ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
โรงเรียนของแม่ตอนที่ 6

คำพูดมากสิ่งของแม่ เวลาเพิ่ม พ.ศ. มากขึ้น หลายสิ่งจะสูญหาย ที่น่าเสียดายความเป็นวัฒนธรรมที่เรียกว่า “สร้างชาติ สร้างสังคมสูญหาย” หลายปีที่แม่ตาย วันนี้เดือนธันวาคม 2013 ยืนใต้ร่มเงาของมะขามเทศ มากสิ่งที่เติบโตบนตลิ่ง ยังคงจะยังอยู่ ถ้าน้องไม่ขายที่ ปล่อยให้นายทุน มาเปลี่ยนวิถีความเป็นธรรมชาติของท้องถิ่น นายทุนทุกคนมองทุกสิ่งเป็นเงิน และถ้าอยากทำให้การเปลี่ยนมีค่าความเป็นเงิน ก็ต้องเปลี่ยนแบบพลิก จากหน้ากลับไปเป็นหลัง คือเปลี่ยนไม่ให้เหลือซากของความเจริญที่เป็นวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ สืบสานต่อกันมา ยืมวัฒนธรรมตะวันตกมาแทน ที่เราเรียกว่าสถาปัตยกรรม คือเวลา และสิ่งก่อสร้าง เป็นส่วนที่เราลักมาอยู่ หลับนอน นั่งกิน ทำกิจกรรม จะแตกต่างจากคำว่าศิลปะ มิวเซี่ยม แม้แต่การแสดงละครในโรงละครแห่งชาติ เราเป็นเพียงคนแปลกหน้า มีสิทธิ์แค่ดู รับรู้ถ่ายทอดอารมณ์ของคนสร้าง สิ่งตรงหน้าให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม

ผมมองไกล สุดสายตา ไม่สามารถตัดผ่านแนวโค้งของแม่น้ำ ยุคของแม่ ตั้งแต่เด็กจนปลายชีวิต แม่น้ำจะไม่เคยขาด ชีวิตของคนทำมาหากินใช้แม่น้ำเป็นต้นทุน อย่างการพายเรือ เรือรับผู้คนเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง เรือพ่วงมากลำแตกต่างสินค้า ถูกเรือยนต์ลากจูง เหมือนงูเลื้อย ตอนแม่เริ่มมีผม แม่น้ำยังมีแพซุง ไม้มีค่าจากเหนือ อย่างไม้สัก ไม้แดง ถูกตัดปล่อยให้แห้งขนมาที่แม่น้ำ เจาะหัวผูกด้วยปลายเชือก กว้างยาวใช้เรือลาก จุดปลายทางโรงเลื่อย

ปัจจุบัน ถนนเชื่อมระหว่างจังหวัด เจริญสะดวกสบาย ชีวิตคนเปลี่ยนตัว ตัดทิ้งความเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ สูญหาย

คำพูด วิถีชีวิตปัจจุบันต้องสะดวก รวดเร็ว และมีความเป็นสากล มองดูฝั่งของแม่น้ำโรงงานอุตสาหกรรม มากโรงตั้ง ช่วงเวลาเย็นจะเปิดก๊าซ เหม็นส่งกลิ่นไปทั่ว ชาวบ้านเคยร้องเรียน สิ่งที่ได้รับคือความเฉยเมยของคนรัฐบาล ถ้าคำร้องบ่อยครั้ง จนเรียกว่าสร้างความรำคาญกับคนมีหน้าที่ดูแลความถูกต้อง จะพูดกลับ ทุกคนมีสิทธิตามหน้าที่และที่สำคัญ เจ้าของอุตสหกรรม เสียภาษีมากมาย

เยื้องบ้าน เรือโดยสาร ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ถูกจอด กลายเป็นร้านอาหาร ลอยน้ำ ครับมากสิ่ง เศษอาหาร เศษผัก อาจจะรวมทั้งฉี่ ถูกถ่ายเทลงแม่น้ำ เพิ่มความสกปรก

