ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ตามหลานไปเรียนภาษาไทยที่วัดมงคลรัตนาราม ตอนที่ 10

เลยบ่ายโมงของวันเสาร์ เดินผ่านร้านค้าอาหาร พระท่านกำลังทำงาน เตรียมงานสำหรับขายอาหารวันอาทิตย์ งานกางเต็นท์ จัดโต๊ะเก้าอี้ เตรียมถังแก๊ซ อย่างร้านขนมครกต้องหยอดขนมครกตรงหน้าลูกค้า หลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน ขนมในอเมริกา เกือบทุกประเภททำในครัว มีเตาแก๊ซ สำเร็จ สะดวกสบาย ความร้อนเท่าไหร่ หมุนเซ็ท ตั้งเวลา ครับอุปกรณ์ทำแทนเราหมด อร่อยหรือไม่จะโทษอุปกรณ์ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับฝีมือ ที่เมืองมิชิแกน มีทีวีช่องพิเศษ จะมีการมาแสดงทำอาหารทุกวัน ใครอยากมาจัดสรรเวลา เตรียมอุปกรณ์ เชิญครับมาแสดงฝีมือให้คนดู

แต่ขนมครกการหยอดขนมเดี๋ยวนั้นพอเกือบสุกหยอดหน้ากะทิให้หวานมัน การคุ๊ก การเปิดไฟ ไม่ให้ไหม้ รสหวานมัน มืออาชีพเวลาหยอดและแคะ ริมๆ ขนมครกจะกรอบหน้าไม่แห้งทีเดียว ซื้อกระทงมีหลายฝา ราคา 5 เหรียญ เผลอเดี๋ยวเดียวหมด ขนมครกเรียกฝา ผมไม่รู้ที่มาที่ไปของชื่อ แต่รูปร่างคล้ายฝาขนมครก เลยอนุโลมเรียกตาม

เมืองไทยขนมครกข้างถนนยังพอหากินได้ เจ้าไหนรสอร่อย รถยาวต่อหลัง เจ้าของร่ำรวย ขายแป้ง น้ำตาล และกะทิ อุปกรณ์ผลิตในประเทศ ราคาขึ้นลงเล็กน้อย ถ้าขึ้นราคาอุปกรณ์ ส่วนประกอบการผลิต คงไม่ใช่ผู้ผลิต คงเป็นคนกลาง เพราะเกิดมากับการหาผลกำไร

พอพูดถึงผู้ผลิต ความรู้สึกเห็นใจ เหมือนข้าว ผลไม้ ยาง น้ำมัน ครับ ช่วงหน้าของสินค้า ราคาจะถูก แต่พอเกือบวาย (คำว่าวาย ผมหมายถึง เกือบหมดฤดูกาล) ราคาจะแพงขึ้น ทุกคนรู้ว่าทำไม แต่เมื่อรัฐบาลไม่เล่นด้วย คงจะต้องร้องเพลง กรรม ชีวิตคุณผม หลายคนเรียกเบี้ยล่าง เป็นตัวประกอบให้เต็มกระดาน

เห็นพระท่านทำงาน ผมรู้ดีว่าการขน ตั้ง เป็นงานหนัก เคยถามหลวงพี่ ท่านครับ การเตรียมงาน กับงานเลิก เก็บของ กวาดพื้น เห็นเงินเข้าวัดเยอะ คนแปลกหน้ามาใช้บริการอย่างไหนสบายกว่ากัน หมายถึงไม่ต้องรีบ ลดความกังวล ผมเดินละออกจากท่าน ยังไม่ได้ยินคำตอบ คำตอบเป็นหน้าที่ของท่านก็แล้วกัน

แต่มีอยู่ตอนคุยกับพระ เรื่องการทำงาน หาเงินเลี้ยงตัว พระท่านบอกว่าการทำงาน ทำแบบจิตว่าง คือไม่คิดว่าหนักเบา งานมากหรือน้อย ทำไปด้วยความพอใจ เป็นงานในหน้าที่ เมื่อเรามีความรู้สึกไม่กังวล จิตปลอดโปร่ง งานที่ทำย่อมลุล่วงไปด้วยดี พอเสร็จงาน เหลือบดูเวลา ทั้งๆ ที่หลายชั่วโมง ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ พูดภาษาคนชอบเงินพูดว่า วันนี้ทำงานเยอะ ไม่หงุดหงิด ได้เงินเยอะ ไม่เหนื่อยเลย เออชอบงาน

