สร้างหนี้สิน จะรับบุญหรือบาปแล้วแต่คิด เพื่อนผมคนนี้ จะแต่งตัวดีไว้ทุกข์ไปงานศพ เพื่อนบอกว่า ไม่จำเป็นต้องรู้จักผู้ตาย ไปแสดงความเคารพ ปรับตัวและใจช่วยสุดท้ายเอาเงินใส่ซองทำบุญ ทานอาหาร และส่วนมากจะมีหนังสือดีๆ แจก ติดมือกลับบ้าน เหมือนหลายวัด มีหนังสือธรรมะดีๆ

การทำบุญที่เห็นผลอีกวิธีหนึ่ง คือการพิมพ์หนังสือแจก ไม่จำเป็นต้องเป็นงานศพ ทุกวาระของความคิด ปัจจุบัน คนเขียนหนังสือดีๆ โดยเฉพาะหนังสือธรรมะ ถ้าขออนุญาตพิมพ์ เพื่อแจกเป็นทาน ให้ความรู้ ย่อมได้รับอนุญาต ยกเว้นทำเพื่อการค้า

ช่วงสองเดือนหลานเรียนหนังสือ ที่วัดมงคลรัตนาราม ผมเดินเข้าออกวัด อาทิตย์ละ 4 วันจะอยู่เช้าจนถึง 4 โมงเย็น ทุกวัน ส่วนมากจะอยู่เลยเวลา เพราะพอหลานหมดเวลาเรียน จะเป็นช่วงของความสนุกกับเพื่อนๆ พอเล่นติดสนุก แม้แต่หิวก็ไม่บ่น ไม่รู้สึก หลานผมได้เพื่อนเยอะ เด็กวัย 5 ขวบ เด็กเล่นก็คือการเรียนรู้ ทุกอย่างเด็กจะสะสมเป็นประสบการณ์ของชีวิต เด็กถ้าพ่อแม่พาไปนอกบ้าน สัมผัสกับสังคมรอบตัว อย่างร้านของเล่น ห้องสมุด ร้านหนังสือ มิวเซี่ยม เด็กจะฝังและประทับใจสิ่งเหล่านี้ และถึงเวลาเติบโตสิ่งที่เคยคลุกคลีจะเกิดขึ้นกับความคิด

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด แม่จะตื่นแต่เช้ามืด บ้านไม่นาฬิกา แต่เพราะความเคยชิน ทุกวันเช้ามืด แม่หุงข้าว ทำกับข้าว เพื่อเตรียมไว้ใส่บาตร บ้านอยู่ไม่ไกลจากวัด ทุกเช้านอกจากวันพระ พระจะดินเท้าเปล่าถือบาตรเป็นแถว กริยาสงบ มองเมื่อไหร่ สมถะ ทางเดินทุกบ้านจะทำทางเท้า หน้าบ้าน ติดกับแม่น้ำ ระหว่างทางทุกบ้านจะปลูกต้นไม้ ให้ร่มเงา ตามตำราสมัยนี้คือความเป็นสิริมงคล ความเย็นจากน้ำ ที่นั่งนอกชาน ทำยื่นออกจากบ้าน หันหน้าออกแม่น้ำ น้ำในแม่น้ำจะไหลเรียบ ไม่ว่าน้ำขึ้นหรือลง ยกเว้นมีเรือเครื่อง จะวิ่งเร็ว ยิ่งเป็นเรือรับคนโดยสารเดินทางไปตลาด เจอกันเมื่อไหร่จะเร่งเครื่อง เพื่อตัดหน้าเรือด้วยกัน เหตุผลมีอย่างเดียวรับผู้โดยสาร แต่ผลเสียมีมาก ลูกคลื่นจากเรื่อสองลำ สูง แรง ทำให้ตลิ่งพัง บ่อยครั้งเรือพายล่มได้