และที่แปลก บ้านริมน้ำ สองสามชั้น สร้างด้วยปูน และอิฐ ในสายตาของคนที่เป็นชาวบ้านแปลก ดูดี แสดงถึงฐานะ รสนิยม อดคิดจริงหรือ เหมือนกับสิ่งแปลกประหลาด เติบโตในความเป็นธรรมชาติ สืบสานทางชีวิต มาหลายร้อยปี บ้านชั้นเดียว ทรงไทย ยกพื้นสูง หลังคากระเบื้อง หรือสังกะสี และบางส่วนยังมุงด้วยจาก ต้นไม้ เป็นพันธุ์ท้องถิ่น ต้นเล็กไม่แยแส ต้นไม้ก็เติบโต ให้ร่มเงา ให้ผล ให้ความรู้สึกเป็นวัฒนธรรม สืบและสานต่อ

เลยต้นมะขามเทศ ตรงแนวของที่ยังมีกอไผ่ มีจอมปลวกกว้างและสูง แม่เคยบอก จอมปลวกทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ ตัวเล็กเท่าๆ มด สร้างจอมปลวก (บ้านใหญ่โตมโหฬาร) อาศัยอยู่ด้วยกัน ย่อมเกื้อกูล พึ่งพา ให้อาศัย รักใคร่ จอมปลวกในสายตาไม่มีคุณค่า แต่แม่เคยบอกชีวิตถ้าเอาความสามัคคี ขยัน อดทน แบบตัวปลวกปลายทางชีวิตของคน ย่อมมีความผาสุข

พอวันนี้ ถ้าแม่อยู่ คงรับรู้ ชีวิตทุกสิ่ง จะมีสิ่งที่เรียกว่าความเจริญ ทางวัตถุ ที่ทุกคนจับต้อง สัมผัสแล้วมีความพอใจ ปลายทางจะมีความสุขที่แท้จริงหรือไม่ เพราะต้องทุ่มด้วยเวลาของการทำงาน เพื่อเป็นค่าแรง ซื้อหาและก็แปลก ถึงเราจะซื้อเป็นเจ้าของ มันจะสมบูรณ์ได้ก็ต้องจ่ายเป็นเงินทุกวัน ทุกเดือน และทุกปี เหมือนโทรศัพท์ ทีวี ไอแพ็ต อยากมีโปรแกรมดีๆ ใหม่ๆ ติดต่อรวดเร็วก็ต้องเสียเงิน ใส่เคเบิ้ล ซื้อโปรแกรม นับวันชีวิตย่อมหมดอิสระ ยิ่งทุ่มเทเวลาหาเงิน เงินเก็บสะสมมองไม่เห็น สิ่งที่เพิ่มเรียกว่าความเป็นคนทันต่อกาล และเวลาไม่ล้าหลัง จริงหรืออดขัดแย้งกับความคิด

เหมือนกับเด็กๆ ในบ้านพ่อแม่มีเงินปรนเปรอ สิ่งสะดวก เกมส์ให้ลูก คำพูดเด็กเล่นเกมส์ มีสิ่งใหม่ๆ จะทันต่อความเจริญ สิ้นปีเกรดตกต่ำ เด็กไม่อยากอ่านหนังสือ ไม่อยากออกกำลัง สังคมระหว่างเพื่อนติดต่อทางอุปกรณ์ นั่งบนโต๊ะโยกตัวไปมา ขึ้นเสียง ลดเสียง เด็กมากคนเช้าจรดเย็นใจจดจ่อที่ร้านเกมส์ เมื่อเด็กเพิ่มปัญหา พ่อแม่ดุด่า มีให้ทุกสิ่ง ขยันเรียนหน่อย

สิบ ยี่สิบปี ก่อนแม่เสีย เด็กๆ ตื่นตัวเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัย สำหรับพ่อแม่คิดว่าเป็นหนทางถูกต้อง เด็กควรมีวิชาความรู้ แต่ช่วงหลังๆ เด็กเรียนสูงขึ้น จบปริญญาโท ปริญญาเอก เวลาที่เรียนต้องใช้เวลา และเงิน เมื่อจบปัญหามีอยู่ว่า งานที่ทำไม่สามารถจ้างในราคาวุฒิที่จบ ความรู้แค่ปริญญาตรีก็พอแล้ว เมืองไทยเรายังไม่ขยายความเจริญ ในขั้นที่สามารถรองรับความรู้สูงๆ สร้างงานที่ใช้ปัญญาสูงๆ ในสายวิชาชีพ

