ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร
การเกิด-ดับ สาระสำคัญที่ต้องรู้จัก

หลักใหญ่ใจความทางพระพุทธศาสนาที่ควรใส่ใจ การเกิด/ดับ ของสรรพสิ่ง สาระสำคัญที่ต้องรู้จักเป็นต้นทุน ความเปลี่ยนแปลงมีอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เดือนนี้เป็นธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี ในดือนนี้มีความสำคัญหลายสิ่งหลายประการ เป็นเดือนที่ผู้มีบุญญาธิการถือกำเนิดขึ้น และสร้างสิ่งอันเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ประเทศชาติบ้านเมือง เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกหล้า นั่นคือวันที่ 5 ธันวาคม คลายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระมหากษัตริย์ไทย พระผู้ทรงคุณอันประเสริฐ จอมใจจอมแผ่นดิน ทางคณะสงฆ์วัดทุ่งเศรษฐี เมืองเลควูด ได้นำคณานุศิษย์ไปจุดเทียนชัยถวายพระพรที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ I S T V ที่เมือง Rancho Cucamonga เป็นวันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, เมืองไทยก็กำหนดให้มีกิจกรรม Bike for Dad ปั่นเพื่อพ่อ, เป็นวันที่มีอิทธิพลการเปลี่ยนแปลงสูงมากต่อความเชื่อของคนทุกชนชาติ ทุกศาสนา นั่นคือเป็นวันส่งท้ายปีเก่า – ต้อนรับปีใหม่ การเปลี่ยนแปลงนั้นคือการละวางทุกข์ ละวางบาป ละวางปัญหาวุ่นวายใจ ให้ลอยไปกับปีเก่า ลอยบาปลอยเคราะห์ ลอยทุกข์ลอยกรรม แล้วรับเอาสิ่งใหม่ที่ดีงาม เป็นความสุขสันต์หรรษา เป็นสิ่งที่จะยังความเจริญก้าวหน้า มั่งคั่ง มั่นคง รำรวย มั่งมีเงินทอง เป็นมงคลชีวิต

แท้จริงการเกิด – ดับ เป็นปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงให้เกิดเป็นมงคลชีวิตก็ได้ เป็นอวมงคลแก่ชีวิตก็ได้ บุญ – กุศล ก็เกิด – ดับ เปลี่ยนแปลง บาป – อกุศล ก็เกิด – ดับ เปลี่ยนแปลง ชีวิตมงคลที่แท้จริงควรเป็นเรื่องความมั่นคงหนักแน่นอยู่ในศีลในธรรม ศีล ทาน ภาวนา บุญกิริยาวัตถุ 3 ก็เป็นเบื้องต้นของความเจริญก้าวหน้าได้

ศีล เป็นระเบียบแบบแผนให้เกิดวัฒนธรรมดีงาม เป็นกฎควบคุมพฤติกรรมการพูดการกระทำทางสังคม สันติภาพความผาสุกย่อมเกิดแก่สังคม

ทาน เป็นความกรุณา ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล แบ่งปัน ไม่โลภโมโทสัน มีแต่ความความเสียสละอุทิศตนเพื่อประโยชน์อันเกื้อกูลต่อตนเองและผู้อื่นเนื่องนิจ

ภาวนา เป็นความรอบคอบ รู้จักพัฒนาตนและสังคมสู่ความเจริญรุ่งเรือง มีปัญญารู้เท่าทันกับความเกิด – ดับ เปลี่ยนแปลง ตามเหตุปัจจัยตามธรรมชาตินั้นๆ

“บุญ” ต้นทุนการเปลี่ยนแปลงสู่ความสงบสุข

ตอนนี้หลวงพ่อไสวปฏิบัติศาสนกิจอยู่เมืองไทย เป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว ก็คุ้นกับอากาศเมืองไทย

ตอนนี้มีพระเพื่อนสหธรรมิก และญาติโยมมาถามข่าวคราว บ้างก็บ่นว่าเมืองไทยอากาศมันร้อน บ้างก็บ่นบอกว่าเริ่มหนาวไปตามๆ กัน ส่วนอาตมาว่าอากาศแบบนี้กำลังพอดี แต่รำคาญยุงมันชอบมากัด ซึ่งจริงๆ โดยส่วนตัว อาตมาว่ามันก็ร้อนนั่นแหละ เหงื่อไหลไคลย้อยตลอดวัน แต่ว่าความร้อนนี่มันก็ไม่เที่ยง คือไม่เท่าใดก็หมดร้อน แล้วก็ถึงหน้าฝนต่อไป เพราะอันนี้มันเป็นเรื่องของธรรมชาติของดินฟ้าอากาศ เราจะไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราก็ต้องทนอยู่กันไปตามเรื่องตามราวจนกว่าจะหมดเรื่องนั้นไป การที่จะอยู่ได้ตามปกตินั้น จะต้องหมุนจิตใจของเราให้เข้ากับสิ่งที่เกิดอยู่เป็นอยู่ คือให้พอใจแค่นั้นเอง ถ้าพอใจแล้วมันก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่พอใจแล้วก็เกิดความเดือดร้อน อาตมาก็จึงว่า “บุญ” ต้นทุนการเปลี่ยนแปลงสู่ความสงบสุข ถ้าเรามีบุญ บุญจะให้เราดีทุกอย่าง คิดดีเป็นบุญ พูดดีเป็นบุญ ทำดีก็ยิ่งเป็นบุญ ผลดีก็เกิดเป็นมงคลอย่างยิ่งยวด