คนต่างจังหวัดสมัยโน้น จิตใจเจริญกว่าคนสมัยนี้ ถนนหน้าบ้าน เป็นทางเดินที่ดีที่สุดของบ้าน บ้านไม่มีรั้ว ไปมาหากันง่าย ชาวบ้านถึงจะอยู่ห่างไกลรู้จักกัน ช่วยเหลือพึ่งพา ปัจจุบันที่ทุกตารางเมตรมีค่า จึงเห็นว่าคนเอาเปรียบลุกล้ำที่สาธารณะ ทะเล ชายหาด ป่า

วันพระเป็นวันสำคัญ มากครอบครัวทำอาหารไปถวายพระที่วัด จะทำมากเป็นพิเศษแจกญาติ และตักอาหารทานร่วมกัน ลูกๆ จะถูกนำไปวัด คลุกคลีกับศาสนา พระท่านพูดว่า โยมมาวัด สัมผัสสิ่งดีงาม กลับบ้านอยากให้ปฏิบัติทางใจด้วย เหมือนวัดมงคลตอนนี้ เด็กๆ ได้รับการอบรม กริยา มารยาท ให้รู้เด็กและผู้ใหญ่

พอผมโตเรียนมัธยม ก็อาศัยวัด ทางวัดบังคับให้เข้าโบสถ์สวดมนต์ทุกอาทิตย์ ต้องเรียนพุทธศาสนา ผมสารภาพว่าความสนใจ เรื่องพุทธศาสนาน้อยมาก ช่วงโน้นความดีงามของพุทธศาสนา ความรู้สึกว่าได้มีความเข้าใจน้อยมาก

แปลกพอโต เรียนสูงขึ้น มีงานทำและยิ่งมีครอบครัว ลูก สิ่งดีงาม ที่เรียกได้จากพระ จากวัด จากผู้ใหญ่ พ่อแม่ ปลูกฝัง เริ่มแตกราก ออกใบ ออกดอก และผล สำหรับผมคิดว่ารับรู้ปฏิบัติบ้าง ผลย่อมออกดอกแตกใบ

พระกล่าว โยมคุณธรรมที่เด็กได้รับ จะยังอยู่ในกายใจของเด็ก และวันหนึ่งในวันข้างหน้า จะเติบโตเป็นหลักเตือนใจ ให้ยึดและกระทำสิ่งดีงาม

ช่วงไปวัด จะมีโอกาสคุยกับพระ ยอมรับได้สิ่งดีงามเป็นคติ ให้เกิดสติกับชีวิต เรื่องง่ายๆ และเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตจากความรู้สึกของพระ ท่านบอกว่าหมอคนสุดท้ายของทุกคนคือ ความตาย เมื่อตาย จะไปสู่การเกิดใหม่ ก่อนถึงสภาวะใหม่ คนทุกคน จะถึงวัยชรา วัยนี้ ทุกอย่างเสื่อม ผิวหนังย่น ตาเริ่มมัว ฟันหัก ความจำเสื่อม เคยช่วยตัวเองได้ กลับต้องพึ่งคนอื่น ทุกสิ่งที่ประกอบเป็นชีวิต เริ่มหมดคุณภาพ ชีวิตเราอยู่ไปไม่มีอะไรดี หมอสุดท้ายที่มอบความตายให้เรา ทำให้เราคิดได้ว่า ชีวิตทุกคนต้องตาย เมื่อทุกอย่างเสื่อม ทุกข์ และทรมาณ การละสังขาร ก็คือการไปเกิดใหม่ มีความสมบูรณ์ และแข็งแรงใหม่ ชีวิตย่อมดี หมอสุดท้ายของชีวิตเน้น ช่วงมีชีวิตทำดี ย่อมสะสมสิ่งดีๆ ทำไม่ดีย่อมสะสมความไม่ดีงาม

