ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



เพราะมีฐานมั่นคงจึงสูงได้

ทุกๆ เหตุผล ต้องมีรายละเอียดเสมอ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะที่จะปราศจากรายละเอียด ทุกคนเป็นคนดีได้ขึ้นอยู่ที่เหตุผลการกระทำทั้งสิ้น ธรรมะใครทำใครได้ ธรรมะเป็นเป็นสมบัติของโลก และเป็นสมบัติของทุกคน เพราะมีฐานมั่นคงจึงสูงได้ การศึกษาของลูกหลานเรา ทุกๆ ศาสตร์ ทุกๆ สาขาวิชา ทุกๆ วิชาการวิชาชีพ ต้องมันคงมาจากพื้นฐานจุดเริ่มต้น เช่นครอบครัว คือสถาบันแรกที่ต้องเอาใจใส่ดูแลบุตรธิดาในขั้นต้น ให้เขาได้รับความรักความอบอุ่นมีกายใจ มีอารมณ์ มีความความรับผิดชอบ มีหน้าที่มีธรรมะ มองมาถึงจุดตรงนี้ก็ต้องทบทวนกันละว่า จะเริ่มต้นตรงไหนถึงจะเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องที่สุด ดูๆ ก็จะเห็นห่วงโซ่ของเหตุปัจจัยทางธรรมะเข้าแล้ว เหตุเพราะทุกชีวิตจะเกิดขึ้นดำรงอยู่ ย่อมเป็นเหตุปัจจัยของกันและกัน อิงอาศัยกันเกิดขึ้น ดำรงอยู่และเปลี่ยนแปลงไปโดยอิสระไม่ต้องอาศัยส่วนอื่น การดำเนินของชีวิต ย่อมเกี่ยวเนื่องกันเป็นลูกโซ่ทั้งระบบเหมือนเครื่องยนต์ ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งหมายถึง ภาวะที่อาศัยกันเกิดขึ้น ดังพุทธพจน์ที่ตรัสว่า

อิมัสสะมิง สติ อิทัง โหติ, เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

อมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชติ, เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้ก็มีไม่ได้

อิมัสสะมิง อสติ อิทัง น โหติ, เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ไม่มี

อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ, เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับ

จากพุทธพจน์นี้จะเห็นว่า องค์ประกอบของชีวิตทุกส่วนย่อมอาศัยกัน มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทั้งในการเกิด ตั้งอยู่ และสลายไป ปฏิจจสมุปบาทในฐานะปัจจยาการทางสังคม ในมหานิทานสูตร พระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักปัจจยาการทั้งที่เป็นไปภายในจิตใจของบุคคล และที่เป็นไปในความ สัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ หรือในทางสังคม ปฏิจจสมุปบาทก็ดำเนินตามวิถีเดียวกัน


ดังนั้น เมื่อมองครอบครัวเป็นสังคมปฐมภูมิ พ่อแม่ก็เป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่สุดของลูกๆ ครอบครัวที่ดีต้องมีกัลยาณธรรม ผู้มีกัลยาณธรรม ต้องประกอบด้วยคุณลักษณะ 7 ประการ ดังนี้

1. น่ารัก เป็นบุคคลที่เห็นแล้วสบายใจ ชวนให้เข้าใกล้ปรึกษา ไต่ถาม มีความผ่องใสร่าเริง เบิกบานอยู่เป็นนิจ เสมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ มีความสว่างไสวชุ่มเย็น มองครั้งใดก็มีแต่ความชื่นใจ ลืมความอึดอัดขัดข้องทั้งปวง

ผู้ที่ทรงคุณสมบัติเช่นนี้ได้ ต้องฝึกกิริยามารยาทให้เรียบร้อย นุ่มนวล สง่างามในทุกอิริยาบท ทุกบรรยากาศ มีความสะอาดทั้งกาย วาจา ใจ