อาตมากลับมาเมืองไทยทุกครั้งก็ได้อาศัยพักผ่อนหลับนอน “ภาษาพระว่าจำวัด” ที่กุฏิหลวงพ่อสำรวย วัดสามัคคีธรรมาราม ที่แขวงบุคคโล หน้าโรงพยาบาลทหารเรือ ทางฝั่งกรุงธนบุรี ถ้าไปเพชรบูรณ์ก็อยู่ที่กุฏิท่านพระอาจารย์สงกรานต์ วัดศรีมงคล เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก เจอพระรูปหนึ่งนั่งอยู่ในห้องเหงื่อท่วมตัว อาตมาก็ไปถามว่าไม่ร้อนหรือ ท่านก็บอกว่ามันเรื่องธรรมดา ท่านตอบว่าอย่างนั้น แล้วท่านนั่งทำงานไปตามปกติ ไม่รู้สึกว่ากระวนกระวาย จิตใจมันเป็นปกติ เหงื่อมันออกมาเป็นเรื่องของร่างกาย แต่ว่าใจนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นั่งทำงานได้ปกติตลอดเวลา อันนี้แสดงว่าท่านผู้นั้นรู้จักปรับจิตใจต้อนรับสถานการณ์นั้น แล้วก็ไม่เป็นทุกข์เพราะเรื่องนั้น อาตมาก็เคยบอกกับโชว์เฟอร์ขับแท็กซี่ในกรุงเทพฯ เหมือนกันว่า ปัญหาสภาวะอากาศร้อน การจารจรติดขัด การใช้รถใช้ถนนไม่เป็นระเบียบ “เราไปตระโกนด่าสาปแช่งเขา ไม่เกิดผลการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี การเกิด – ดับ มันอาจดับดิ้นก่อนที่มันจะเกิดก็ได้”

ก็พูดคุยกันไปตามประสาแล้วแต่เหตุปัจจัยจะเอื้อให้ได้สนทนา

คนเราจะอยู่ที่ใดก็ตาม เราควรจะอยู่ให้เบาใจสบายใจ (ภาษาการ์ตูนใน APP LINE เอาที่สบายใจละกัน) ฉะนั้น อย่าอยู่ให้มีความทุกข์ความหนักใจ เพราะเมื่อมีความหนักใจขึ้นเมื่อใดแล้ว เราก็ไม่สบายทั้งกายทั้งใจ ถ้าเราไม่มีความหนักใจ แม้ว่าร่างกายเราจะหนักเพราะการเปลี่ยนแปลง แต่ตัวเราก็ไม่มีความทุกข์ความเดือดร้อนเพราะเรื่องอย่างนั้น อันนี้แหละเป็นเรื่องสำคัญ

คราวหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าถูกพระเทวทัตทุ่มหินลงมา แต่ว่าหินนั้นไม่ถูกพระองค์ เพราะไปชนต้นไม้ สะเก็ดนิดหนึ่งมากระทบถูกพระชงฆ์ คือหน้าแข้งของพระพุทธเจ้า เลือดไหลซิบๆ ออกมา หมอโกมารภัจจ์ก็ทำยาไปปะแผลให้ ยาที่ปะนั้นเป็นยาร้อนก็คล้ายๆ กับทิงเจอร์ที่เราใช้กัน แต่ว่าใช้ใบไม้ประเภทหนึ่งเอามาพอกไว้ แล้วหมอก็กลับบ้าน หมอก็นอนไม่หลับตลอดคืนมีความเป็นห่วง เพราะนึกในใจว่า ยาที่พอกนั้นเป็นยาที่ร้อน พระผู้มีพระภาคคงจะไม่ได้บรรทม เพราะความร้อนของยาที่ผิวหนัง ตื่นแต่เช้ามืดมาเฝ้าดูพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วก็ถามไปด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวายใจว่า “เมื่อคืนนี้พระองค์บรรทมหลับเป็นปกติหรือเปล่า”

พระผู้มีพระภาคกลับตอบว่า “เราบรรทมหลับเป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” หมอก็บอกว่า “ข้าพระองค์นอนไม่หลับเมื่อคืนนี้ เพราะมีความกังวลที่ยาปะแผลของพระองค์ว่ามันร้อน” พระผู้มีพระภาคกลับตรัสตอบแก่หมอนั้นว่า “ความร้อนทั้งหลายเราได้ดับมันหมดแล้วที่ใต้ต้นโพธิ์ที่ตรัสรู้ เวลานี้ความร้อนเหล่านั้นไม่มี ท่านจึงไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องมีความทุกข์ในเรื่องเกี่ยวกับความร้อนต่อไป” อันนี้เป็นเครื่องแสดงถึงด้าน ความสงบเย็นของจิตใจของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระองค์ไม่มีความร้อน มีแต่ความสงบเย็น ความร้อนนั้นได้ดับไปตั้งแต่วันตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณที่ใต้ต้นโพธิ์แล้ว จากนั้นก็ไม่มีความร้อนอะไร จะนั่งอยู่ในที่ร้อนก็ไม่ร้อน จะนั่งอยู่ในที่เย็นก็ไม่เย็น จะอยู่ในที่ใดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในจิตใจของพระองค์อีกต่อไป

เริ่มต้นดี ชีวิตดี สู่งค่าสง่างามที่มีธรรม ภาษิตว่า ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ปีใหม่นี้ต้องตั้งใจเปลี่ยนแปลงรับเอาแต่สิ่งที่ดีงามให้สมกับความเป็นพุทธศาสนิกชน เทอญ.