เดินไปตึก เรียกว่า ศาลาการเปรียญ หรือจะเรียกว่าศาลาอเนกประสงค์ คำว่า "อเนกประสงค์" ชื่อตามประโยชน์ที่ใช้กับงาน ครับตอนนี้เข้าพรรษา คนมาทำบุญ ฟังเทศน์ พระท่านเทศน์ หลายอาทิตย์ คนมาทำบุญคนตาย ความตาย พระท่านบอกว่า โยมควรระลึกบ่อยๆ จะได้คุ้น เพราะชีวิตก็ต้องตาย พอเกือบถึงเวลาจะได้ไม่ต้องกลัวตาย ยังอยากจะเข็ญชีวิตที่วุ่นวาย ให้อยู่เป็นภาระ ก็ตามใจ เดือนก่อนท่านทูตมากับคณะก็อาศัยศาลาอเนกประสงค์ต้อนรับ โรงเรียนวัดก็อาศัยศาลาหลังนี้เพิ่มความรู้ ศาลาอเนกประสงค์ เป็นกุฏิสามชั้น ชั้นล่างเป็นห้องเรียนหนังสือ ซ้ายขวา มีห้องน้ำหลายห้อง ผมถือว่าการวางแผนเรื่องนี้ดีมาก คนมาวัดบางงานคนเยอะ ถ้าห้องน้ำน้อยการรอคอยกระวนกระวาย เสียงครวญเกือบแตกแล้ว

ชั้นสองเป็นศาลาที่คุยอยู่ ทางขวามียกพื้นสูง สำหรับพระสงฆ์ ที่นี้ประดิษฐาน พระประธาน เรียกว่า "พระพุทธมงคลรัตน์ภูมิพัฒนมหามุนี" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายและทรงเจิม

คำว่าพระสุหร่าย คือภาชนะรูปทรงคล้ายที่กรวดน้ำ แต่สูงกว่า ฝามีจุก และรอบฝาจะมีรูสำหรับพรมน้ำ รอบจุก ประโยชน์คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพรมน้ำกับพระประธาน เพื่อเป็นสิริมงคลและทรงเจิม พระราชพิธีทำในวัง พระพุทธองค์ สีทองสดใส บ้านเรานิยมทอง โดยเฉพาะปัจจุบันทองมีค่ามาก และความสำคัญของทองคือ เราจะหลอมเป็นรูปอะไรก็ตาม จะทำบ่อย หลายครั้ง โมเลกุลของทองจะไม่เปลี่ยนแปลง

ข้างๆ พระประธาน มีรูปหล่อของหลวงพ่อมงคล ครับท่านเกิด และสร้างงาน มีแต่ส่วนดี กับประชาชน ถ้ามาวัดมงคล คลานเข้าไปกราบ จุดธูปเทียน ยึดความดีของท่านเป็นแบบ

ชั้นบนเป็นที่พักของพระสงฆ์ อาคารนี้ตกแต่ง ด้วยลวดลายในหน้าบรรของวัด โดยอาจารย์พนม อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร ครับถ้ามา อยากให้เดินดูความงามจะเป็นภายในอาคาร ข้างหน้าด้านนอก ข้างหลังด้านนอก เราจะรู้สึกภูมิใจ ศิลปะการแกะไม้ การหล่อของไทย ไม่เคยแพ้ชาติไหน เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ช่วยกันเก็บรักษา

