ความจริงหรือความคิด
ไพฑูรย์ สุขสิขารมย์
ความจริงหรือความคิด 24 มิถุนายน 2566

ออกจากเครื่องบิน เดินตรง ลงบันไดชั้นล่าง เพื่อมาหยิบกระเป๋าเดินทาง ชีวิตผมเดินทางตั้งแต่เด็ก ถ้าถามหมอดูทำไมผมต้องเดินทางบ่อย หมอดูอาจถาม วัน เดือน ปี เกิด บวกลบคูณหาร ทำนายตามหลักโหราศาสตร์ ถามว่าผมเชื่อไหม ครับโลกของโหราศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ครับ ผู้ใหญ่บอกผมว่าถ้าไม่มีความรู้และเข้าใจควรวางใจเป็นกลาง

เหมือนเห็นคนแสดงอาการฉุนเฉียว เอะอะ พฤติกรรมที่เราเห็น คือ พฤติกรรมก้าวร้าว แต่ถ้าเรารู้ถึงต้นเหตุ และคนแสดงอาการฉุนเฉียว โดยความเป็นจริงเขาอาจเป็นคน “สุขุม” ก็ได้ แต่พฤติกรรมทางลบที่แสดงออก อาจไม่สามารถควบคุมตนได้ กระเป๋าเดินทางของผม ขนาดกลางสำหรับยุคปัจจุบัน กระเป๋าเดินทางจะเบา การออกแบบสดุดตา หลายร้านค้าสินค้ากระเป๋าประเภทเดียวกันราคาแตกต่าง

คงเหมือนร้านอาหาร คืนหนึ่งในเมืองไทย หลานชวนไปทานอาหารเย็น พาไปร้านมีชื่อ อาหารหรู ทุกจานอาหาร จัดเป็นคำๆ ครับสำหรับผม อดสารภาพเป็นความรับรู้แตกต่าง ผมเติบโตกับข้าวแกงร้านริมถนน ตอนอยู่มัธยม เกิดอยุธยา แม่มองการไกล ทางการศึกษาแม่บอกว่าจบ ป.4 ต้องไปเรียนกรุงเทพฯ ต้องช่วยตัวเอง แม่บอกว่าโรงเรียนมัธยมในกรุงเทพฯ มีโรงเรียนดีๆ เพราะโรงเรียนต่างแข่งขัน โรงเรียนดีๆ ในกรุงเทพฯมีมากมาย โรงเรียนรัฐบาลและเอกชน อย่างอเมริกา บ้านติดกันต่างกันอย่างบ้านผม หันหน้าออกไปทางซานฟรานซิสโก ติดกับบ้านเมือง อัลบานี่ติดกับเมืองเบิร์คเล่ย์ โรงเรียนประถมและมัธยมแตกต่าง ตามเจ้าหน้าที่ทางการศึกษาจะมีจุดหมาย โดยปกติเงินอุดหนุนของแต่ละเมืองแตกต่าง โดยความสำเร็จทางการศึกษา เกิดจากระบบการเอาใจของแต่ละครอบครัวด้วย ปัจจัยอาจเป็นด้านรายได้พื้นฐานการศึกษาของครอบครัว ถึงโรงเรียนจะแตกต่าง แต่ความรู้ ความสามารถ สามารถกระตือรือร้น เกิดเสมอภาค ระหว่างยืนรอกระเป๋าเดินทาง คุยกับคนข้างตัว ครับการคุยเป็นส่วนพื้นฐานของการพักผ่อน บ่อยครั้งการคุยกับคนไม่คุ้นเคย อาจได้รับพื้นฐานความคิดดีๆ เอาเป็นแบบอย่างได้ ไม่นานกระเป๋าของผู้โดยสารทยอยขึ้น และวิ่งรอบตามสายพาน มองเห็นกระเป๋าตัวเอง เช็คชื่อที่ติดไว้ที่กระเป๋า โดยปกติกระเป๋าเดินทางจะคล้ายกันเยอะ เราต้องเช็คให้แน่ใจ แล้วจึงลากออกจากที่กระเป๋า ไปหาคนมารับ

สำหรับผม เดินทางบ่อย การเดินทางท่องเที่ยวอายไปกับกรุ๊ป เพื่อน แต่บ่อยครั้งชอบเดินทางคนเดียว อย่างตอนมาอเมริกาใหม่ๆ การท่องเที่ยวจะไปกับครอบครัว ครอบครัวน้าที่ผมอาศัยอยู่ 6 เดือน สามีชาวอเมริกัน ชอบล่าสัตว์ ผมเคยไปด้วย บางครั้งไปกับเพื่อนคนไทย อาศัยรถไปด้วยกัน การไปด้วยกันหลายคนยิ่งไปค้างแรม อย่างไป “โยซิมิติ” ทุกอย่างแชร์กัน ตั้งแต่น้ำมันรถ ค่าโสหุ้ยทุกอย่าง คำว่าอเมริกันแชร์ เริ่มรับรู้และเข้าใจ เมื่อไปด้วยกันค่าใช้จ่ายย่อมไม่ให้คนรับภาระคนเดียว