กายสะอาด ไม่ได้หมายความเฉพาะร่างกายสะอาด นุ่งห่มเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงการไม่แปดเปื้อนด้วยอบายมุขทั้งหลาย ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่เจ้าชู้ ไม่เสพสุรายาเมา ฯลฯ

วาจาสะอาด คือรู้จักสำรวมในคำพูด ไม่พูดเพ้อเจ้อ ส่อเสียด ยกตนข่มท่าน พูดให้ถูกกาลเทศะ

ใจสะอาด เป็นความบริสุทธิ์ที่อยู่ภายใน ใจมีความสง่ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้ได้จากกิริยาอาการที่สดชื่นแจ่มใส ร่าเริง ใบหน้าที่อิ่มเอม เบิกบานอยู่เป็นนิจ

ความน่ารักของกัลยาณมิตร มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งแฝงอยู่มากมาย เป็นความน่ารักที่ไม่มีความเสื่อมสลายไปตามวัยตามสังขาร สมควรที่สาธุชนทั้งหลายจะฝึกฝนตัวให้ได้คุณสมบัติเช่นนี้ไว้ เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง แก่ผู้อื่น และเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป

2. น่าเคารพ เป็นบุคคลที่อุดมด้วยปัญญาทั้งทางโลก และทางธรรมอย่างพร้อมมูล จนกระทั่ง ตระหนักและซาบซึ้งได้ดีว่า อะไรถูกอะไรผิด อะไรดีอะไรชั่ว อะไรควรอะไรไม่ควร อะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาป แล้วดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง ที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างมั่นคงแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวต่อความยั่วยวนของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ใจตกต่ำ เป็นคนรักความยุติธรรมเป็นที่สุด ไม่ว่าต่อหน้าอย่างไร ลับหลังต้องอย่างนั้น มีความเมตตากรุณาอยู่เป็นนิจกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง คุณสมบัตินี้จะหลอมให้กัลยาณมิตรเป็นที่น่าเคารพของชนทั้งหลาย

3. น่าเทิดทูน เป็นบุคคลที่ทรงความรู้ มีภูมิปัญญาเป็นเลิศ ทั้งทางโลกและทางธรรม ความฉลาดปราดเปรื่องมีมากจนเป็นที่ยอมรับของทุกคนในวงการ เป็นผู้ฝึกฝนปรับปรุงตนอยู่เสมอ สามารถอันยอดเยี่ยม ใครๆ ก็อยากจะฝากตัวเป็นศิษย์ มีความอาจหาญร่าเริงที่จะประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงคุณความดีของกัลยาณมิตร

แต่... คุณสมบัติของกัลยาณมิตรข้อนี้ แม้จะไม่ฉลาดปราดเปรื่องมาก แต่อย่างน้อยต้องมีความสามารถแก้ไขความเห็นผิดของศิษย์ได้ มีอุบายวิธีทำให้ศิษย์ตั้งตนอยู่ในสัมมาทิฐิได้ ทำให้ศิษย์เกิดความเลื่อมใสอย่างแท้จริง

4. ฉลาดพูดแนะนำตักเตือน เป็นบุคคลที่รู้จักพูดชี้แจงให้เข้าใจ มีความสามารถพูดโน้มน้าวให้ทำตาม ในสิ่งที่ดีมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ กัลยาณมิตรจึงควรศึกษาหลักจิตวิทยา ในการเข้าถึงจิตใจของบุคคลต่างๆ

หาโอกาสฝึกพูด ให้เหตุให้ผล ให้เหมาะสมกับบุคคลและโอกาส เพราะกัลยาณมิตรต้องพบปะกับบุคคลทุกเพศ วัย หลายฐานะ กัลยาณมิตรต้องให้คำแนะนำปรึกษาที่ดีที่ควร อย่าให้ผู้ที่มาพบเราต้องจากไปด้วยความผิดหวัง

