ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 12 สิงหาคม 2566

8:00 AM เช้าของวันพุธ ดื่มกาแฟเฟร้นโทสแบบแก่ เช้านี้นำกล้วยปิ้งของแม่บ้านมาชิ้นหนึ่ง ในถ้วยมีหลายสิ่งรวมกัน ผมนำมะพร้าวสไลด์ใส่เตาอบ และเทงาผสมด้วย เอาถั่วสไลด์ของถั่วอัลมอน บิคุกกี้ชิ้นเล็กๆเข้าเตบอบไม่เกิน 5 นาที เอาออกเทองุ่นแห้งลงผสมกัน สำหรับองุ่นแห้ง และแคนเบอรี่แห้งจะไม่ใส่อบรวมกับมะพร้าวถั่ว เพราะถ้าอบ เวลาทานจะแข็งเวลาเย็น

ส่วนตัวผมทานของง่าย อย่างมื้อเช้าจะดื่มกาแฟ 2 แก้ว ไม่เติมครีมและน้ำตาล ยกเว้นถ้าตอนเย็นอยากทานโอวัลตินจะใส่นมข้นและบราวชูก้า ครับสำหรับโอวัลตินชอบหวานแต่ไม่มาก แม่บ้านเป็นประเภท “ดูแลสุขภาพ” จะไม่ทานหวานมาก เช้าจะทานข้าวโอ้ดต้มกับนม ชาร้อนๆ และจะมีผลไม้รวม อย่างแอปเปิ้ล พีช พุทรา หน้านี้มะม่วงเยอะ จะผสมลงไปด้วย

ซิบกาแฟร้อนๆ รู้สึกดี วางแก้วกาแฟตักส่วนผสมในถ้วย เคี้ยว ละสายตามองถนน เวลา 8:00 โมงเช้า รถวิ่งขึ้นลง น้อยมาก บ้านที่ผมอยู่ เมือง เอลเซอริโต้ (EL Cerrito) หลังบ้านเป็นภูเขา ทางลาดลงอ่าว (ทะเลภายในของซานฟราน) จะมองเห็นอ่าว เมืองซานฟรานซิสโก ชอบอากาศที่บ้าน ลมทะเลภายใน หอบอากาศสดเย็นจากทะเล ขึ้นมาบริการบ้านเป็นอากาศบริสุทธิ์ เวลาพัดลงก็หอบเอาอากาศที่ถ่ายเทจากรถ คน และต้นไม้ สู่อ่าว ฟอกให้สะอาด พัดกลับมาบ้านเก่า ครับธรรมชาติดูแลตัวเองให้บริสุทธิ์ แล้วนำมาบริการให้กับคน

ผมมองผ่านหน้าต่าง ประมาณ 5-6 เมตรเป็นทางเดิน เห็นคนเข็น รถเด็กผ่านครับ จะผ่านหน้าต่างผมทุกเช้า เหตุผลไม่ไกล จะเป็น Park มีสนามเด็กเล่น มีพวกชิงช้า ม้าขี่ จักรยานอยู่กับที่ และอีกหลายอย่าง ครับเด็กๆ วัยที่ต้องเรียนรู้ สิ่งดีงามที่เป็นปัจจัย พัฒนา ร่างกาย และสติปัญญา ไม่เพียงเท่านั้น คนเลี้ยงอบรม สั่งสอน เด็กดี ผมช่วงเป็นเด็ก จนถึง ป.4 บ้านให้เป็นอยู่ติดแม่น้ำป่าสัก หน้าบ้านจะทำถนนทางเดินระหว่างบ้าน ถนนไม่กว้าง เป็นถนนดินเรียบเท่ากับพื้น เหตุผลถนนอยู่หน้าบ้าน อีกด้านติดแม่น้ำป่าสัก ถนนช่วงเช้าพระสงฆ์จะบิณฑบาต ถนนเรียบหน้าบ้าน และชาวบ้านเวลาไปหาสู่กัน ก็ใช้ถนนหน้าบ้าน ถนนคือความผูกพันที่สร้างคุณธรรมต่อกัน หน้าบ้านติดกับถนนแคบๆ จะเป็นทางลงแม่น้ำ หลายบ้านทางลงจะปลูกผักอย่างมะเขือ พริก และถั่ว ถั่วจะปลูกติดกับริมน้ำ ทำค้างให้ถั่วเลื้อย ทำมุม 25 องศา เวลาฝักถั่วออก ฝักจะห้อย ยาวสวย ทุกเช้ามืด ผมจะลุกจากเตียง นำหนังสือมานั่งใต้ค้างถั่ว “อ่านหนังสือ” ครับธรรมชาติ งดงาม เช้าจะมีคนพายเรือ (ช่วงผมเป็นเด็ก) เดี๋ยวนี้เรือพาย เรือโดยสารไปตลาดที่เมือง เรือพ่วงสำหรับเรือขนข้าวเปลือกไปโรงสี บรรยากาศในแม่น้ำ “หมด” จะมีเรือก็เพียงเรือหาปลา อย่างทอดแห ตกปลา ครับธรรมชาติยังเป็นปัจจัยให้คนได้มีอาชีพ ไม่ต้องเสียเงินซื้อ อย่างตกปลา หน้าที่ของทุกคนคือช่วยกันดูแลธรรมชาติ ช่วงผมเป็นเด็ก น้ำในแม่น้ำ ถือได้ว่าสะอาด ประชาชนอาบน้ำในแม่น้ำ ซักผ้า แม้แต่น้ำดื่ม หน้าฝนตก เกือบทุกบ้านจะรองน้ำฝน ใส่ลงในตุ่ม เก็บไว้ใช้และดื่ม

