ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



สังคมดีเพราะมีน้ำใจ สวดมนต์รับปีใหม่เป็นมงคลดลให้โชคดี

ภูมิธรรม ภูมิไทย ภูมิใจไทยที่ประชาชนส่วนใหญ่โอบอุ้มคุ้มครองพระพุทธศาสนามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงเป็นศาสนูปภัมภก ให้การสนับสนุนความคุ้มครองทุกศาสนา ยิ่งไปกว่านั้นทรงแสดงตนเป็นพุทธมามะกะ คือยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา เป็นสรณะอันสูงสุด ทุกพระองค์ทรงปกป้องคุ้มครอง ยกย่องเชิดชูเกียรติแห่งพระพุทธศาสนาด้วยพระอัจฉริยภาพที่ทรงพระปรีชาสามารถ

ตลอดพระชนมายุ 89 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และ 70 ปี ที่ทรงครองราช ทุกพระราชกรณียกิจนั้น พระองค์ดำเนินโดยธรรม ให้เกิดสันติสุข สงบร่มเย็นทั่วหล้าทั้งท้องฟ้าและผืนแผ่นดิน ปลูกฝังเสกสร้างให้คนไทยให้เกิดอัตตลักษณ์ด้วยคุณธรรม ยิ้มย่องผ่องใสด้วยความมีน้ำใจไมตรี ด้วยเหตุนี้อาตมา อยากย้ำเตือนคนไทยทุกคนทุกท่าน ถึงคุณธรรมประจำใจที่ควรต่อยอดถอดใบ แตกกิ่งกานสาขาแห่งคุณความดี อุทิศถวายเป็นราชพลี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 และบูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์

ท่านทั้งหลายคำว่า น้ำใจไมตรี ต้นทุนคือมีความเมตตาพรหมวิหาร เป็นคุณธรรมชั้นสูง ของอริยะชน เป็นผู้ใจสูงใจประเสริฐ สังคมดีเพราะประชาชนมีน้ำใจ เหตุนั้นย่อมนิยามได้ว่า ผู้มีน้ำใจไมตรี เป็นคนมีคุณธรรมประจำใจ คือมีสัมปชัญญะ เป็นภาวะความรู้สึกตัวทั่วพร้อม คือพร้อมที่จะแสดงภาวะความมีคุณธรรมน้ำใจที่มีในตนนั้นออกมาอย่างจริงใจ บริสุทธิ์ใจ เป็นต้นฯ และธรรมกลุ่มนี้มักมีประกอบอยู่กับผู้มีบุญ ใจเป็นบุญเป็นกุศล ใจสูงใจประเสริฐ เสียสละอันเป็นลักษณะของภาวะผู้นำ ทั้งทางสังคมและทางจิตวิญญาณ ฉลาดลึกละเอียดอ่อน อย่างคำกล่าวที่ปรากฏในจดหมายเหตุสุภาษิตพระร่วงกล่าวไว้ว่า "ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย"

ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง สร้างมิตรภาพกับผู้อื่นอยู่เสมอ วิธีที่ผูกไมตรีได้ผลก็คือ การปฏิบัติตามหลักธรรม ๔ ประการคือ ทาน (แบ่งปัน) ปิยวาจา (พูดสุภาพ) อัตถจริยา (ทำประโยชน์แก่เขา) และสมานัตตา (วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย)

สร้างกุศลอย่ารู้โรย การสร้างบุญ สร้างกุศล ช่วยทำให้กิเลสถูกขัดเกลาเบาบางลง คนมีกิเลสน้อย ชีวิตจะมีแต่ความสุข ความร่มเย็น

ท่านสาธุชนทั้งหลาย ความมีน้ำใจทุกสิ่งอัน ในวาระที่เราได้ร่วมอนุโมทนาบุญกับพระบวชใหม่ คือท่านพิสิษฐ์ อธิปญฺโญ (วรรณประเสริฐ) ในทุก ๆ ด้าน เช่น การได้ร่วมบุญร่วมบวช ได้เป็นเจ้าภาพถวายชุดผ้าไตร และอัฏฐบริขาร โดยคุณสุพจน์ ผู้แทนของบริษัท Lax - C นครลอสแองเจลิส เจ้าภาพอุ้มชุดผ้าไตร และผู้ร่วมบุญร่วมศรัทธาพร้อมใจกันไปร่วมพิธีแห่นำหน้าเจ้านาคเข้าโบสถ์ จนสัมฤทธิ์สำเร็จเป็นองค์พระก็ดี

หลังจากนั้น เมื่อวันเสาร์ ที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา คณะผู้มีจิตศรัทธา นำโดยคุณป้าพะเยาว์ ชอบชม ยังได้พร้อมใจกันถวายเลี้ยงเพลพระใหม่พระเก่า จำนวน 9 รูป ประกอบด้วย

