ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



อุดมคติแห่งพระพุทธศาสนา

"ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ" ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ทิวาและราตรีกาลก็เกิดขึ้นหมุนเปปลี่ยนไป สวดมนต์ตอนเช้า ๆ สวดไปพิจารณาไป ปัจจยาการ ปัจจยธรรมไป สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นเป็นปัจจัยแก่กัน ธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัยเปิดดวงตาเปิดปัญญาเปิดความคิดและจิตวิญญาณของผู้มีบุญ

บุญกุศลเกิดขึ้นตั้งแต่ความคิด คิดดีคิดบวกคิดสร้างสรรค์ประโยชน์ทั้งเพื่อตนและเพื่อคนอื่น ๆ ไม่คิดไปทำร้ายไม่ไปข่มเห่งน้ำในใคร ๆ ไม่ริษยาพยาบาทอาฆาตรแค้น ไม่โกรธไม่เกลียดใครให้เปลืองเวลา เป็นต้นทุนอันประเสริฐ


มโนปณิธาน

เราต้องมี มโนปณิธาน หมายถึง ความตั้งใจอันแน่วแน่, ความปรารถนาอันสูงส่ง คิดการไกลให้ผลไกล จึงต้องหนักแน่นในอุดมการณ์ หรือมีอุดมคติ คือมีจุดหมายที่ถือว่าเป็นมาตรฐานแห่งความดีงาม และความจริงใจต่อสิ่งที่คิดที่ทำ ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายแห่งชีวิตของตน ความหมายของคำว่าอุดมคตินั้น ย่อมมีจินตนาการที่ถือว่าเป็นมาตรฐานแห่งความดี ความงามของมนุษย์ และต้องถือว่าเป็นเป้าหมายแห่งชีวิตของตนด้วย


ทางแห่งสันติภาพ

ความมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น เป็นอยู่ และเป็นไปเพื่อสันติภาพ คือความสงบสุขของโลก อธิบายคำว่า "โลก" โลกคือแผ่นดิน ภูเขา ต้นไม้ และหมู่สัตว์ โลกคือเทคโนโลยี วิวัฒนาการทุกสิ่งนั่นแล ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่โลก โลกคือความคิด คือจินตนาการ โลกคือน้ำใจ และอื่นๆ อีกมากมายมหาศาล โลกต้องมีสันติภาพ มนุษย์ต้องมีสันติภาพจึงจะรอดปลอดภัย สันติภาพ คือเสรีภาพของมนุษย์อย่างแท้จริง ดังนั้นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวไว้ย่อมสูงส่งเสมอ สันติภาพเกิดขึ้นได้ในหัวใจของผู้มีบุญเสมอ


ต้นแบบผู้นำความคิด

พระพุทธเจ้า...! พระองค์ทรงประกาศหันหลังให้กับสงครามและการใช้ความรุนแรงอย่างเปิดเผย ทรงยึดหลักสันติธรรมและอหิงสธรรม ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่นเลยที่แสดงว่า "พระพุทธเจ้าเป็นผู้เบียดเบียน" พระองค์ยึดธรรมพร้อมกับสร้างสันติภาพตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ทำให้สันติภาพเกิดขึ้นทั่วแคว้น แม้แต่ประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกจักรวรรดิของพระองค์ ต่างก็ยอมรับความเป็นผู้นำที่ทรงคุณธรรมของพระองค์ "อัพพยาปัชชัง สุขัง โลเก" การไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก

การพูดถึงการดำรงสันติภาพ ด้วยวิธีการถ่วงดุลอำนาจก็ดีหรือด้วยวิธีการคุกคามโดยการป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก็ดี นับเป็นเรื่องที่โง่เขลา อานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์มีแต่จะสร้างความกลัว หาได้สร้างสันติภาพไม่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสันติภาพที่แท้จริงและถาวรทั้ง ๆ ที่ยังมีความกลัว จากความกลัวนั้นก็จะมาเป็นความโกรธ ความพยาบาท และความเป็นศัตรูกัน ซึ่งบางทีสิ่งเหล่านี้อาจจะถูกเก็บกดไว้ได้แต่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่มันพร้อมที่จะระเบิดเป็นความรุนแรงได้ทุกขณะ

