ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



เดินทางอย่างปลอดภัย เพราะวางใจไว้ที่ธรรม
ตเถเวกสฺส กลฺยาณํ    ตเถเวกสฺส ปาปกํ
ตสฺมา สพฺพํ น กลฺยาณํ   สพฺพํ วาปิ น ปาปกํ
สิ่งเดียวกันนั่นแหละ ดีสำหรับคนหนึ่ง แต่เสียสำหรับอีกคนหนึ่ง
เพราะฉะนั้น สิ่งใดๆ มิใช่ว่าจะดีไปหมด และก็มิใช่จะเสียไปทั้งหมด
ชา. ขุ. ๑๙/๒๗/๑๖๒

ธรรมดาการเดินทางก็เป็นสิทธิ์เป็นโอกาสของทุกๆ คน บางท่านก็เดินทางไปเยี่ยมครอบครัว บ้างก็ไปกิจธุระ หรือไปเพื่อประโยชน์ทางธุระกิจอื่นต่างๆ กันไป เป็นเรื่องธรรมดาๆ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อาตมามีโอกาสได้เดินทางกลับไปทำธุระที่เมืองไทย ร่วม 2 สัปดาห์ สิ่งที่เกิดขึ้นที่สนามบินกวางโจ (Guangzhou Airport) ฝนตกหนักเที่ยวบิน Delay 2 - 3 ชั่วโมง ขณะที่นั่งรอเครื่องเข้า มีหนุ่มไทยท่านหนึ่งวัยน่าจะไม่ถึง 50 ปี ท่านจะไปเมืองไทยหรือครับ "ใช่ เจริญพร" ท่านทราบไหม ตอนนี้ตั้งพระสังฆราชยังไปได้ แล้วก็เล่าไปเรื่อย หมายถึงว่า อาตมาต้องเป็นผู้รับฟังเรื่องที่โยมท่านนี้พร่ำพรรณาเหมือนดังไปโกรธใครมาซะงั้น !... แล้วก็โยงไปทุกเรื่องทุกอย่าง เรื่องพระเรื่องวัด ฯลฯ 555 อาตมาทนฟังไม่ไหวเลยบอกขอนุญาตขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เรื่องก็มีแค่นี้แหละ ไม่มีอะไรเล่าให้ฟังเฉยๆ 555 ก็เลยยกพุทธศาสนสุภาษิตมาให้โยมอ่านแล้วพิจารณา ตามที่ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้นว่า "สิ่งเดียวกันนั่นแหละ ดีสำหรับคนหนึ่ง แต่เสียสำหรับอีกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น สิ่งใดๆ มิใช่ว่าจะดีไปหมด และก็มิใช่จะเสียไปทั้งหมด" (จบ)

สมณะสัญญา คือความ กำหนดได้หมายรู้ว่าเราเป็นสมณะ มีเพศภาวะต่างจากลูกหลานชาวบ้านผู้ครองเหย้าเรือนโดยทั่วไป ความสำรวมระวัง ความมีสมาธิหนักแน่นไม่โยกโคลง มีปัญญารู้ตัวได้ วางตัวเป็น ไม่เห็นแก่โทโสและโมหะอวิชชา ไม่ว่าจะอยู่แผ่นดินไหน มีโอกาสมีเวลาก็จะสอนคน เลยพูดถึงความอัศจรรย์แห่งธรรมวินัย พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงความอัศจรรย์แห่งธรรมวินัย 8 ประการ เปรียบด้วยความอัศจรรย์แห่งมหาสมุทรดังนี้ -

"ภิกษุทั้งหลาย! มหาสมุทรย่อมลึกลงตามลำดับลาดลงตามลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนภูเขาขาดฉันใด ธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น มีการศึกษาตามลำดับการปฏิบัติตามลำดับ การบรรลุตามลำดับลุ่มลึกลงตามลำดับๆ

