ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



บุญขุดน้ำบ่อ บุญก่อศาลา

ถวายน้ำดื่ม น้ำใช้ จริงไหมที่ว่าจะเกิดความสุข ความสำเร็จสมปรารถนาในชีวิต ขอเจริญพร ท่านผู้มีบุญทั้งหลาย การสั่งสมบุญนำมาซึ่งความสุข บาลีว่า : สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย เราทุกคนต้องการ ปัจจัยสี่และเพื่อเลี้ยงตนและคนในครอบครัว การแสวงหาความสุข สะดวกสบายตามโลกนิยม อาทิ โทรศัพท์เคลื่อนที่ รถยนต์ เครื่องประดับ อาหารรสเลิศ ฯลฯ จะสังเกตได้ว่า ความอยากมี อยากได้ของเรานั้นไม่มีที่สิ้นสุด เกินกว่าคุณค่าของชีวิตหนึ่ง ๆ ที่จะต้องใช้สอย ไม่เพียงวัตถุเท่านั้น แต่สั่งสมซึ่ง โลภะ โทสะ โมหะ เข้าอีกด้วย ชีวิตประจำวันจึงเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ที่มักใช้คำแทนว่า "Busy, and Busy day" ซึ่งอาจหมายถึงงานยุ่ง มีงานมาก มีธุระมาก ไม่ว่าง ไม่มีเวลาวุ่ยวาย พลุกพล่าน ยิ่งทุกข์มาก ยิ่งห่างไกลความสุข ห่างไกลบุญกุศล

คอลัมน์ธรรมะสมสมัย มีธรรมดีๆ ส่องสว่างเป็นแนวทางในวันที่ท่านวุ่นวาย วันนี้จะแนะนำการสั่งสมอารมณ์ที่ทำให้เกิดสุข คือการสั่งสมบุญ ทำให้จิตใจเป็นสุข ลักษณะของการสั่งสมบุญ เป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบัน เป็นการสั่งสมที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ในหลักบุญกิริยาวัตถุ 3 เป็นการสะสมที่ ยิ่งสั่งสม ยิ่งเบา ยิ่งโปร่ง ยิ่งโล่ง ยิ่งสบาย ไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขต ควรขวนขวายเป็นนิจ นำไปสู่สันติและอิสระสูงสุดในชีวิตอย่างหาใดเปรียบ แตกต่างจากการสั่งสมวัตถุ แบบที่กล่าวข้างต้นโดยสิ้นเชิง เช่นการหมั่นประพฤติปฏิบัติตนให้ดีงาม ตามหลักการของพระพุทธศาสนา

หนึ่ง คือ รู้จักสั่งสมบุญด้วยการแบ่งปันสิ่งของที่เหลือกินเหลือใช้ คือการให้ทานช่วยลดความเห็นแก่ตัว ทำให้มองเห็นคุณค่าของผู้อื่นและมีความสุขในการอยู่ร่วมกันกับสังคม

สอง คือ รู้จักสั่งสมบุญด้วยการรักษาศีล มีระเบียบวินัย ปฏิบัติตามกฏของคนหมู่มาก สร้างบุคลิกภาพที่ดี และพร้อมที่จะพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป

สาม คือ รู้จักสั่งสมบุญด้วยการภาวนา ฝึกอบรมจิตใจให้สูงขึ้น เกิดความบริสุทธิ์ผ่องใสจากภายใน มองเห็นทุกสิ่งรอบการได้อย่างแจ่มชัดและวินิจฉัยอย่างแยบคายด้วยปัญญา พัฒนาตนให้เป็นผู้เจริญ นำความไพบูลย์ สมบูรณ์ สุข เกษม มาสู่ตนและสังคม

รวมความว่า การที่เราจะมีความสุขทั้งทางด้านวัตถุและทางด้านจิตใจ เกิดมีจากการสั่งสมบุญทั้งสามที่กล่าวไว้ข้างต้นทีละเล็กละน้อย เป็นการมองหาความสุขที่มีอยู่ใกล้ตัว สุขที่จะให้ สุขที่จะดูแลและพัฒนาตนให้สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์