5. อดทนต่อถ้อยคำ เป็นบุคคลที่พร้อมจะรับฟังคำปรึกษาซักถามอยู่เสมอ อดทนฟังได้แม้เรื่องไร้สาระ ไม่เบื่อหน่าย ไม่รำคาญ เราจึงต้องอดทนให้อภัย รักษาอารมณ์ให้เยือกเย็นอยู่เสมอ

6. แถลงเรื่องที่ลึกล้ำได้ เป็นบุคคลที่สามารถนำเรื่องที่ยกมาอธิบาย ให้เกิดภาพพจน์ เข้าใจง่าย แม้เรื่องราวที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับหัวข้อธรรมะที่ยากๆ ก็สามารถหาเรื่องอุปมาอุปมัยให้เข้าใจอย่างง่าย

7. ไม่ชักนำไปในสิ่งที่เสื่อม เป็นบุคคลที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในธรรม ไม่ยอมทำเรื่องที่เป็นการเสื่อมเสีย พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ไม่มีเบื้องหน้า ไม่มีเบื้องหลัง ทุกกิจกรรมของกัลยาณมิตรต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใสสะอาด พร้อมที่จะประกาศให้ชาวโลกรับรู้ และท้าทายให้มาพิสูจน์ได้เสมอ


เหตุเพราะครอบครัวมีกัลยาณธรรม พ่อแม่และลูกๆ จึงมิตรแท้ในเรือนอย่างอบอุ่นกาย - ใจ เพราะเป็นมิตรที่มีคุณธรรม สามารถยังผู้อยู่ร่วมชายคาคบหาใกล้ชิดให้ได้บรรลุสมบัติ 3 ได้แก่ มนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ และพระนิพพานสมบัติ จัดเป็นกัลยาณมิตรผู้เลิศด้วยคุณธรรม

ดังนั้น มิตรแท้ หมายถึง มิตรผู้มีความสนิทชิดเชื้อ มีความจริงใจต่อกันถือเป็นกัลยาณมิตร มิตรดีงาม คบหาสมาคมด้วยสนิทใจอย่างทรงพลัง เห็นแล้วรึยังว่าธรรมะมีอยู่จริง มีอยู่ทุกที่ทุกสถาน ทุกกาลทุกขณะ จากคำสั้นๆ ง่ายๆ ที่ว่า

"เพราะมีฐานมั่นคงจึงสูงได้" อาตมาจะอธิบายให้วิเศษเกินกว่าที่ญาติโยมจะคาดเดาก็ย่อมได้ สำคัญอยู่แต่ที่ว่า เวลาของอาตมามีจำกัดมาก ในแต่ละวันนั้น เริ่มต้นตื่นมาชำระฟัน ชำระร่างกายแล้ว ห้านาฬิกา ต้องเตรียมเข้าห้องสวดมนต์เจริญจิตตภาวนา ทำสมาธิ หกโมงครึ่งฉันเช้า บางวันญาติโยมนัดมานั่งสนทนาธรรมด้วย สิบเอ็ดโมงครึ่งกระทำภัตตกิจฉันเพล บ่ายโมงไป บางวันได้ทำงานวัดตัดหญ้าทำสวน จัดสิ่งของให้เข้าที่เป็นระเบียบไปตามเหตุ บางวันลงอุโบสถฟังพระปาฏิโมกข์ บางวันออกไปเยี่ยมญาติโยมตามที่รับนิมนต์ หกโมงเย็นสวดมนต์ทำวัตร บางวันกว่าจะได้จำวัดเล่นเอา ห้าทุ่มเที่ยงคืนก็มี ทำให้บทความธรรมะสมสมัยก็เลยขาดบ้างเกินบ้าง อย่างไรก็จะนำธรรมะดีๆ ของดีในใบลาน มาฝากผ่าน น.ส.พ. ไทยแอล มาให้ท่านได้ศึกษาปฏิบัติร่วมกัน สาธุ