ผมออกจากศาลาการเปรียญ เดินลงบันไดหลายขั้น เพิ่งรู้ว่าตัวเองชราลงไปเยอะ ปวดเมื่อย ขา เข่า ถึงใจไม่ท้อ หลวงพี่พูดว่า โยมโรคคนแก่น่ะ ออกกำลัง เดินบ่อยๆ ทำใจให้สบาย ถ้ามาวัดไม่ได้ ก็ปฏิบัติธรรมที่บ้านก็เหมือนกัน การปฏิบัติธรรม ความหมายคือฝึกจิต ไม่คิดเพ้อเจ้อ มีความพอใจกับสิ่งที่มี อย่าไปนิยมชมชอบ อยากเป็นเจ้าของกับสิ่งนอกกาย แค่นี้โยมก็มีชีวิตที่สบาย อาตมาหมายถึง ความล่วงเลย ของกาย กับใจ ไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าทำได้ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคหรอก ถึงกายจะทรุดโทรม แต่ใจไม่ป่วยไปด้วย โยมรู้แล้ว คนทุกคนในโลกมีป่วย มีทุกข์ แต่คำสอนของพุทธองค์ คือสร้างภูมิคุ้มกัน แต่เมื่อกันแล้ว โรคยังรังควาน ท่านสอนว่าทำใจให้ยอมรับ

เดินเข้าในโบสถ์ ทุกคนลงความเห็นว่าโบสถ์นอกจากจะให้ความสงบทางกาย โดยเฉพาะทางใจ จะรู้สึก สงบ โล่ง เย็น พอเดินเข้าไป ทางซ้ายจะมีที่เสี่ยงทาย ติ้ว (เขย่าติ้ว) หลายคนชอบให้เหตุผลง่ายๆ เมื่อเข้าโบสถ์ ทุกอย่างคือสิริมงคล เมื่อใจปรารถนาสิ่งดีงาม น่าจะลองเขย่าติ้ว สิ่งดีๆ อาจปรากฏ รู้สึกโล่ง ปากยิ้ม ถ้าเผอิญได้ไม่ดี อดคิดไม่ได้ ชีวิตคนคงหลีกกรรมไม่พ้น สิ่งปรากฏบนกระดาษ ทำให้เราต้องอดกลั้น และมานะกระทำดีเพิ่มขึ้น

ผมคลานไป นั่งแบบเบญจางคประดิษฐ์ นั่งชันเท้าก้นนั่งทับซ่นเท้า ตัวนั่งตรง พนมมือไว้ระหว่างอก ยกจดหน้าผากก้มลงกราบตรงหน้าพระประธาน ภายในโบสถ์ของวัดมงคล หลวงพ่อโสธรได้รับการอนุญาตให้หล่อ เป็นที่กราบสักการะสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วาสนะ) วัดราชบพิธ เป็นประธาน

หลวงพ่อโสธร มีประวัติมหัศจรรย์ เล่ากันว่าลอยน้ำมา ก่อนโน้นโดยเฉพาะสมัยกรุงศรีอยุธยา พม่ามารุกรานไทย โดยเฉพาะเมื่อพม่าชนะ จะทำลายวัด เจดีย์ โบสถ์ และพระพุทธรูป เพราะสิ่งสำคัญดังกล่าว จะมีของมีค่าอย่างทองคำ จึงสันนิษฐานว่า น่าจะนำพระพุทธองค์หุ้มด้วยปูนใส่แพลอยน้ำ ครับเมื่อชาวบ้านนำลอยน้ำ ย่อมสำนึก พระพุทธองค์ย่อมศักดิ์สิทธิ์ กราบไหว้ จะเป็นมงคลกับชีวิต ผมเลยถือโอกาสขอพร

ทางขวามือ เป็นรูปหล่อของหลวงพ่อมงคล อดีตเจ้าอาวาสวัดนี้ ตลอดชีวิตบวชสร้างแต่กรรมดี สิ่งดีงามจึงสะสมในรูปหล่อของท่าน เพียงแต่ระลึก คุณความดีของท่าน ความเป็นสิริมงคล ก็ปกป้อง รักษา เหมือนกับคลุกคลีกับคนดี ชีวิตมีแต่เจริญทั้งใจ ปัญญา และความคิด

ถัดไปเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ประชาชนนับถือ ท่านเป็นโพธิสัตว์ สะอาดทั้งกายและใจ และสำคัญเป็นแบบอย่างและสอนให้คนสะอาดกาย ใจ ด้วย