มาถึงเรื่องบุญถวายน้ำกันหน่อย ขอกล่าวอนุโมทนาแก่ผู้มีศรัทธาถวายน้ำดื่มน้ำใช้ แก้ไขเปลี่ยนระบบท่อน้ำประปาให้วัด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา อาตมาได้ขอความอนุเคราะห์จากท่านผู้มีใจเมตตา ให้บริจาคช่วยค่าช่างและค่าอุปกรณ์เปลี่ยนระบบน้ำท่อน้ำประปาของวัดทุ่งเศรษฐี ภายในวัดทั้งหมดโดยบริษัท All American Repipe & Plumbing รายชื่อผู้บริจาคอยู่ในภาพขึ้นเฟสบุ๊คแล้ว (Fb ID: Wat thongsethi CA) ภายในวันนั้นได้เงิน $2,530 ติดค้างบริษัทอีก $3,170 ต้องจ่ายทั้งหมดภายใน 2 อาทิตย์ ก็ยังหนักใจอยู่ว่าจะไปหาที่ไหน จึงบอกผ่านมายังท่านผู้มีจิตศรัทธา เพื่อผู้มีบุญได้อนุโมทนาร่วมกัน ท่านสามารถ สั่งจ่ายเป็นเช็คไปได้ที่ Payable to : Buddhist Meditation Society of Norwalk หรือ เขียนย่อๆ ก็ได้ "BMSN" ส่งไปตามที่อยู่นี้ To : Wat Thongsethi Address : 11911 207th. Street, Lakewood, CA 90715-1461 อนุโมทนา สาธุๆ โทรไปที่วัดสอบถามรายละเอียดก่อนได้ 562-382-3767 เบอร์ของหลวงพ่อไสวโทรได้ทุกยาม (ส่วนรับหรือไม่รับเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง เจริญพร)

ถวายน้ำดื่ม น้ำใช้ เกิดความสำเร็จสมปรารถนา จริงหรือ ในพระพุทธศาสนาได้แสดงถึงคนที่สร้างประโยชน์ให้เกิดแก่คนหมู่มากชื่อว่าเป็นคนมีบุญ ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตอบคำถามแก่เทวดาองค์หนึ่งใน วนโรปสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ครั้งหนึ่งเทวดาทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ชนพวกไหนมีบุญ เจริญในกาลทุกเมื่อทั้งกลางวันและกลางคืน ชนพวกไหนตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีลเป็นผู้ไปสวรรค์" พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า "ชนเหล่าใดสร้างอารามก็ดี (สร้างสวนไม้ดอกไม้ผล) ปลูกหมู่ไม้ (ใช้ร่มเงา) สร้างสะพาน และชนเหล่าใดให้โรงน้ำและบ่อน้ำเป็นทานทั้งบ้านที่พักอาศัย ชนเหล่านั้นย่อมมีบุญเจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้นตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์"

ดังนั้น ความสบายใจของทุกคนเวลาทำบุญกันนั้น มีกุศลเจตนาเป็นเช่นไร ทำบุญแล้วมีความสุข กายใจผ่องใสเอิบอิ่ม ฯลฯ นี้ชื่อว่าได้ความสุขแล้ว เพราะนี้คือบุญยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง ส่วนทานที่ท่านให้แล้ว ย่อมสำเร็จประโยชน์แน่นอน ส่วนบางท่านทำบุญแล้วเร่าร้อน พะวงสงสัย เกิดความกังวน วุ่นวาย ฟุ้งซ่านรำคาญ เกิดความไม่สบายกาย-ใจ นี้คงไม่ใช่นิยามแห่งคำว่าบุญแล้ว อาจมีอำนาจอื่นซ่อนแฝง เช่นเกิดแรงอิจฉาพยาบาท ทำบุญที่มีโลภะ โทสะ โมหะ ซ่อนไว้ เป็นต้นฯ

การได้ทำบุญขุดน้ำบ่อก่อศาลา ยังเหตุให้เกิดความสุขและความสำเร็จในชีวิต 40 - 50 ปีผ่านมาอาตมายังทันเรื่อง การตั้งน้ำโอ่งน้ำและกระบวยตักน้ำไว้หน้าบ้าน ใครผ่านไปผ่านมา หน้าบ้านไหนก็ดื่มได้อย่างปลอดภัย คลายร้อน ผ่อนกระหาย อย่างนี้ก็เป็นบุญนะ ตรงนี้สื่ออะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งทุกวันนี้สังคมพื้นฐานเหล่านี้มันขาดไป คุณธรรมน้ำใจมันขาดไป ศีลธรรมตรงนี้มันกลับมาได้ไหม ไม่ใช่ว่าจ้องจะเอาแต่ชนะทัดทาน แก่งแย้งแข่งเอาประโยชน์กัน จนน้ำใจและลอยยิ้มมันหายไปหมดจากสังคม แล้วในโลกนี้จะหาความจริงใจได้จากใครที่ไหนกันหนอ "คำนักปราชญ์ท่านว่า จนอะไรก็จนได้ แต่ขออย่างหนึ่งอย่าจนน้ำจิตน้ำใจ" เจตนาที่อาตมาฝาก คือ ฝากให้เกิดความมีน้ำใจ มีความสุขพร้อมกับมีรอยยิ้มให้แก่กันและกันคืนสู่สังคม เจริญพร