พอถึงวันนี้ ทุกบ้านจะมีน้ำประปา มีไฟฟ้า และรถมาเก็บขยะ น้ำฝนหมดคุณค่าที่ใช้ดื่ม ซักผ้า

พ่อแม่มีแพค้าขาย มีเรือซื้อข้าว เวลาผ่านแพร้านค้า เปลี่ยนมาเป็นร้านบนบก แม่สามารถสร้างร้านได้ เพราะตรงบ้านมีสะพานข้ามแม่น้ำ ถนนหลายสาย แยกเข้าหมู่บ้าน ใต้สะพานถนนเป็นรูปวงแหวน เชิญ หิว กระหาย แวะร้าน “แม่ย้วน” ได้

พอพวกผมจบ ป.4 แม่พ่อเรียกมาคุย ถึงเวลาต้องไปเรียนมัธยมที่กรุงเทพฯ แม่บอกว่า โรงเรียนดีๆ มีเยอะ และแม่พ่อจะเล่าประสบการณ์ตรงของการเรียนในกรุงเทพฯ

ครับส่วนตัว จากประสบการณ์จบ ป.4 มาเรียนกรุงเทพฯ ประสบการณ์ตรงและความคิด ตอนเรียนปริญญา เมืองไทยคิดตอลดเวลา จะมาเรียนต่อปริญญา เมืองไทยคิดตลอดเวลา จะมาเรียนต่อที่อเมริกา เรียนรู้การสมัครเรียน ส่ง I-20 มาสมัครที่มหาวิทยาลัย “ออริกอน” ได้รับ ครับช่วงเรียน ออริกอน 1969 ค่าเทอม $164.00 เหรียญ สำหรับปริญญาโท

วันนี้อากาศดี ช่วงเดือนสองเดือนฝนหายหน้า หลายคนบอกว่ายังไม่ใช่หน้าฝน ครับจะดูกาลหรือไม่ ช่วงมากปี ฝนก็ตกมาบ้าง เพื่อความผาสุกของมวลชน โดยปกติทุกบ้านจะมีต้นไม้โดยเฉพาะยืนต้น ผมไปทุกที่ มากเมืองบ้านจะมีต้นไม้ยืนต้น นอกจากจะให้ร่มเงา และความสำคัญของต้นไม้ มองดูทำให้บ้านน่าอยู่ร่มเย็น และสงบ ทุกเช้าผมจะออกไปหลังบ้าน หลังบ้านมีเรดหวูด ใหญ่ 3 ต้น มีสองกิ่งไม่ใหญ่นัก กำลังจะจ้างคนมาทริม เพราะสามารถมองเห็นวิวอ่าวซานฟราน เกาะนักโทษ และเมืองเซ้าซาริโต้ ครับเมืองเซ้าซาริโต้เป็นเมืองน่าอยู่ มีภูเขา บ้านจะอยู่ตามตีนและไหล่าเขา ตรงทะเลภายใน จะมีเรือนแพหลายหลัง ผมเล่าตอนต้น พ่อแม่มีเรือนแพ เรือนแพลอยอยู่ในน้ำ มีโป๊ะทำด้วยไม้สักหนากว่าพื้นบ้าน ทำเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า ยาวและกว้างแล้วแต่แพ มีความลึกผมจำไม่ได้ 2-3 เมตร ให้เรือนแพลอยไม่จมน้ำ และโป๊ะ คือ ที่เก็บสมบัติของคนอาศัยเรือนแพ

ครับที่บ้านและแถวบ้านอากาศจะสดสะอาด เย็นพัดจากทะเลภายใน

มองลอดหน้าต่าง เห็นผู้สูงอายุ 2 คน ผู้หญิงจะมีที่ประคองตัว ฝ่ายชายเดินใกล้ๆ ไม่มีไม้ช่วยพยุงตัว ถ้ารุ่นเดียวกันปกติ ชายจะใช้ไม้พยุงตัวมากราย ผู้หญิงโดยปกติจะแข็งแรงกว่าชาย ในวัยชราคงตรากตรำกับงาน แต่รายที่เห็นบนถนน จากหน้าต่าง ครับชีวิตมนุษย์เราพิจารณาสุขภาพจากความเป็นชายหญิง และสำคัญคือ พฤติกรรมของการดูแลตัวเอง

อาทิตย์ละ 5 วัน จันทร์-ศุกร์ ผมจะไปออกกำลังที่ วายเอ็มซีเอ อย่างคลาสโยคะ คนเล่นเต็มเกิน 40 คน มีชายไม่เกิน 5 คน รวมทั้งผม ส่วนมากผู้หญิง ครับผู้หญิงน่าจะดูแลตัวเองดีกว่าชาย แม้แต่การทานอาหาร ไม่กินตามปากจะคำนึงถึงสุขภาพด้วยเสมอ