สันติ ภาพที่แท้จริงจะมีขึ้นได้ก็แต่เฉพาะในบรรยากาศแห่งเมตตา มิตรภาพ ปราศจากความกลัว ความระแวง และอันตราย เราต้องกล้าหาญที่จะเปิดประตูสวดมนต์ เช้า - เย็น เพราะเราไม่มีเจตนาที่จะเบียดเบียนใคร เราเป็นพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ต้องเข้าใจจุดนี้ เพราะบางท่านกลัวคนจะมาฆาตรกรรม "ยกตัวอย่างหลวงลุงพิสิษฐ์นี้แหละ" จึงไม่ควารกล่าวอย่างนั้น "แต่ถ้าเราจะเปิดควรกล่าวว่าอากาศข้างนอกมันเย็นมากหรือร้อนมาก อย่างนี้จะฟังสบายใจกว่ากันเยอะ" เพราะเราต้ององอาจต่อความแก่ ความเจ็บไข้ และความตาย เราเป็นลูกพระพุทธเจ้าไม่ต้องกลัวเหตุเหล่านั้น 555 จริงไหม?


บำเพ็ญเมตตาบารมี

ด้วยผลแห่งความเมตตานั้นสร้างสันติสุขต่อมนุษย์ผู้ข้องในวัฏฏะได้อย่างดี ทำให้หลวงพ่อมองว่าสังคมที่มีชีวิตจำต้องมีสันติสุข มีความสมัครสมานสามัคคีอยู่ในโลกเดียวกันมีจุดมุ่งหมาย เพื่อเป้าหมายสูงสุดและประเสริฐสุด คือการทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจ์ ไม่อยากใช้คำว่า "นิพพาน" แต่ก็อยากให้เข้าใจ เพราะสังคมไม่เข้าใจคำว่านิพพาน การศึกษาในโรงเรียนไม่เข้าใจคำว่านิพพาน "สังคมและการศึกษาจึงดูเหมือนจะป่วย ๆ กันมาตลอด" สาเหตุการเกิดของปัญหา วิธีทำปัญหานั้นให้แจ้ง ตามหลักอริยสัจจะ 4 ประการ คือ

1) ทุกข์ เป็นอย่างไร? ทุกข์อยู่ที่ไหน? มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร?

2) สมุทัย เป็นอย่างไร? สมุทัยอยู่ที่ไหน? มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร? (สมุทัย คือ เหตุแห่งทุกข์)

3) นิโรธ เป็นอย่างไร? นิโรธอยู่ที่ไหน? มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร? (นิโรธ คือ ความดับทุกข์)

4) มรรค เป็นอย่างไร? มรรคอยู่ที่ไหน? มีคุณสมบัติเป็นอย่างไร? (มรรค คือ หนทางดับทุกข์เข้าถึงสุข)

ส่วนเราจะแก้ทุกข์คลายร้อนผ่อนปัญหานั้น ๆ ให้ลดลง หรือดับใด้สนิทขึ้นนั้น "อยู่ที่เรา" จริง ๆ พระพุทธศาสนากับโลกปัจจุบัน อาจเป็นเพียงสัญลักษณ์ทางความคิดของอีกกลุ่มความคิดหนึ่งก็เป็นได้ เพราะเข้าไม่ถึงเนื้อแท้แก่นธรรม ไม่เป็นที่พึ่งได้เพราะองค์ความรู้ที่ผู้รู้ ผู้ศึกษา ผู้ปฏิบัติ ไม่เข้าใจนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต สังคมที่หลวงพ่อกล่าวมาก็เลยเป็นสังคมขาดธรรม ถ้าเป็นปัญหาต้องยินดีพร้อมใจที่จะร่วมมือกันหาทางออกที่ดีที่สุด สังคมจะไม่ป่วย โลกคือทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่เป็นปัญหา โลกและสังคมจึงจะรอดปลอดภัย

เอาหละวันนี้ ต้องจบไว้ก่อนมีธุระมากที่ต้อง (ธรรม) ทำ ญาติโยมก็เช่นกันนะ จงทำหน้าที่ของตน ๆ ให้ดีงาม ให้เจริญรุ่งเรือง เพราะเราต้องทำชีวิตและฐานะของครอบครัวให้มั่นคง คิดดี ทำดี กล่าวสิ่งที่ควรกล่าว แล้วพระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงเองนั่นเทียว รูปขอจำเริญพร