ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



หน้าที่ที่สมบูรณ์ อาจซาบซึ้งกว่าการบอกคำว่ารัก

เจริญพร ญาติโยมสาธุชนผู้ใคร่ธรรมทุกท่าน

วันนี้อาตมภาพก็ได้มาพบกับท่านอีกเช่นเคย วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม ศกนี้ เป็นคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถือกันว่าเป็นวันแม่แห่งชาติ ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมให้เกิดคุณธรรมความรักความเมตตา ความกตัญญูกตเวทีแก่ลูกหลานเยาวชน และเป็นโอกาสที่เราจะได้น้อมรำลึกถึงคุณแม่ผู้ให้กำเนิดเรามาด้วยกันทุกท่านทุกคน เราควรใส่ใจในหน้าที่ที่ควรทำ เพราะบางทีโอกาสอำนวยทุกอย่างแต่เราไม่มีเวลาเสียนี่ หรือบางท่านมีเวลาแต่ไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรๆ ในกับพ่อกับแม่ เพราะเหตุว่ากว่าจะคิดได้ก็สายเสียแล้ว จึงต้องให้สติคอยชักชวนตักเตือนกันไว้เรื่อยมา

เหตุดังนั้น วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม ศกนี้ ในนามวัดทุ่งเศรษฐี ได้รับความอุปถัมภ์กรุณานุเคราะห์ จากทางสถานีโทรทัศน์ ISTV เปิดช่องทางถวายรายการถวายเวลาให้วัดทุ่งเศรษฐีไปจัดกิจกรรม วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหามหาราชินี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สำหรับท่านที่ไม่สามารถไปรวมกิจกรรมของทางวัดได้ในวันนั้น ขอแนะนำติดตามรับชมได้ทาง ISTV เริ่มเวลา 6.30 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะปิดรายการ


ประวัติวันแม่แห่งชาติของประเทศไทย

ประวัติวันแม่แห่งชาติ แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุกๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุน จนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป

มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาล ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวัน แม่ของชาติ

ต่อมาถึง พ.ศ. 2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ. 2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

วันนี้ อาตมภาพจึงขอกล่าวถึงเรื่อง "ความกตัญญู" และ "การบูชาบุคคลผู้ควรบูชา" ว่า เป็นมงคลอันสูงสุด คือ เป็นข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุขแห่งชีวิต ลูกชายลูกหญิง เมื่อรู้และระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่แล้ว พึงปฏิบัติดีตอบแทนพระคุณท่าน โดยประการต่างๆ เป็นต้นว่า

-ช่วยทำกิจของท่านด้วยความเต็มใจ

-ดำรงวงศ์สกุลของท่านไว้ให้ดี ไม่ทำให้เสื่อมเสีย

-ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาทของท่าน

-ปรนนิบัติและรักษาน้ำใจท่าน ไม่ทำให้ท่านต้องเสียน้ำตา เพราะความประพฤติไม่ดีของตน

-ท่านเลี้ยงดูเรามาแล้ว เมื่อเรามีกำลังพอก็เลี้ยงดูท่านตอบ บอกถึงความรัก ความห่วงใยท่านได้

-ท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญอุทิศให้

หากทำหน้าที่ที่สมบูรณ์อย่าที่กล่าวมาของต้นนี้ได้ อาจซาบซึ้งกว่าการบอกคำว่ารัก ท่านในวันแม่เพียงวันเดียว ความรักที่มอบให้แม่ท่าน ความกตัญญูกตเวที ที่มีต่อท่าน ต้องเป็นสัญญาใจ เป็นความทรงจำของหัวใจ ระลึกถึงท่านได้ทุกเวลา เพราะร่างกายจิตใจทั้งหมดของเรานั้นคือ เลือดเนื้อและวิญญาณของแม่ อย่าทำให้ท่านต้องเสียใจกับความประพฤติไม่ดีของเรานะ

"ภูมิ เว สัปปุริสานัง กตัญญูกตเวทิตา" ความกตัญญูเป็นพื้นฐานของคนดี ความกตัญญู หมายถึง การรู้พระคุณท่าน แล้วตอบแทนพระคุณท่านผู้มีอุปการคุณนั้น ภาษาพระท่านเรียกว่า "กตัญญูกตเวที" ผู้รู้คุณและตอบแทนคุณท่านผู้มีอุปการะคุณ พึงระลึกถึงและตอบแทนพระคุณท่านผู้มีอุปการคุณนั้น ตามกำลังและโอกาสจะอำนวยให้ ก็จะเป็นอุดมมงคลแก่ผู้ทรงกตัญญูกตเวทิตาธรรม นี้ให้ถึงความเจริญและสันติสุขในชีวิตได้เสมอ อานิสงส์การเลี้ยงดูมารดาบิดา การบำรุงมารดาบิดา มี 2 อย่างคือ บำรุงภายนอก และบำรุงภายใน

บำรุงภายนอก ได้แก่ นอบน้อมด้วยกาย แสดงความเคารพด้วยวาจา สักการะด้วยอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย เฝ้ารักษาพยาบาลในเวลาไม่สบาย เลี้ยงท่าน ทำการงานของท่าน

บำรุงภายใน ได้แก่ ดำรงวงศ์ตระกูล ประพฤติตนให้สมควรที่จะรับทรัพย์มรดก รักษาน้ำใจท่าน ชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธา ในศีล ในการฟังธรรม หล่อเลี้ยงน้ำใจของท่านให้ผ่องใสอยู่เสมอ

ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่านให้ได้ทั้งหมด พึงกระทำดังนี้

1. ถ้าท่านยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้

2. ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ท่าน ก็พยายามชักนำให้ท่านยินดีในการบริจาคทานให้ได้

3. ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้

4. ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิภาวนาให้ได้ เพราะว่าการตั้งอยู่ในศรัทธาการให้ท่าน การรักษาศีล การทำสมาธิภาวนา เป็นประโยชน์โดยตรง และเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ตัวบิดามารดาผู้ประพฤติปฏิบัติเองทั้งในภพนี้ ภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือ เป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน


อานิสงส์การบำรุงบิดามารดา

- ทำให้เป็นคนมีความอดทน - ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ - ทำให้เป็นคนมีเหตุผล - ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน - ทำให้พ้นทุกข์ ทำให้พ้นภัย - ทำให้ได้ลาภโดยง่าย - ทำให้เทวดาลงรักษา

- ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ - ทำให้มีความสุข เจริญก้าวหน้า ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี - ทำให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่อนุชนรุ่นหลัง


อย่างไรก็ดี การทำหน้าที่ที่สมบูรณ์ อาจซาบซึ้งกว่าการบอกคำว่ารัก วันนี้จบด้วยคำขวัญพระราชทาน คำขวัญวันแม่แห่งชาติ 2559 ดังนี้

"สอนให้ลูกทั้งหลายเดินสายกลาง ทำทุกอย่างพอดีมีเหตุผล
ประกอบด้วยคุณธรรมนำทางตน ย่อมได้คนดีพอต่อบ้านเมือง"


พร้อมกันแสดงพลังความรักความภักดีด้วยดอกมะลิ กราบเท้าบูชาแม่แห่งชาติและแม่ผู้บังเกิดเกล้าของเรา เป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ และเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเย็นระรื่นใจ ยกย่องให้ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ เป็นดอกไม้วันแม่แห่งชาติ ซึ่งทางราชการให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมา และตลอดไป ขอความสวัสดิภาพ ปลอดภัยในทิศทั้งปวง จงมีแก่ลูกๆ ทุกท่านทุกคน เทอญ ขอเจริญพร.