ขอจำเริญพรท่านผู้เจริญทั้งหลาย เรื่องการแชร์สื่อต่างๆ ในเรื่องที่น่าสะพึงกลัวมีมากขึ้นทุกวัน สื่อที่ทำให้ปริวิตกต่อความรู้สึกประชาชน มีอิทธิพลต่อผู้ชมมาก เช่น พระเกจิชื่อดังก็ดี นักภูมิศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ไม่เว้นกระทั้งหมอดู นักโหราพยากรณ์
เรื่องที่แชร์แล้วให้ความรู้สึกหวั่นไหว
เช่น เรื่องพายุสุริยะ ปกติพายุสุริยะจะไม่ส่งผลโดยตรงต่อโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก เนื่องจากโลกมีบรรยากาศและสนามแม่เหล็กคุ้มกัน มีเพียงนักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอวกาศเท่านั้นที่อาจได้รับอันตราย ทั้งจากพายุสุริยะและรังสีจากดวงอาทิตย์
ในอดีตเคยมีดาวเทียมหลายดวงเสียหายจากเหตุการณ์นี้ เนื่องจากปัจจุบัน ชีวิตประจำวันของผู้คนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอวกาศมาก ทั้งโทรศัพท์ โทรทัศน์ การกระจายเสียงวิทยุ ระบบบอกพิกัด ฯลฯ ดังนั้นหากมีพายุสุริยะมาทำให้ดาวเทียมเหล่านี้เสียหายไป ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิต ประจำวันของผู้คนอย่างแน่นอน
เรื่องการละลายของภูเขาน้ำแข็ง น้ำท่วมโลก ทั้งนี้จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ ในปี 2573 หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ความสะดุดหยุดยั้งในเหตุผลนี้ทำให้ความรู้สึกทางจิตใจหดหู่ย่ำแย่ขยายวงกว้างไปเลื่อยๆ
เรื่องพายุใหญ่ น้ำท่วมใหญ่ ในประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และมีการแชร์คลิปออกไปกันอย่างกว้างขวาง สำคัญต่างวิตกหวาดหวั่นไปตามๆ กัน เป็นต้น ฯ
ธรรมะสมสมัยวันนี้ขอเสนอข้อธรรมว่า "อจินไตย" แปลว่า เรื่องที่ไม่ควรคิด เพราะเกินภูมิปัญญาของมนุษย์ที่จะใช้ความคิดปกติไปคิดได้ คิดแล้วจะมีส่วนแห่งความเป็นบ้า การตั้งประเด็นปัญหา รวบรวมข้อมูล ทดลองวิจัย สุดท้ายก็สรุป ใช้ไม่ได้กับเรื่องอจินไตย สิ่งที่เป็นอจินไตยมีทั้งหมด 4 เรื่องใหญ่ ๆ คือ
1. พุทธวิสัย เช่น พระพุทธเจ้าทรงมีพระสัพพัญญุตญาณ ทรงรู้แจ้ง ในเวลาเสี้ยววินาที ทรงระลึกชาติของสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ล้านชีวิต ล้านชาติ คือ แต่ละคนรู้เป็นล้าน ๆ ชาติ เรื่องนี้เราจะมาคิดด้วยเหตุผลธรรมดาไม่มีทางคิดออก เพราะเป็นพุทธวิสัย
2. ฌานวิสัย คือ วิสัยของผู้มีฌาน เช่นการเหาะได้ เราคิดออกไหม ตามปกติต้องมีแรงโน้มถ่วง ถ้าไม่มีเครื่องบิน ไม่มีจรวด แล้วเหาะไปได้อย่างไร แต่ท่านเหาะไปแล้ว หรือการหายตัวก็เหมือนกัน หายตัวไปได้อย่างไรอยู่ ๆ เดินทะลุกำแพงไปได้อย่างไร คิดหาเหตุผลให้หัวแตกก็คิดไม่ออก ท่านบอกว่าอย่าไปคิด คิดแล้วจะมีส่วนแห่งความเป็นบ้าเป็นวิสัยของ "ผู้มีฌานสมาบัติ" ขึ้นไป
3. กรรมวิสัย คือ วิสัยของกฎแห่งกรรมการให้ผลของกรรมซับซ้อนมาก บางคนเคยทำบาปกรรมมามากแต่ก่อนตายมีพระมาโปรด จิตก็เลยผ่องใสไปสวรรค์ก่อน แต่บาปกรรมที่ทำไว้ก็ไม่ได้หายไปไหน เมื่อไรผลบุญตรงนั้นหมด จากเทวดาไม่ได้มาเกิดเป็นคนนะ สามารถตกนรกได้เลยเรื่องของกรรมมีความซับซ้อน ทั้งกรรมดีกรรมชั่วอยู่ในใจของเรา รอจังหวะเวลาที่จะแสดงผล
ถ้าเราจะไปคิดเรื่องกรรมแล้วละก็เป็นบ้าเปล่า เพราะมันซับซ้อนมาก จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ต้องตั้งใจนั่งสมาธิจนกระทั่งเกิดญาณทัสนะ แล้วไปดูตอนนั้นถึงจะเข้าใจ ไม่ใช่รู้ด้วยจินตมยปัญญา หรือปัญญาจากความคิดแต่เข้าใจด้วยภาวนามยปัญญา คือ ปัญญาจากการทำสมาธิภาวนาที่เรียกว่ารู้แจ้ง ถึงจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้
4. โลกวิสัย คือ เรื่องของโลก เช่น โลกนี้โลกหน้ามีไหม นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ น้ำจะท่วมโลกด้วยภูเขาน้ำแข็งละลาย เราจะรอดอย่างไร ไฟจะไฟม่โลกด้วยพายุสุริยะเราจะไปอยู่ที่ไหน ต่างๆ นานาเป็นต้น คิดให้หัวแตก คิดให้เป็นบ้าก็คิดไม่ออก บุรพาจารย์ท่านแนะไว้ว่า ถ้าอยากรู้ต้องนั่งสมาธิจนเกิดญาณทัสนะแล้วค่อยไปดู จะพบทางรอด
ทั้งหมด 4 หัวเรื่องใหญ่นี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรคิด คิดแล้วจะมีส่วนแห่งความเป็นบ้าให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมจนเกิดญาณทัสนะจึงจะไปรู้ไปเห็นได้ด้วยประการฉะนี้
ร่วมบุญกับทางวัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี กรุณา Donation check payable to "Buddhist Meditation Society" หรือ อีกบัญชีหนึ่งชื่อ Wat Phrathat Thongsethi ส่งไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้พร้อมนี้ 6763 East Avenue H. Lancaster CA 93535 ส่วนท่านที่สะดวก Transfer money with Zelle ก็โอนด้วยเบอร์ (562) 249-3789 รูปขอจำเริญพร