ส่วนตัว เคยฟังในเหตุการณ์ปัญหาเรียนจบ มีหนี้ต้องใช้ เป็นแสนๆ เหรียญ เคยมีคนเสนอ ปริญญาตรี เรียนเพียงสามปีได้ไหม ลดไปปีหนึ่ง เงินลดไปหลายหมื่นเหรียญ เราจัดวิชาเรียนใหม่ๆ ถ้างานต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ จ่ายเงินสูง รับผิดชอบงานมากขึ้น ก็รับคนที่เรียนสูงขึ้น ครับเป็นเรื่องน่าคิด ยิ่งเป็นเมืองไทยอดคิด เรียนสูงไป เกินงาน ขาดทุนตายเลย แล้วแต่พวกคุณก็แล้วกัน ยังยึดอัตตาแน่นก็ตามใจ ผมคงต้องขอแยกทาง ผมขออนุญาตออกนอกเรื่อง โดยเนื้อแท้ผมก็ชอบออกนอกเรื่องอยู่บ่อยๆ จิตวิทยาเลยบอกว่าออกนอกเรื่องมากสิ่ง ลดความเครียด ถึงจะขาดตอนบ้าง จริงแล้วไม่มีอะไรขาดตอน ยังอ่าน ยังคิด ยังเพลิดเพลิน ชองฟังรายการศาล โดยเฉพาะผู้พิพากษาจูดี้ พูดตรง พูดให้คนเกี่ยวข้องบางเรื่องได้คิด อย่างรายการผู้หญิงมากคนมาศาลฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อคู่กรณี อาจเป็นอดีตสามีคู่นอนคนสุดท้าย มากรายมีลูกหลายคน ลูกแต่ละคนคนละพ่อ แม้แต่ลูกคนเล็กในจำนวนสี่คน พ่อก็หายไปจากความรับผิดชอบนานแล้ว ชีวิตดูแลลูกทุกวันเกิดจากภาษีของคนทำงานทุกคน ค่านม ค่าคนเลี้ยงดู รอรับส่งไปโรงเรียน ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร และค่าทำผม แต่งเล็บ ย่อมท้อแท้ ยากที่เด็กจะมองเห็นอนาคตที่ดี สิ่งที่ผู้พิพากษาจูดี้พูด คือพูดฝากไปถึงตัวแทนของรัฐ จะทำอย่างไรให้คนอาย เป็นผู้ใหญ่ยังไม่หยุดมีลูก ให้คนอื่นจุนเจือ ถ้าชอบเรื่องเพศควรป้องกัน ไม่สร้างปัญหาให้กับเด็กเติบโตเป็นพลเมืองของชาติ ที่ขาดทิศทางและหางเสือ เหมือนสุภาษิตไทย รุ่นแม่ “เขียนเสือให้วัวกลัว” เหมือนปัญหาพิพาท ถูกกล่าวหาและด่าทอ โดยไม่มีมูล วิธีลดภาระอาจมีทนายฟ้องร้อง กล่าวโทษ มากเหตุการณ์ ถึงผลตัดสินจะเป็นโมฆะ แต่ก็สามารถระงับให้คนถูกฟ้องร้อง สงบปาก สงบพฤติกรรม จริงไหมท่าน คงเหมือน คดีของนักการเมืองถูกเรียกตัว รู้ว่าฉ้อโกง ยึดเงินอย่างเดียวไม่พอ ฟ้องร้อง มีคดีลงโทษในศาล ครับความกลัวจะติดคุก หรือไม่ติด สามารถสร้างคนให้เดินในทิศทางถูกต้องได้ เป็นความจริงคนมีชนัก โกง เอาเปรียบ ถ้าถูกลงโทษ จะทำผิดอีกย่อมไตร่ตรอง ถ้าจะให้ประเทศเปลี่ยน เราก็ต้องเป็นระบบ

วันนี้โรงเรียนใต้ถุนบ้าน หมอเคลื่อนที่จากตัวเมือง จะมาเยี่ยมชาวบ้าน เวลาบ่ายโมง ก่อนบ่ายโมง มากคนมากหน้ามารอ