ตอนมาใหม่ปี 1970 ไปเรียนปริญญาโทที่รัฐออริกอน มีคนไทยเรียนทุกมหาวิทยาลัย มีเซ้าท์เทิร์นออริกอน ที่เมืองแอชแลนด์ ติดกับรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางด้านเหนือมีมหาวิทยาลัยยูยีนส์ มหาวิทยาลัยคาร์โวรัส พอตแลนด์สเตท และอีสเทิร์นออริกอน เมืองราแกนด์ อยู่ทางตะวันออกของออริกอน

ผมไปโรงเรียนนี้ อยู่บนเนินเขา หน้าหนาวหิมะตก

ครับการเล่าเรียนในความรู้สึกและรับรู้ทุกสถาบันต่างมีระบบการศึกษาที่สามารถพัฒนาให้เท่ากันได้ทุกสถาบัน คงเหมือนวิชาเอกที่เรียน มีวิชามากมาย การเรียนอาจแตกต่าง เมื่อเข้าเรียน ความยาก ง่าย และคุณสมบัติทางการศึกษาย่อมอยู่ระดับเดียวกัน การเรียนที่แตกต่าง “เกิดจากความถนัดของแต่ละคน”

พอเดินออกประตูสนามบินดอนเมือง ครับหลานซึ่งเป็นญาติ ทุกครั้งไปกรุงเทพฯ จะพักบ้านหลาน เวลาหลานมาเรียนก็พักที่บ้านส่วนตัว ผมมีคอนโด ซื้อไว้หลายสิบปี อยู่ติดกับเซ็นทรัลบางนา แต่ไม่เคยอยู่ และแม่บ้านก็ไม่เคยให้คนเช่า หลักเศรษฐศาสตร์ ทำให้บ้านว่างเปล่า ขาดรายได้ รายได้หลักทางการเงิน คือการหมุนเวียน เมื่อไม่ให้เช่า รายได้เป็นศูนย์ บ้านว่าง ถึงจะไม่มีคนอยู่ บ้านก็เก่า ล้าหลังตามกาลเวลา

ในเมืองไทยการมีรถ คนขับรถประเภทคนชั้นกลาง เมืองไทยมากครอบครัวจะมีคนขับรถ ส่งลูกหลานไปโรงเรียน คงเหมือนคนขับรถมารับผม เปลี่ยนหน้า ผมเคยรู้จักคนขับ 2-3 คน ช่วงหลายสิบปี เลยสามารถสร้างสมมุติฐาน คนขับรถส่วนมากจะอยู่ไม่ถึงเกษียณ คงเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนนายคนใหม่

ครับมองดูกรุงเทพฯ รถเยอะ กรุงเทพฯ คนเกือบ 10 ล้าน ถึงจะพัฒนา ถนน รถไฟฟ้า รถคนกลับเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะคนต่างจังหวัดนอกกรุงเทพฯ มีโอกาสก็ย้ายมาหางานทำ งานกรุงเทพฯเยอะ งานสามารถเลือกตามความถนัด ไม่นานถึงถนนศรีลับสุข (บางเขน) ผมอดนึกถึงความทรงจำ ปี 2500 เป็นนักเรียนทุนกระทรวงศึกษา มาเรียนอยู่หอ เข้าแถวทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ตอนมาเริ่มใหม่ๆ อาจารย์จะตื่นตัว ปลุกตอนตีห้า ออกวิ่งครับ หลังจากเดือนตัวใครตัวมัน อาจารย์บอกว่า โรงเรียนเปิดมีกิจกรรมเยอะ พวกผมคล้อยตาม ยิ้ม ต่างชอบไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืด

ปี 2500 ตึกแถวถนนศรีลับสุข ว่างบ้านคน เคยฮิตใช้ไปประทุมธานีกับเพื่อนๆ ตรงวัดพระศรี เคยนั่งรถเมย์ไปเที่ยว มีนบุรี เคยไปตลาดที่มหาวิทยาลัยเกษตร (ตลาดบางบัว) ไปจ่ายตลาดกับโรงเรียนเมื่อถึงเวร

ครับอดนึกถึงวัยตอนโน้น อิสระ สนุก พอเรียนปริญญาตรีก็ไปเรียนบางแสน สภาพรอบตัวแตกต่าง หลักการศึกษาคือ ความแตกต่าง เป็นพื้นฐานของความคิด ประสบการณ์ที่เพียงคล้ายกัน ความแตกต่างเป็นพื้นของความแตกต่าง ให้เกิดความรับรู้ สัมผัส และคิดเป็นคุณ คือ ผลบวกในชีวิตข้างหน้า

ไม่นานถึงบ้าน อยู่สวนหลวง ผมคิดกับตัวเอง หลังจากอาหารเช้าคือวันพรุ่งนี้จะไปเดินสวนหลวง นานมากไม่ได้เดิน ความสวยงามในธรรมชาติย่อมพัฒนาความสุขกายสุขใจ

ครับถึงบ้านหลานชายถามไวน์ชาโดเนย์เย็น สักแก้วไหม ผมยิ้ม “ตกลง” ครับอยู่บ้าน เมียอนุญาตให้ดื่มวันละแก้ว พอดื่มไวน์ สภาพรับผิดชอบหมด ง่วงนอน ไม่สนุก เหมือนก่อนดื่ม ครับประสบการณ์ไวน์ เหล้า สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ถ้าไม่เชื่อลองดื่ม แต่ถ้าดื่มเกินโควต้า เมาหลายคน เอะอะ ลูกเมียวุ่นวาย จงอย่าดื่ม