มีคนสงสัย พระสามารถคุยได้ทุกเรื่องไหม ครับได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องที่เข้าใจลึกซึ้ง และตลอดเวลาของชีวิต บวชเป็นพระ ปรงผม ใช้ผ้าสามผืน ทานอาหารสองมื้อ ละวัตถุ และชีวิตเดินตามพระพุทธเจ้า ยึดมั่นในกฎเกณฑ์โดยเฉพาะศีล ยึดเป็นหลักของชีวิต เรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ พูดได้ไหมย่อมได้ จะสอนให้ชีวิตสามีภรรยา อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ซื่อสัตย์ พึ่งพา เมตตา รักใคร่ ไม่นอกใจ เก็บหอมรอมริบ หลักใหญ่ของศาสนา คือ ชีวิตและความเป็นอยู่ เหตุที่พระท่าน ทานอาหารสองมื้อ นอนน้อย สวดมนต์มาก เพื่อปฏิบัติตัวให้เจริญตามธรรม และอีกอย่างจะลดความกำหนัด

เรื่องการเมืองพระคุยได้ไหม พระจะคุยแบบโยมถือข้างไม่ได้หรอก โยมต้องเข้าใจวิถีชีวิตของพระก่อน พระทุกองค์ บวชเรียน เพื่อศึกษาธรรมะ และละกิเลศ เจตนาสอนประชาชน โดยหลักง่ายๆ การดำเนินชีวิตคือการสอนโดยการสนทนา ใจอาตมาอาจชอบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะอาตมายังละกิเลศไม่ได้สมบูรณ์ แต่ก็พยายามปลง ละ ถึงจะไม่หมดสิ้น แต่สิ่งที่โยมเห็นอาตมาละ กิเลศทางวัตถุ และละกิเลศทางครอบครัว อาตมารับรู้และจะเก็บมาพัฒนา คือมาผสม ปนเป และรวบรวมทางการเมือง เพื่อให้เกิดคำสอนว่านักการเมือง ถ้ายึดศีลห้า การบริหารประเทศชาติก็เจริญแล้ว

