ข่าว
'มาร์ค'รับห่วงรัฐ คอรัปชันบานฉ่ำ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.รับ ห่วงรัฐไม่สนใจแก้ปัญหา คอรัปชันที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น สั่งจับตา รัฐบาลเตรียมเสนอใช้ ก.ม.ท้องถิ่นมาใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ร. จี้นายกฯ โปร่งใสงบช่วยน้ำท่วม

วันที่ 20 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการฟ้าวันใหม่ทางบลู สกายแชลแนล ทีวี ถึงการประชุมรัฐสภาร่วมเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ว่า การพิจารณาที่ผ่านมาจะเห็นว่า กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากได้ตั้งธงไว้แล้ว แต่ฝ่ายค้านจะขอทำหน้าที่ให้ดี โดยเฉพาะจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่า มีจำนวน 99 คน มาจากการเลือกตั้ง 77 คนและมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน ซึ่งก็ไม่เหนือความคาดหมาย

อย่างไรก็ตาม คาดว่า การพิจารณาจะไม่จบในวันนี้ (20 เม.ย.) คงจะมีการอภิปรายต่อในวันที่ 21-22 เม.ย.ต่อไป โดยจะมีประเด็นที่น่าจับตา คือ การนำกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นมาใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งทางพรรคเห็นว่า มีปัญหา น่าจะเปิดช่องให้พรรคการเมืองสามารถส่งผู้สมัครลงได้ และสามารถหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ร.ได้ สุดท้าย ส.ส.ร.ก็จะถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมือง

ห่วงคอรัปชันบานฉ่ำ จี้รัฐเผยข้อมูลโครงการ นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่หอการค้า ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน ที่ออกมาระบุถึงโพลว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะให้ความสำคัญกับการแก้ ปัญหาคอรัปชันว่า น่าเป็นห่วงมาก เพราะปัญหาการทุจริต คอรัปชัน มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งตนก็ยอมรับว่า ปัญหาการคอรัปชันมีทุกยุค ทุกสมัย แต่หากว่า ประชาชนหรือผู้เกี่ยวข้อง มีความรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ให้ความสนใจ หรือให้ความสนใจน้อย ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข อีกทั้งการการทุจริต คอรัปชัน จะเป็นตัวที่กัดเซาะความสามารถ ประสิทธิภาพและ โอกาสของประเทศ มันก็จะรุนแรงมากขึ้น ขณะนี้ทางภาคเอกชนก็ออกมาเคลื่อนไหวแต่รัฐบาลกลับเพิกเฉย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีของงบประมาณที่ช่วยเหลือเรื่องอุทกภัย ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันว่าจัดเป็นงบกลางจะต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ เอาเข้าจริงพอเครือข่าย องค์กรต่าง ๆ เขาอยากจะเข้ามาดูก็ยังไม่ได้รับความสะดวก

“นายกฯ จะต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุด จะดำเนินการโครงการอะไรต้องเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ว่าโครงการไปอยู่ที่ไหน โครงการทำอะไร ใช้เงินเท่าไหร่ ประมูลกันไปเมื่อใด ใครได้รับงานไป แล้วก็งานจะต้องเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ คุณภาพงาน สเปกงานเป็นอย่างไร เพื่อ ให้ประชาชนทราบ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่จะเป็นตัวที่ช่วยไม่ให้ภาษีของประชาชนสูญเปล่า โดยไม่ได้รับสิ่งที่ควรได้รับกลับมา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว.

ปลื้มปีติ 'ในหลวง' เสด็จวัดพระแก้ว

พสกนิกรสุดปลื้มปีติได้เฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วทรงนำทอดพระเนตรและถวายการบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังไทยเรื่องรามเกียรติ์โดยรอบพระระเบียง จำนวน 178 ห้อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดพระเนตรความงดงามภายในพระอุโบสถ ซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้นกลางห้อง ...

โดยเมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 20 เม.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากอาคารที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง ทางประตูศรีรัตน์ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์สูทสีน้ำเงิน ทับฉลองพระองค์เชิ้ตลายจุดสีฟ้า สนับเพลาสีดำ ทรงมีพระพักตร์ที่แจ่มใส โดยมี ศ.คลินิก นพ.ดิเรก จุลชาต เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง โดยมีพสกนิกรที่ทราบข่าวเฝ้ารอรับเสด็จฯอยู่ห้องโถงชั้นล่างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ต่างพร้อมใจกันกล่าวคำว่า “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนที่เสด็จฯประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากโรงพยาบาลศิริราช

จากนั้นเวลา 17.30 น. เสด็จฯ ถึงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วทรงนำทอดพระเนตรและถวายการบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังไทยเรื่องรามเกียรติ์โดยรอบพระระเบียง จำนวน 178 ห้อง ก่อนเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดพระเนตรความงดงามภายในพระอุโบสถ ซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้นกลางห้อง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตในบุษบกทองคำ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปางสมาธิ แกะสลักด้วยหยกมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 48.3 เซนติเมตร สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร 66 เซนติเมตร และพระพุทธรูปที่สำคัญอีกจำนวนมาก ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช.

