เกือบ 7:00 AM วันพุธที่ 11 ครับวันเวลาจะเคลื่อนวันละ 24 ชั่วโมง ความคิดเรื่องเวลา แตกต่างของแต่ละคนขึ้นอยู่กับกิจกรรมของชีวิต สำหรับผมวัย 85 ปี เวลาในความคิดเร็วหรือช้าไม่อยู่ในความคิด ตอนยังทำงานหาเงิน เดือนไหนเงินเดือนออก ใช้จ่ายหมดก่อนเวลาได้รับเงินเดือนออกหงุดหงิด
แต่ปัจจุบัน ไม่ปวดหัวหรือเรื่องเงินออก เหตุผลง่ายๆ ไม่ค่อยมีเวลา “ช็อป” คนรุ่นพ่อแม่ เคยบอกว่าพอวัยปลายทางของชีวิต ถ้ามีเงินพอใช้จ่าย บวกกับวัยสูงอายุหมดความต้องการฟุ่มเฟือย กินอยู่รู้จักประหยัด
ยกกาแฟขึ้นดื่ม มองลอดหน้าต่างวันนี้หมอกยังไม่จางหาย คงรอความร้อนจากดวงอาทิตย์ ปกติจะมองเห็นวิวทะเลภายใน สะพานโกลเด้นเกจ แต่เวลานี้มองไม่เห็น จะเห็นก็ระยะไม่ไกล มองเห็นผู้สูงอายุหญิงชายเดิน บนทางเท้าฝั่งตรงข้าม ครับทุกเช้าและเย็นจะมีผู้สูงอายุเดิน ไม่เพียงดูแลสุขภาพทางกาย นักจิตแพทย์บอกเสมอการออกกำลังจะเดิน อ่านหนังสือ เข้ายิมส์จะตัดทอนเรื่องกังวล ถ้ามีและสำคัญ คือชีวิตพัฒนากิจกรรมให้ชีวิตยังช่วยตัวเองได้
ปกติ แม่บ้านผมหลายปีมาจะไป YMCA ทุกวัน หลายปีมาหยุดไป แต่แม่บ้านจะออกกำลังที่บ้าน เช้าเย็น ช่วงเช้าหลังบ้านจะมีกระถางต้นไม้เยอะ มีโต๊ะตั้งไว้ ที่มุมของศาลาติดกับต้นเรดวูด แม่บ้านเคยชอบมานั่งอ่านหนังสือ หลังจากทำโยคะ ครับตรงโต๊ะนั่งจะเห็นวิวสวยงาม ทะเลภายใน ยิ่งช่วงวันหยุดกลางวันแดดดี ลมทะเลพัด จะมีคนนำเรือใบออกแล่น เพียงนั่งกราบท้ายเรือ ถือหางนำเสือประคองให้เรือใบวิ่งไปตามทิศทาง ลมจะช่วยให้เรือแล่นไปตามต้องการ
พูดถึงแล่นเรือใบ อดคิดถึงหลานชายคนกลางอายุ 15 ปี ทุกวันหยุดจะออกไปโล้เรือใบในทะเลสาบ “มิชิแกน” พูดถึงหลานผมมีหลานชาย 3 คน พ่อแม่เดียวกัน แม่เป็นลูกสาวคนโต อาชีพหมอ ช่วงเป็นเด็กอายุ 7-8 ปี ทุกวันอาทิตย์จะพาครอบครัวลูกชายลูกสาวไปวัด วันหนึ่งเพื่อนลูกสาววิ่งลื่นหกล้ม แขนครูดกับพื้นซีเมนต์ แขนถลอก ลูกสาว วิ่งเข้าวัด เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดแผล แล้วเอาสำลีชุบยาเช็ดปิดแผล ลูกสาวมาบอกพ่อแม่โตขึ้นจะเป็นหมอ
ครับพอจบไฮสคูลก็สอบเข้าเรียนวิทยาศาสตร์ (Micro Biology) ที่ยูซีเดวิส ปกติที่บ้านอยู่ติดกับ ยูซีเบิร์คเล่ย์ ครับยูซีเบิร์คเล่ย์ เป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีหลายมหาวิทยาลัยประเภทยูซี มีชื่อเสียง อย่างยูซีเบิร์คเล่ย์ ขึ้นเหนือประมาณ 50 ไมล์ มียูซีเดวิส ทางใต้อย่างยูซีแอลเอ ครับยูซีมีอีกหลายแห่ง
แต่ยูซีเบิร์คเล่ย์ไม่มีการศึกษาทางหมอ แต่มียูซีเดวิส เหตุผลถ้ามหาวิทยาลัยมีเรียนหมอ การเข้าเรียนเตรียมหมอเป็นการเตรียมตัวเนื้อหาวิชาจะสอนต่อจากเตรียมหมอ ไปบรรจบกับตอนเข้าเรียนหมอ
การเรียนหมอใช้เวลา 11 ปี เป็นความปกติ หลังจากจบไฮสคูล ความตั้งใจจะเรียนหมอ สอบเข้าเรียนเตรียมหมอ 4 ปี หลังจากจบ 4 ปี สอบเข้าเรียนหมออีก 4 ปี ลูกสาวเลือกไปเรียนที่เคลมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เหตุผลลูกสาวบอกว่าเป็นประสบการณ์ของชีวิต ไม่เพียงการเรียน เพื่อนร่วมห้อง และสำคัญคือสิ่งแวดล้อม หลังจากจบ 4 ปี เรียนหมอที่อังกฤษ รวมเป็นเวลา 8 ปี 4 ปี เตรียมแพทย์ 4 ปีเรียนหมอ ครับ 8 ปี ยังทำงานหาเงินทางหมอไม่ได้ ต้องเรียนอีก 3 ปี ช่วง 3 ปีสุดท้ายคือ หมอฝึกหัด รวมเวลา 11 ปี