ผมคิดว่าพระส่วนมากเข้าใจการเมือง แต่จำเป็นต้องเลี่ยงตอบ การเมืองคือการบ้านของแต่ละคน ไม่น่าจะมีข้อยกเว้น เพราะการเมืองคือความทุกข์และสุขของประชาชนที่เกิด จากพวกนักการเมืองเหมือนกับปัจจุบันนี้ เราจะเห็นว่านักการเมืองเป็นคนโกหกต่อประชาชนมากที่สุด เหมือนรัฐมนตรีคลัง พูดโกหกความเติบโตสินค้าออก 15% ที่จริงไม่ถึงครึ่ง ความเสียหาย ทำให้คนผลิตเฮโรผลิต ย่อมตกค้าง คนต่างชาติมาลงทุน คนไทยที่มีการศึกษา พูดว่า โกงบ้างถ้าทำงานพัฒนาประเทศชาติ ก็ไม่ว่ากัน ครับคนมีการศึกษา ถ้าคิดอย่างนี้ สิ่งที่เราเห็นคงเหมือนการศึกษา บ้านเราเรียนเพื่อตลาดของงาน ไม่สนใจความถูกต้องของประเทศชาติ เราจึงถูกพวกนักการเมืองเอาเปรียบ และความคิดของคนพวกนี้ ก็เลือกคนโกงเข้าทำงาน เคยสังเกตรัฐบาลทุกยุคไม่เคยพูดเรื่องการสร้างงาน ปัญหาคนว่างงาน ปัญหาคนจน แม้แต่การศึกษา มหาวิทยาลัยท้องถิ่น ควรสร้างระบบ ที่ว่าควรมีการวิจัย สิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น พืชผลทางเกษตร การขยายตลาด ทำอย่างไรเราจะสอน คนว่างงานให้มีงานทำ แม้แต่การไปเป็นคนใช้ เดี๋ยวนี้เราเอาคนต่างชาติมาทำงาน ลาว เขมร พม่า อีก 10-20 ปี ข้างหน้าคนเหล่านี้ก็เติบโตมีครอบครัวอยู่ในประเทศไทย ท่านคิดไหม คนพวกนี้ ย่อมพัฒนาศักยภาพชีวิตได้ดีกว่าคนไทย ที่อยู่ต่างจังหวัดไม่ทำงาน ไม่ปรับตัวเพราะเขาขยันทำงาน ผมขอสรุปง่าย เพื่อนคนไทยหลายคน พอคุยเรื่องการเมือง ลุกหนีเขาบอกว่า พอคุยกันเสียงดัง เอะอะ ทะเลาะกันทุกที ผมติงไม่จริงหรอก การคุยการเมืองเดี๋ยวนี้ เราคุยกันแบบต่างงัดเอาความเชื่อมาคุย ไม่ต้องโต้แย้งและคัดค้าน เหมือนเรียนหนังสือนำเป็นการบ้าน แต่การคุยการเมือง สำคัญตรงที่ว่า เราเลือกนักการเมืองเข้าไปบริหารประเทศ เพื่อความเจริญของประเทศชาติ ทั้งกฎหมาย และเศรษฐกิจ รวมทั้งจริยธรรม และมากมายหลายข้อ ถ้าเราคุย เราศึกษา เราคือพลังต่อสู้ให้ประเทศชาติเจริญ แต่ถ้าปฏิเสธเสียแต่แรก เท่ากับปิดประตูความคิด ที่จะสร้างสิ่งดีงามให้ตัวเองและลูกหลาน และเลือกทำในสิ่งถูกต้อง คำว่าถูกต้องทำแล้วสุข พอใจ ไม่มีกังวลใจอีกต่อไป คงจะเหมือนเรื่องการเมือง โยมหนี จริงแล้วโยมหนีได้จริงหรือเปล่า โยมลองเปิดความคิดดูในสังคมปัญหาต่างๆ มีและเกิดมากมาย มาจากการเมือง ถ้าเราเริ่ม นำการบริหารงานมาพูดคุย ปรึกษา ถกเถียง ถึงจะใช้เวลา ก็ยังพบกับแสงสว่างจริงไหมโยม

แต่โยมเอาแต่เดินหนี ปิดตา ปิดหู ไม่เปิดโอกาสให้ปัญญา ได้พิจารณา สิ่งที่โยมคิดว่าชีวิตที่สัมผัสตอนนี้ มีความพอใจแล้ว มีข้าวกิน มีงานทำ มีครอบครัว มีลูกหลานดี พระท่านสอนเสมอวันนี้เราสุข อีกไม่นานก็ทุกข์ ทุกข์ไม่นานก็สุข พระท่านจึงสอนเบื้องต้น เดินสายกลาง และสุดท้ายถ้าละความยึดถือได้ ก็ควรทำ

ประตูโบสถ์ เปิดกว้าง เสียงพระสวดมนต์ ทำให้เกิดความสงบ ธรรมะไหลสู่ใจ รู้สึกปิติ เป็นความสุข โยมหลายคนหยุดการสนทนา และหยุดความคิด สงบกายใจ นั่งพับเพียบ พนมมือ ก้มลงกราบ เสียงบอกเล่าของหลวงพ่อมงคล เคยสอน เคยพูด โยมการทำสิ่งดีงาม ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อโยมทำได้ ใจโยมปลูกฝังความดีงาม เก็บรักษา และปฎิบัติ ชีวิตถึงจะยังอยู่ ย่อมมีคนรัก คนเมตตา ช่วงจากไปย่อมไปสู่ที่ดี สิ้นคำพูด ใบหน้ายิ้มละไม มันเป็นภาพดีงามของชีวิตติดกับความคิดคำนึงตลอดเวลา ครับหลวงพ่อลูกๆ จะเดินทางสงบตามที่บอกกล่าว