"ภิกษุทั้งหลาย! มหาสมุทรแม้จะมีน้ำมากอย่างไร ก็ไม่ล้นฝั่งคงรักษาระดับไว้ได้ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น ภิกษุสาวกของเราย่อมไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทที่เราบัญญัติไว้แม้จะต้องลำบากถึงเสียชีวิตก็ตาม

"ภิกษุทั้งหลาย! มหาสมุทรย่อมซัดสาดซากศพที่ตกลงไปขึ้นฝั่งเสีย ไม่ยอมให้ลอยอยู่นานฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น สงฆ์ย่อมไม่อยู่ร่วมด้วยภิกษุผู้ทุศีล มีใจบาป มีความประพฤติไม่สะอาดน่ารังเกียจ มีการกระทำที่ต้องปกปิด ไม่ใช่สมณะ ปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่พรหมจารี เป็นคนเน่าใน รุงรังสางได้ยากเหมือนกองหยาบเยื่อ สงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว ย่อมขับภิกษุนั้นออกเสียจากหมู่ภิกษุเช่นนั้น แม้จะนั่งอยู่ท่ามกลางสงฆ์ก็ชื่อว่าอยู่ห่างไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ชื่อว่าอยู่ห่างไกลจากภิกษุเช่นกัน

"ภิกษุทั้งหลาย! แม่น้ำสายต่างๆ ย่อมหลั่งไหลลงสู่มหาสมุทร และเมื่อไปรวมกันน้ำในมหาสมุทรแล้วย่อมละชื่อเดิมของตนเสีย ถึงซึ่งการนับว่ามหาสมุทรเหมือนกันหมดฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น กุลบุตรผู้มีศรัทธาปรารถนาจะบวช ออกจากตระกูลต่างๆ วรรณะต่างๆ เช่นวรรณะพราหมณ์บ้าง กษัตริย์บ้าง ไวศยะบ้าง ศูทรบ้าง คนเทหยากเยื่อบ้าง จัณฑาลบ้าง แต่เมื่อมาบวชในธรรมวินัยนี้แล้ว ละวรรณะ สกุล และโคตรของตนเสีย ถึงซึ่งการนับว่าสมณะศากยบุตรเหมือนกันหมด

"ภิกษุทั้งหลาย ความพร่องหรือความเต็มเอ่อย่อมไม่ปรากฏแก่มหาสมุทร แม้พระอาทิตย์จะแผดเผาสักเท่าใด น้ำในมหาสมุทรก็หาเหือดแห้งไปไม่ แม้แม่น้ำสายต่างๆ และฝนจะหลั่งลงสู่มหาสมุทรสักเท่าใด มหาสมุทรก็ไม่เต็มฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น แม้จะมีภิกษุเป็นอันมากนิพพานไปด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ แต่นิพพานธาตุก็คงอยู่อย่างนั้นไม่พร่องไม่เต็มเลย แม้จะมีผู้เข้าถึงนิพพานอีกสักเท่าใด นิพพานก็คงมีให้ผู้นั้นอยู่เสมอไม่ขาดแคลนหรือคับแคบ

"ภิกษุทั้งหลาย! มหาสมุทร มีภูตคือสัตว์น้ำเป็นอันมาก มีอวัยวะใหญ่และยาวเช่นปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลาวาฬเป็นต้น ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น มีภูต คือพระอริยบุคคลเป็นจำนวนมาก มีพระโสดาบันบ้าง พระสกิทาคามีบ้าง พระอนาคามีบ้าง พระอรหันต์บ้าง จำนวนมากหลายเหลือนับ

"ภิกษุทั้งหลาย! มหาสมุทรมีนานารัตนะ เช่นมุดดา มณี ไพฑูรย์เป็นต้น ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น มีนานาธัมมรัตนะเช่นสติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 เป็นต้น

"ภิกษุทั้งหลาย! น้ำในมหาสมุทรย่อมมีรสเดียว คือรสเค็ม ฉันใด ธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น มีรสเดียว คือวิมุติรส หมายถึงความหลุดพ้นจากกิเลสเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญแห่งพราหมณ์ที่เราประกาศแล้ว"