สำหรับอาชีพหมอของลูกสาว ถือว่าเจริญก้าวหน้า แต่งงานกับหมอด้วยกัน ปัจจุบันมีคลินิก 4 แห่ง คนงานหมอ พยาบาล และคนงาน เกิน 60 คน
เหตุผลที่ผมบรรยาย เพียงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเรา วางแผนชีวิตที่จะเลือกอาชีพ เพื่อสิ่งที่ตัวรัก
อย่างผมชอบที่จะสอนหนังสือ เลือกสอบแข่งขันชิงทุน เรียนจบ กศ.บ. บางแสน ระหว่างทำงาน คิดตลอดเวลา อยากมาเรียนต่อที่อเมริกา ความฝันของทุกคนย่อมมี ความฝันย่อมไม่ไกลเกินความอยากของทุกคน ผมวางแผนมาเรียนต่ออเมริกา เริ่มชีวิตไปเรียนภาษาอังกฤษที่ AUA อดทนอ่านหนังสือ สอบโทเฟล ติดต่อมหาวิทยาลัยที่ออริกอน โชคดีวิทยาลัยที่ออริกอน ส่ง I-20 ผมไม่มีภาระ พร้อมเดินทาง 1969 เดินทางไปเรียนปริญญาโทที่รัฐออริกอน ค่าเทอมช่วงโน้นถูก 169 เหรียญต่อเทอม
ลูกชายผมด็อกเตอร์พหล จบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยมานัวที่ฮาวาย สำหรับภรรยาได้ทุนมา เรียนฝึกงานที่ซานฟรานซิสโกก่อนผม
วันนี้อดที่จะเล่าเรื่องการเรียนของครอบครัว การแชร์ความคิด โดยเฉพาะการศึกษา เป็นพื้นฐานความรู้ที่จะพัฒนาความสามารถ ทำมาหากิน
โดยเฉพาะการศึกษาของคนรุ่นใหม่ ไม่เพียงขยันเล่าเรียน เลือกตามความถนัดของตัวเองเล่าเรียน คำว่าความถนัด คือศักยภาพที่มากับชีวิต คือความชอบพอ สามารถพัฒนาความชอบให้ก้าวหน้า
เด็กอย่างผมไม่มีความสามารถในการเล่นกีฬา ยุคนี้การเล่นกีฬาเป็นความจำเป็น ผมมีหลายชาย 3 คน 14-15-16 หลานชายเป็นลูกของลูกสาว ลูกสาวลูกเขยต่างสนับสนุนการเล่าเรียนของลูกๆ อยากเรียนอะไร สนับสนุน
อย่างหลานชายคนเล็กอายุ 14 ปี ปกติจะชอบเล่นซ็อกเกอร์ เพราะโรงเรียนที่เรียนมีอเมริกันฟุตบอล แทนซ็อกเกอร์ เป็นโรงเรียนเอกชน
หลานคนกลาง คนอายุ 15 ปี ทุกอาทิตย์จะออกไปแล่นเรือใบที่ทะเลสาบมิชิแกน คนโตยังเล่นซ็อกเกอร์ ครับยุคปัจจุบันการเรียนทางวิชาการ จะเรียนทางกีฬาไปด้วย หลานชาย 3 คน พ่อแม่ลงทุนส่งเรียนโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อของรัฐเหมือนผมส่งลูกชายลูกสาวเรียนเอกชนดีๆ สิ่งหนึ่งที่ครอบครัวผมมีคือการชอบเดินทาง ผมเมื่อต้นปีเดินทางไปฮ่องกง สิงคโปร์ ใช้เวลา 15 วันนั่งเรือเที่ยวญี่ปุ่นกับแม่บ้าน 2 อาทิตย์ เราเคยนั่งเรือเที่ยวเมื่อ 3 ปีก่อน ไปอลาสก้า มีเกาะหนึ่งชื่อ “ซานฮวน” เห็นฝูงปลาวาฬ เกาะซานฮวนเป็นเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางเหนือติดกับอลาสก้า 1973 เคยเดินทางคนเดียว 4 เดือนในยุโรป บินจากนิวยอร์ก หลังจากท่องเที่ยวทางเหนือของอเมริกา และเข้าไปทางเหนือของแคนาดา รัฐคลีเบค ล่องใต้มาที่ไนเอการาฟอล บินจากนิวยอร์กไป โปรตุเกส นั่งรถไฟไปในประเทศต่างๆในยุโรป แม้แต่สแกนดิเนเวีย อย่างนอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ค นั่งเรือไปไกลถึงฟินแลนด์ กลับมาที่ฝรั่งเศส นั่งเรือไปอังกฤษ ขึ้นฝากนั่งรถไฟไปลอนดอน เย็นถึงลอนดอน หาโรงแรมถูกๆ อย่างประเภทโฮเต็ลไม่มี กลับมาที่สถานีรถไฟวิคตอเรีย หลับนอนในรถไฟ ไปเช้าที่สก็อตแลนด์
วันนี้แปลกเล่าเรื่องเรียน เดินทาง และกีฬาของครอบครัว ผมยึดหลักทางการศึกษา “การคุยคือการบอกเล่า” แชร์ประสบการณ์ นักจิตวิทยาเน้น การแชร์ประสบการณ์ คือการกระตุ้นให้ผู้รับรู้วางแผนชีวิต ในทุกด้านแม้แต่การเรียน การท่องเที่ยว และการวางแผนครอบครัว