ขายหนังสือบนเน็ต ถูกฝรั่งฟ้อง18ล้าน

กลายเป็นคดีตัวอย่าง กรณีนายสุภาพ เกิดแสง นศ.ม.เซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ที่สหรัฐฯ ขายตำราเรียน 8 เล่มของตนเองผ่านอีเบย์ กับ บ.สำนักพิมพ์ฟ้องลิขสิทธิ์ 18 ล้าน ด้านเจ้าตัวมั่นใจมีทางชนะ เผยได้ทนายมือดีของสหรัฐฯ ช่วยว่าความฟรี เพราะต่างชาติให้ความสนใจเป็นกรณีศึกษา...

จากกรณี เมื่อ 16 เม.ย. 55 ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เปิดรับพิจารณาคดีนายสุภาพ เกิดแสง นักศึกษาไทยของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐฯ ซึ่งประกาศขายตำราเรียน 8 เล่ม ของตนเองผ่านเว็บไซต์อีเบย์ของสหรัฐฯ เมื่อปี 2553 ทำให้สำนักพิมพ์จอห์น ไวลีย์ แอนด์ ซัน เจ้าของลิขสิทธิ์ตำราเรียน ยื่นฟ้องในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะตำราเรียนที่ประกาศขายเป็นฉบับตีพิมพ์เพื่อจำหน่ายในเอเชียเท่านั้น และศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ได้สั่งให้นายสุภาพจ่ายเงิน 600,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 18 ล้านบาท) เป็นค่าเสียหายแก่สำนักพิมพ์ ศาลอุทธรณ์ยืนคำตัดสินของศาลชั้นต้น เป็นเหตุให้คดีถูกส่งต่อมายังศาลสูงสุดเพื่อขอคำตัดสินขั้นชี้ขาด ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2555 ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายสุภาพ เกิดแสง ที่ขณะนี้เป็นอาจารย์สอนอยู่ในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม และได้เผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า สำหรับคดีนี้เป็นคดีละเมิดลิขสิทธิ์ โดยกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นได้ให้สิทธิ์ในการขายให้เช่า ให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์ ทั้งหมดโดยเด็ดขาด และมีกฎหมายอีกข้อที่เขียนไว้ว่าลิขสิทธิ์ของอเมริกาบอกว่า ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์ขายของที่เจ้าของผลิตอย่างถูกต้องตามกฏหมายไปแล้ว จะมาฟ้องร้องไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เจ้าของลิขสิทธิ์พิมพ์หนังสือมา 1 เล่ม เค้ามีสิทธิ์ในการควบคุมหนังสือเล่มนั้น แต่เมื่อเขาขายให้กับเราแล้ว เราเอาไปขายต่อนั้น เขาก็มาบังคับเราไม่ได้ คล้ายกับเราซื้อรถมาแล้วเอาไปขายเป็นมือสองอันเป็นเรื่องปกติ

อดีต นศ.ไทยฯ ของ ม.เซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย กล่าวต่อว่า สำหรับ คดีนี้ผมมอบให้ทนายเป็นชาวอเมริกัน ที่อยู่ในนิวยอร์กเป็นผู้ว่าความให้ โดยทนายคนนี้เป็นทนายที่มีชื่อเสียงในระดับชาติ ที่เขายื่นมือเข้ามาว่าความให้เพราะเขาสนใจ และอยากให้เป็นคดีตัวอย่างของประเทศเขา ผมสู้มาถึงตรงนี้แล้ว หากศาลจะตัดสินให้ชดใช้เงินจำนวนมหาศาลนั้นผมคงไม่มีไปจ่าย เพราะที่ผ่านมาผมเสียค่าทนายคนไทยที่ว่าความให้ไปแล้วถึง 6 ล้านบาท และไม่มีจะเสียแล้ว ผมคิดว่าผมทำถูกต้องและในใจผมคิดเสมอว่า จะไม่แพ้ หากแพ้จะกลายเป็นคดีที่พิสดารที่สุด และเป็นเรื่อง ของการค้าระหว่างประเทศด้วย เช่นการสั่งสินค้าจากจีนไปขายก็จะทำไม่ได้ หากถ้าไปขายต่อก็จะมีปัญหาขึ้นทันทีในเรื่องการฟ้องร้องทางลิขสิทธิ์ ผมเชื่อในความยุติธรรมของศาลสูงสุดของที่นั่น

นายสุภาพ กล่าวอีกว่า หนังสือที่ขายไปนั้นไม่ใช่เฉพาะ 8 เล่ม เท่านั้น ผมขายไปหมดรวมแล้วหลายสิบเล่ม แต่ที่เขาเอามาฟ้องมีอยู่ 8 เล่ม ผมซื้อจากประเทศไทยไป เพราะหาซื้อทางคอมพิวเตอร์ เพราะถ้าไปซื้อที่อเมริกานั้นราคาสูงมากเล่มละ 3-4 พันบาท เลยหาซื้อจากเมืองไทยไป เมื่อจบแล้วผมก็ขายไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่าซื้อมาแล้วใช้แล้วขายไม่ได้ สำหรับคดีของผมนั้นได้รับแจ้งจากทนายความว่าศาลน่าจะพิจารณาตัดสินในเดือน มิถุนายน ปีหน้า ขณะนี้ก็ได้แต่สอบถามกันเท่านั้น ซึ่งทางทนายของนิวยอร์กนั้นเขาไม่คิดค่าใช้จ่ายในการว่าความแม้แต่บาทเดียว เพราะคดีนี้เป็นคดีที่ชาวอเมริกันต่างให้ความสนใจมากเช่นกัน ผมยังมีความมั่นใจว่าชนะ ตอนนี้ยังไม่ขอพูดว่าแพ้แล้วต้องทำอย่างไร.