หลวงพ่อเกาหลี อมโร ภิกขุ เถระ, พระอาจารย์บุญพิทักษ์ สุนฺทโร, วัดพุทธปัญญา โพโมน่า หลวงพ่อไสว ชมไกร, พระอภิชาติ อภิชาโต, วัดทุ่งเศรษฐี เมืองเลควูด, พระมหานิรุต, ดร. พระอาจารย์ปิยะ, พระอาจารย์ไพบูลย์, วัดเวียดนาม เวสท์มินเตอร์, พระสกล วัดพุทธมงคล ลองบีช

โดยคุณสุพจน์ พนักงานของ ตลาด Lax - C เป็นผู้ประสานงานกับผู้จัดการร้าน สั่งอาหาร เมืองเหนือต้นตำรับ และนิมนต์พระสงฆ์ไปฉันเพล 9 รูป ที่ร้านอาหารชาวเหนือ เลขที่ 5101 Santa Monica Blvd., Los Angeles CA 90029 ญาติโยมติดตามไปเป็นเจ้าภาพใหญ่ ๆ หลายท่าน มีคุณป้าพะเยาว์ ชอบชม, คุณป้าประพิมพ์, คุณสุมาลี (หน่อย) วิวัฒน์พัฒนกุล, คุณจินตนา (หมู)


วาระแรก

เป็นการเลี้ยงภัตตาหารเพลทำบุญกับพระบวชใหม่ (ท่านพิสิษฐ์ อธิปญฺโญ) สังกัดวัดทุ่งเศรษฐี แคลิฟอร์เนีย สัทธิวิหาริก ในวัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า หลวงพ่อ ดร. พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ พระอุปัชฌายะ เป็นการเอื้ออำนวยความสะดวกให้ญาติโยมที่อยู่ไกล ทางด้านในเมืองลอสแองเจลิสที่ไม่ค่อยมีโอกาสไปวัดในวันพิธีบวช ได้มีโอกาสตักบาตรร่วมอนุโมทนาบุญกับพระใหม่


วาระที่ 2

เป็นการเลี้ยงขอบคุณ หลวงพ่ออภิชาติ อภิชาโต ซึ่งท่านได้มาปฏิบัติศาสนกิจ จำพรรษาอยู่ช่วยงานทางวัดตลอดระยะเวลา 6 เดือน ได้สอนลูกศิษย์ที่เป็นชาวไทย ชาวอเมริกัน ท่านได้แสดงพระธรรมเทศนา ได้ช่วยดูแลพัฒนาวัด ดูแลคณะศรัทธา ณ วัดทุ่งเศรษฐี ก่อนเดินทางกลับเมืองไทยคณะญาติโยมก็ประสงค์ตั้งใจ เลี้ยงส่งแสดงถึงความมีน้ำใจไมตรีอันดี ที่ปฏิบัติต่อพระสงฆ์ที่บำเพ็ญคุณประโยชน์ต่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนา


วาระที่ 3

เป็นการเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของคุณสุพจน์ ที่เป็นธุระประสานงานคณะผู้บริหารตลาด แล๊คซี ให้เป็นเจ้าภาพถวายเครื่องอัฏฐบริขาร แก่พระบวชใหม่ และเป็นการขอบคุณขอบใจอนุโมทนาบุญแก่คณะผู้บริหารและทุกคนทุกท่าน ผู้มีส่วนช่วยในด้านให้พื้นที่โฆษณาหนังสือพิมพ์ Thai LA News

ท่านทั้งหลาย สังคมดีเพราะมีน้ำใจ นั่นย่อมแสดงถึงบุคคลทั้งหลายในสังคมนั้นมี "สารณียธรรม ธรรมเพื่อความสามัคคี" คือ

1) เมตตากายกรรม การมีเมตตา มีไมตรีจิต ต่อกันทางการกระทำ ในเพื่อนสมาชิก คือช่วยเหลือกิจธุระของสมาชิกในหมู่คณะด้วยความเต็มใจ จริงใจ และแสดงกิริยาสุภาพ เคารพนับถือกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

2) เมตตาวจีกรรม การมีเมตตา มีไมตรีจิตต่อกันทางวาจา คือช่วยบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ สอน แนะนำตักเตือนด้วยความหวังดี มีมิตรไมตรี กล่าวแต่วาจาสุภาพ เคารพนับถือซึ่งกันและกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

3) เมตตามโนกรรม มีเมตตา มีไมตรีจิตต่อกันอย่างจริงใจ คือตั้งจิตปรารถนาดี ต่อกัน คิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน มองกันในแง่ดี มีหน้าตาท่าทาง ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความชื่นชมยินดีต่อกัน พัฒนาจิต เริ่มต้นจากจิตใจที่เบิกบานสู่จิตใจที่สงบ และอิสระ ในการพิจารณาจัดการสิ่งใด พวกเราต้องคำนึงถึงจุดยืนของผู้อื่น เป็นต้นฯ


ในวันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม ศกนี้ เริ่ม เวลา 4 ทุ่มเป็นต้นไป วัดทุ่งเศรษฐี มีพิธีสวดมนต์ข้ามปี เจริญพรท่านผู้มีจิตศรัทธาพร้อมใจกันเดินทางไปร่วมบุญเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตของตน และบุคคลอันเป็นที่รักของเราทุกคน การสวดมนต์เพื่อป้องกันภัยนั้น จะเกิดอานุภาพมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในบทสวด และความตั้งใจของผู้สวดเป็นสำคัญ พระพุทธมนต์แต่ละบทล้วนมีพลังอานุภาพและทรงความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวแล้ว เพียงแต่ว่าใครจะสามารถนำออกมา ใช้ให้เกิดผลได้มากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น หัวใจของการสวดพุทธมนต์ให้เกิดฤทธานุภาพนั้น มี อยู่ 5 ประการ เรียกว่า พละ 5 คือ

1) มีศรัทธา หมายถึง มีความเชื่อมั่นในอานุภาพของพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในอานุภาพของบทสวด เชื่อมั่นในอานุภาพแห่งความดี เชื่อมั่นว่าการสวดมนต์เป็นการทำความดี และเชื่อมั่นว่าเมื่อตนทำความดีด้วยการสวดมนต์แล้ว ความดีจักคุ้มครองตนให้ปลอดภัย ทำให้ชีวิตมีความสุขและคิดให้เป็นสุขได้

2) มีวิริยะ หมายถึง มีความเพียร มุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างไม่โอ้เอ้รังเลใจ มีขันติไม่ทอดธุระถอยออกจากคว่มเพียรนั้น ๆ ให้สำเร็จตวามความมุ่งหมายที่ตั้งใจ

3) มีสติ หมายถึง ในขณะสวดต้องมีสติรักษาใจให้จดจ่ออยู่กับบทสวด ไม่ปล่อยใจลอยไปคิดเรื่องอื่น คนที่มีสติสวดมนต์เป็นระเบียบลงจังหวะไปพร้อมเพรียงกันดี ปากสวดสาธยายอย่างไร แต่ใจก็มีสติตามรู้ท่าทันอลู่อบ่างนั้น การสวดมนต์นั้นย่อมไม่เปล่าประโยชน์แน่นอน

4) มีสมาธิ หมายถึง ขณะสวดพึงรักษาจิตให้ตั้งมั่นแน่วแน่อยู่กับการสวดเท่านั้น ถ้าผู้สวดสามารถรักษาสติให้อยู่กับบทสวดได้นานเท่าไร สมาธิก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จิตที่มีสมาธิมาก ย่อมมีพลัง พระพุทธมนต์ย่อมก่อเกิดจิตตาอานุภาพได้มาก

5) มีปัญญา หมายถึง ต้องสวดด้วยความเข้าใจ คือ ในขณะ สวดมนต์ก็ให้พิจารณาทำความเข้าใจในเนื้อหาของบทสวดไปด้วย เพราะเมื่อเรามีความรู้ความเข้าใจที่ประกอบด้วยเหตุผลแล้ว ก็จะเป็นแรงหนุนให้มีศรัทธามากขึ้น เมื่อศรัทธามากขึ้น ก็ทำให้มีวิริยะมากขึ้น เมื่อวิริยะมากขึ้น สติก็มากขึ้น เมื่อสติมากขึ้นก็เกื้อหนุนให้สมาธิแก่กล้าขึ้น เมื่อสมาธิแก่กล้าขึ้น ปัญญาก็ เฉียบแหลมยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในพระพุทธมนต์ก็จะซึมซาบเข้าสู่จิตใจ ก่อให้เกิดพลานุภาพคุ้มครองตนเองได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง


ในวาระดิถิวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2560 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ทางคณะสงฆ์วัดทุ่งเศรษฐี ขออำนวยพร แด่ทุกท่าน ขอให้มีสุขภาพกาย - ใจ ที่ดี ตลอดถึงขอให้ผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรค ขอให้บุญรักษาเทวดาคุ้มครองทุกท่านให้ปลอดภัย มีความทุกข์ก็ขอให้คลาย มีเคราะห์ร้ายก็ขอให้ดับ โรคภัยไข้เจ็บก็ขอให้ระงับดับไปกับปีเก่า ปีใหม่ให้มีจิตผ่องใส มีใจเบ่งบาน มีสุขสำราญด้วยผลบุญยิ่งใหญ่ บุญกุศลใด ๆ ที่ท่านได้ปฏิบัติบำเพ็ญแล้วไซร้ ขอให้เป็นพลวะปัจจัย เป็นอุดมมงคลชัยให้เจริญรุ่งเรืองในสิ่งที่ชอบธรรม สมมโนมัยในทุกสิ่งที่ปรารถนาจงทุกประการ ธรรมสวัสดี รูปขอจำเริญพร