บุญขุดน้ำบ่อ บุญก่อศาลา

ดังที่กล่าวมา การสร้างศาลาไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ทั้งเพื่อบุคคลทั่วไป และเพื่อสมณะชีพราหมณ์ที่ใช้เป็นที่พำนักอาศัยค้างแรม ต่อมาจึงเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นการสร้างเพื่อประโยชน์ในทางพระศาสนา โดยมีคติความเชื่อในเรื่องอานิสงส์ของการสร้างศาลาเป็นทานเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ศาสนิกชนได้สร้าง หรือมีส่วนสร้างศาลาถวายเป็นทานนั้นเอง

มีชายยากจนผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองโกสัมพี เก็บหญ้าและฟืนมาขายเลี้ยงชีพลูกและเมียตนในเมือง วันหนึ่ง มีคหบดีผู้หนึ่งได้สร้างศาลา และขุดบ่อน้ำไว้ข้างทางเป็นทานแก่ผู้สัญจรไปมา ชายยากจนเดินผ่านไปเห็นเช่นนั้นก็ถามท่านเศรษฐีว่า สร้างศาลาขุดบ่อนำเพื่อประโยชน์อะไร มีกุศลเช่นใด ท่านเศรษฐีกล่าวตอบว่า กุศลที่ได้จากการให้ทานรักษาศีลย่อมก่อให้เกิดทรัพย์สมบัติอันมาก เช่นเดียวกันว่าในกาลเมื่อก่อน ตนคงจะได้ทำบุญให้ทานไว้มาก ชายยากจนได้ยินเช่นนั้นก็คิดได้ว่า ในกาลเมื่อก่อนตนคงจะไม่เคยได้ทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา เมื่อเกิดมาในชาตินี้จึงเป็นคนยากไร้เข็ญใจ กลับมาถึงที่อยู่แล้วก็กล่าวกับเมียของตนว่า จะเอาตนเองออกขายเพื่อนำเงินที่ได้มาสร้างศาลาเป็นทาน เมียชายยากจนก็กล่าวว่าให้ชายยากไร้เอาตนออกขายแทน เมื่อลูกของชายยากจนรู้เรื่องดังกล่าว ก็ขอให้พ่อนำตนออกขายแทน ชายยากจนนำลูกตนไปยังเรือนของท่านเศรษฐีเพื่อที่จะขาย ท่านเศรษฐีเห็นดังนั้นก็ถามว่าจะขายให้เท่าใด ชายยากจนก็ว่าแล้วแต่ท่านเศรษฐี ท่านเศรษฐีจึงจ่ายเป็นเงินค่าตัว 500 กหาปณะให้แก่ชายยากจน ชายยากจนได้เงินแล้วก็รีบกลับ กล่าวกับเมียตนว่าจะสร้างศาลาขุดบ่อน้ำเป็นทาน สร้างเสร็จแล้วก็ให้ประดับด้วยธงช่อธงชัย ประทีปธูปเทียน และดอกไม้ของหอมต่าง ๆ นิมนต์พระสงฆ์มาฉลองมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน แล้วก็ถวายข้าวบิณฑบาตทุกวันไม่ขาด เงินที่ได้จากการขายลูก 500 กหาปณะ ก็ใช้ในการถวายทานครึ่งหนึ่ง ที่เหลือก็เอาไว้ใช้จ่ายเลี้ยงชีพตนตราบสิ้นอายุขัย ส่วนท่านเศรษฐีก่อนตายก็ได้มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วยกลูกชายของชายยากจนให้เป็นเศรษฐีแทนตน ชายยากจนเมื่อตายไปแล้วก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนางฟ้าเป็นบริวารพันตน เช่นเดียวกับภริยาของชายยากจนก็ได้เสวยผลบุญอย่างเดียวกัน เมื่อกลับมาเกิดในมนุษยโลกก็ได้เกิดในตระกูลเศรษฐี ตายจากมนุษยโลกแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ กลับมาเกิดในมนุษยโลกก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ

ผู้ใดก็ดีได้สร้างบุญขุดน้ำบ่อ บุญก่อศาลาเป็นทาน ก็จะได้เกิดเป็นพระอินทร์ 36 ครั้ง เป็น

พระเจ้าจักรพรรดิ 36 ครั้ง บุคคลที่ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมยทรัพย์ผู้อื่น ทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนาอยู่เสมอ จะได้ถึงพระนิพพานแน่นอน ผู้ที่ได้สร้างบุญขุดน้ำบ่อ บุญก่อศาลาเป็นทาน ก็จะได้ฟังธรรมในสำนักพระศรีอาริยเมตไตย และเมื่อได้บวชบรรพชา จะได้บรรลุพระอรหัตฯ

อานิสงส์ของการสร้างศาลาถวายเป็นทานนั้น ปรากฏเนื้อความในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายอปทาน ตอน สมาทปกเถราปทาน ความว่า

พระสมาทปกเถระ เมื่อยังอยู่ในสำนักพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ได้บำเพ็ญกุศลสมภารสั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ครั้งหนึ่งได้ประชุมหมู่อุบาสกเพื่อจะช่วยกันสร้างกูฏาคาร ศาลาเรือนยอดถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าวิปัสสี ด้วยบุญนั้น ตายแล้วได้ไปเกิดในเทวโลก เสวยสมบัติในกามาวจร 6 ชั้น ต่อมาไปเกิดในมนุษยโลก ได้เสวยจักรพรรดิสมบัติ และในพุทธุปบาทกาลนี้ จะได้ฟังธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเกิดศรัทธาออกบวช เป็นผู้ที่พร้อมสมบูรณ์ด้วยศีล วัตรปฏิบัติ ได้บรรลุคุณวิเศษ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 ได้บรรลุพระอรหัต ก็เพราะได้สร้างกูฏาคาร ศาลาเรือนยอดถวายพระพุทธเจ้านั้น นอกจากนี้แล้วยังมีเนื้อความเกี่ยวกับการสร้างศาลาถวายเป็นทาน ในตอนอายาคทายกเถราปทาน กล่าวถึงพระอายาคทายกเถระครั้งเมื่อเกิดในสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าสิขี พระอายาคทายกเถระมีความเลื่อมใสในพระศาสนา ได้ว่าจ้างนายช่างให้สร้างศาลาโรงฉันถวายเป็นทานแด่พระพุทธเจ้า เมื่อตายไปแล้วได้ไปเกิดในเทวโลกนาน 8 กัป เมื่อไปเกิดในมนุษยโลกก็ได้เป็นพระจักรพรรดิ 30 ครั้ง สุดท้ายมาเกิดในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็จะได้บรรลุคุณวิเศษ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 ได้บรรลุอรหัตผลก็ด้วยสร้างศาลาโรงฉันถวายเป็นทานนั้น

อย่างไรก็ดี ขอน้อมรับศรัทธาและอนุโมทนาท่านผู้ใจบุญทุกท่านที่กรุณา ช่วยเหลือแบ่งเบา ภาระที่พระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งต้องดูแลรับผิดชอบวัดทั้งระบบ ในนามวัดทุ่งเศรษฐี อาตมภาพขอขอบคุณ ทุกท่านที่ให้การสนับสนุนมา ณ โอกาสนี้ และขออนุโมทนาบุญกับทางเจ้าภาพเทศน์มหาชาติ ตั้งแต่ "ทศพร กัณฑ์แรก ถึงฉกษัตริย์ กัณฑ์ที่ 12 ประดับพระคาถารวมได้ 952 พระคาถา และวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม ศกนี้ (เป็นวันทำบุญตักบาตรวันออกพรรษา) และมีเทศน์มหาชาติ กัณฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์ 48 พระคาถา ก็จะครบ 1,000 พระคาถา คุณศศิญา เชียงกราว และเพื่อนๆ เป็นเจ้าภาพ อาตมาจะเป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนา กัณฑ์สุดท้ายสรุปจบครบ 13 กัณฑ์ ก็ขอเชิญไปร่วมบุญกันกับคณะศรัทธาที่รับเป็นเจ้าภาพต้นประธานหลัก ได้โดยพร้อมเพียงกัน ขอเจริญพร