เพราะเหตุที่ธรรมวินัยหรือพราหมณ์ของพระองค์สมบัติด้วยนานาคุณลักษณะ และสามารถช่วยแก้ทุกข์แก่ผู้มีทุกข์ได้นี่เอง พระองค์จึงเรียกพราหมณ์ว่าเป็นกัลยาณมิตร และเรียกกัลยาณมิตรเป็นพรหมจรรย์ เพราะกัลยาณมิตรที่แท้จริงของคนคือธรรม และบาปมิตรที่แท้จริงของคนก็คือธรรม หรือความชั่วทุจริต จะมีศัตรูใดแรงร้ายเท่าพยาธิคือโรค จะมีแรงใดเสมอด้วยแรงกรรม จะมีมิตรใดเสมอด้วยมิตรคือธรรม

การยกธรรมขึ้นเสวนาเป็นเรื่องดี เป็นปรากฏการณ์ที่สื่อให้ทราบถึงเหตุหรือสถานการณ์ปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี แต่บางทีพระเดินทางก็เหนื่อยเมื่อยขัดยอกอยู่นะ บางทีอยากเดินทางเบาๆ สบายๆ ไม่มีเรื่องอะไรหนักใจในปัญหา อยากปล่อยวางว่างเย็นบ้าง ญาติโยมบางท่านเจอหน้าพระก็คอยแต่จะ ยกเอาปัญหามาให้พระ ส่วนพระเองก็อยากจะยกปัญหาออก 555 แต่ก็สนุกดี เพราะโยมบางท่าน พูดใฝ่รู้ธรรมะต้องการทราบข้อวินัยว่าที่จริง พระพุทธเจ้ามีพุทธเจตนาเป็นอย่างไร? แต่บังเอิญไป โยมบางท่านไม่ทันระวังเรื่องละเอียดอ่อน พระบางรูปพลั้งเพลอขาดสมณะสัญญา ไม่สำรวมระวัง คำสนทนาธรรม เลยไปพาดพิงสิทธิบุคคล ละเมิดทางข้อกฏหมาย กล่าวผรุสวาจา หมิ่นประมาทบุคคลที่สาม หมิ่นประมาทพระสงฆ์ ดูถูกการได้มาซึ่งสมณะศักดิ์ของพระสงฆ์ อย่างคะนองปากแบบชวนทะเลาะประมาณนั้นเลย แล้วมันเรื่องอะไรของอาตมาที่ต้องมาเป็นหนังหน้าไฟให้เขาสบประมาทเนี๊ยะ โอกาสตัดสินใจเลยทันที สาธุๆ บุญรักษาเทวาคุ้มครอง เดินทางขอให้ปลอดภัยได้โชค อาตมา ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เสร็จเข้าห้องน้ำแล้วเลยไปนั่งที่เกจหมายเลขอื่น / รู้เวลา / หลับตา / ไม่สนทนากับใคร / เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่แหละหนาความเป็นพระสงฆ์ ที่ต้องแบกสมณะสัญญา ไปทุกที่ทุกสถาน ความเป็นพระสงฆ์ครองผ้ากาสายะ อยู่ไหนๆ จะอยู่ป่าอยู่วัด จะเดินทาง จะนั่ง จะนอน จะกิน (ฉัน) จะถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ก็ต้องมีสมณะสัญญา นั่นแหละเพราะเราเป็นพระ จึงต้องยอมรับฟังคำวิจารณ์ "ยถา น สกฺกา ปฐวี สมายํ กาตุํ มนุสฺเสน ตถา มนุสฺสา แผ่นดินนี้ ไม่อาจทำให้เรียบเสมอกันทั้งหมดได้ ฉันใด มนุษย์ทั้งหลายจะทำให้เหมือนกันหมดทุกคนก็ไม่ได้ ฉันนั้น (ชา. ขุ. ๑๙/๒๗/๗๓๑)" ขอเจริญพร