เมื่อสามองค์ นั่งสงบภายในโบสถ์ ต่างก็มีบารมีของธรรมะ เมื่อเราเข้ามากราบเคารพ ย่อมได้รับความเมตตา คุ้มครอง ได้รับกระแสจิต ให้อยู่ในกรอบของความดีงาม เมื่อเราได้รับ ย่อมกระทำดี ครับชีวิตคนดี จะอยู่หรือไปไหนๆ ย่อมมีแสงของคุณความดี ออกจากกาย ใครเห็นรัก คนอยากคบค้าสมาคมด้วย

รอบๆ จะมี ตู้สำหรับให้เราบริจาค คนมากคนเชื่อว่ายิ่งบริจาคยิ่งได้ คงจะหมายความว่า เมื่อใจเราเกิดความเมตตาจริงๆ กับชีวิต เห็นคน สถานที่ที่ควรกราบไหว้ กิจกรรมของสังคม แม้แต่คนด้อยโอกาส พิการ จรจัด ขอทาน เราหยิบยื่นเงินให้ด้วยใจ ปรารถนาอยากเห็นเขาหลุดจากทุกข์ เมื่อใจเมตตา เป็นปกติวิสัยของชีวิต แน่นอนชีวิตคุณเวลานอนไม่ต้องเอามือหรือแขนก่ายหน้าผาก หลับสบาย ชีวิตเริ่มหมดกังวล ทุกอย่างคิดว่า ช่างหัวมัน จะเกิด จะอยู่ หรือดับ มันก็เป็นเพียงปัจจัยมากระทบเรา แต่ถ้าไม่รับรู้ ความทุกข์ก็ไม่สามารถ ทำร้ายเราได้

ถือโอกาส คลานไปติดพนังโบสถ์ นั่งสมาธิ หลับตา พยายามไม่คิดอะไร รู้ตัวดีว่ามันยาก เพราะใจมันคิดตลอดเวลา พระท่านเคยบอกว่า เมื่อรู้ตัว ก็เริ่มมันใหม่ ทำบ่อยๆ ความรู้สึกสงบมันก็เข้ามาหาเอง

เผลอหลับ หลายคนว่าหลับระหว่างฟังพระเทศน์ นั่งภาวนา ฝึกจิตไม่ดี ผมเริ่มคล้อยตาม แต่คิดว่า ขอเวลาอีกหน่อย จะไม่นั่งหลับอีก จะตื่นตัว ตื่นใจ รักษาศีล และภาวนา

ครับผม คนส่วนมากยังไม่เคยไปวัด บอกว่า ไม่มีเวลา ทุกวันตื่นเช้าออกจากบ้าน ขับรถติด เพื่อไปทำงานหาเงิน ตกเย็นหาเงินเสร็จ รีบกลับบ้าน รถติด ถึงบ้านมืดค่ำ ลูกเมียพร้อมหน้า รอกินข้าว พอวันหยุด ก็อยากพักผ่อนไม่อยากไปไหน หรือถ้าจะไป อยากไปเดินดูของ กับครอบครัว ให้ใจได้มีความสุข เมื่อถามว่าเคยไปวัดไหม คำตอบไม่เคยไป ไม่มีเวลา ไม่น่าจะได้อะไร เสียเวลาพักผ่อน

เอาอย่างงี้ หลวงพี่ท่านว่า เพียงแต่มาวัดเฉยๆ มาดูโบสถ์ ศาลา คุยกับพระ สิ่งที่คลุกคลี เป็นเรื่องของสร้างความสุขให้กับใจ ไม่จำเป็นต้องเสียเงิน เมื่อกลับไปบ้าน นำติดตัวไปด้วย ลองคิด และใช้กับการขับรถ ทำงาน เมื่อทุกอย่างมีสติ อะไรๆ ที่ยุ่งยากก็ลดลงไปเอง

ฟังดูแสนจะเป็นความปกติ แต่เมื่อลองตัดและละ จะรู้สึกโล่ง ที่หลวงพี่บอกหมายความว่าอย่างไร ก็เจ้าวัตถุภายในวัด ลวดลาย ต้นไม้ ญาติโยม พระ ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนกัน อยากละทิ้งเจ้าตัวความอยากได้ มาพอใจกับความเป็นปกติของชีวิต เพียงรู้จักพอเพียง และเป็นผู้ให้มากกว่ารับ ทุกอย่างก็เอวัง