ชีวิตจริงๆ ของคน กิจกรรมร่วมกัน มีคุณค่ามหาศาลเสมอ ได้พูดคุย ได้หัวเราะ รับรู้ความเคลื่อนไหว หลักสังคมปัจจุบันเรียกว่า การพบปะคือการชะลอความแก่ ผู้รู้หลายคนเคยพูดว่า ความแก่ของคนจริงๆ เริ่มแต่กระดูกไม่สามารถเติบโตได้ อายุไม่เกิน 30 ปี อาหารประเภทแคลเซี่ยม ยาที่กิน เพียงดูแลให้กระดูกอยู่ในสภาพแข็งแรงกระทำงานในหน้าที่ ชีวิตคนที่จะก้าวไปถึงปลายอายุ 60-90 ต้องการมากสิ่งช่วยดูแล เขาเคยบอกว่าคนญี่ปุ่นอายุยืน คนอายุยืนปัจจัยคือการดูแลตัวเอง คนญี่ปุ่น กินอาหารพอดี อย่างอาหารซูชิ เป็นคำ มีสารอาหารครบ รู้สึกอิ่มก็หยุดกิน ถ้าอาหารเป็นจานเราต้องกินให้หมด ถ้ามีปริมาณมากจะเกินความต้องการ การออกกำลังของคนญี่ปุ่น เดินขึ้นรถเมย์ รถไฟฟ้า ขี่จักรยาน ใช้รถยนต์น้อย และระบบรถเมย์ รถไฟ รถใต้ดินเจริญ คนญี่ปุ่นชอบคิด ชีวิตเขาควรทำอย่างไร เพื่อความชอบของชีวิต พูดได้ว่าคนญี่ปุ่นรู้จักคิดพิจารณาตัว

ไม่นาน รถพยาบาลจอด มีหมอ พยาบาล ลงมา ทุกคนต้อนรับทักทาย นั่งกับพื้น วันนี้หมอคุยเกี่ยวกับ โรคจะพบเสมอของชาวบ้านจะดูแลตัวและครอบครัวอย่างไร อย่างเป็นลมอากาศร้อนเหงื่อท่วมตัว สอนง่ายๆ ให้นอนขยายเสื้อ เช็ดตัวให้ลมผ่าน เป็นไข้ วิธีตรวจจับหัวถ้าร้อนมากควรพาไปสุขศาลา อย่าไปซื้อยากินเองตามร้าน ควรมีใบสั่งยา เท้าเปื่อย อย่าย่ำน้ำนาน โดยเฉพาะน้ำสกปรก จับต้องสิ่งสกปรกตอนน้ำท่วมต้องล้างมือ เพราะมากโรคเกิดเพราะหนีน้ำ จบลงทุกคนได้รับแจกยาประจำบ้าน ง่ายๆ อย่างยาแก้สัตว์กัดต่อย ยาดม และยาแก้ไข้ ยาแก้ไข้เน้นยาควรกินตามหมอบอกเกี่ยวกับระยะห่างของเวลา จำนวนวัน และจำไว้ยาไม่ได้สามารถทำให้อาการเจ็บป่วยหาย เพียงแต่ควบคุมและป้องกัน

พอถึงวันนี้ ความรู้สึกของแม่คนต่างจังหวัด ที่เรียกว่าคนบ้านนอก ไม่ถูกทอดทิ้งให้ช่วยตัวเองเสียทุกอย่าง ยังมีองค์กรช่วยเหลือมากมาย มาให้คำแนะนำ แม้แต่ระบบครอบครัว ถูกสามีทำร้าย ก็ยังมีองค์กรยื่นมือให้คำแนะนำช่วยเหลือ อดคิดชีวิตคนย่อมไม่เหมือนกัน สังคมยังมีคนดีๆ มีความห่วงใย ช่วยเหลือ เดินทางมาให้คำแนะนำ ยืนเคียงให้ความอบอุ่น เป็นกำไร คำพูดจะอยู่ไหนๆ วิถีชีวิตที่แตกต่าง ย่อมหาความพอใจให้กับชีวิตได้ เราต้องเริ่มดูแลเกื้อกูลแก่กันในวงใกล้เคียง ขบวนหมอกลับทิ้งรอยยิ้มบนใบหน้าของชาวบ้าน หมอ พยาบาลนั่งในรถยิ้มกับตัว แค่นี้ก็สุขใจที่จะกระทำแล้ว