ข่าว
เยอรมนีอนุญาตผู้ผลิต ส่งรถถังรุ่นเก่า ‘เลพเพิร์ด 1’ ให้ยูเครน

รัฐบาลเยอรมนีอนุญาตให้ผู้ผลิตสามารถส่งรถถังรุ่นเก่ากว่าอย่าง เลพเพิร์ด 1 ไปให้ยูเครนได้แล้ว หลังก่อนหน้านี้อนุมัติรถถังเลพเพิร์ด 2 ภายใต้แรงกดดันจากชาติพันธมิตร

เมื่อวันศุกร์ที่ 3 ก.พ. 2566 นายสเตฟเฟน เฮเบชไตรต์ โฆษกรัฐบาลเยอรมนีออกมายืนยันว่า รัฐบาลอนุมัติใบอนุญาตแก่ผู้ผลิต ให้สามารถส่งออกรถถังประจัณบานรุ่นเก่าอย่าง เลพเพิร์ด 1 ให้ยูเครนได้แล้ว เพิ่มการสนับสนุนยูเครนซึ่งกำลังต้องการอาวุธเพื่อรับมือการรุกรานจากรัสเซีย

สัปดาห์ก่อนหน้านี้ เยอรมนีเพิ่งอนุมัติส่งรถถังเลพเพิร์ด 2 จากคลังอาวุธให้แก่ยูเครน แต่ผู้ผลิตหลายเจ้าในประเทศต้องการส่งรถถังรุ่นเก่ากว่าที่พวกเขามีอยู่ในสตอกด้วย

นายเฮเบชไตรต์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับใบอนุญาตดังกล่าว แต่ตามรายงานของ แดร์ ชปีเกล (Der Spiegel) สื่อในเยอรมนี ระบุว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรถถัง เลพเพิร์ด 1 จำนวน 29 คันที่ผู้ผลิตของกองทัพเจ้าหนึ่งเก็บเอาไว้ในสตอก

ขณะที่หนังสือพิมพ์ ซุดดอยเชอร์ ไซตุง (Süddeutsche Zeitung) รายงานว่า ผู้ผลิต 2 เจ้าต้องการตกแต่งรถถังเลพเพิร์ด 1 หลายสิบคันที่พวกเขาเก็บเอาไว้ใหม่เพื่อส่งให้ยูเครน แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญปัญหาเรื่องการจัดหาเครื่องกระสุนก็ตาม

กงสุลใหญ่ฯ เข้าร่วมพิธีรับมอบตำแหน่งนายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ ณ วัดไทยลอสแองเจลิส

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ฯ พร้อมด้วย นางสาวพีร์ภากรณณ์ เนียมใย โดยมี นางวรินท์ทิพย์ แจ้งดี อดีตนายกสมาคมฯ (ค.ศ. 2021 - 2022) นางนุชนาฏ อุงอำรุง นายกสมาคมฯ คนปัจจุบัน (ค.ศ. 2023 - 2024) คุณสมชาย ไททัน ที่ปรึกษาสมาคมฯ รวมทั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดเก่าและชุดปัจจุบัน ผู้แทนสมาคม/องค์กร และสื่อมวลชล เข้าร่วมพิธี

กงสุลใหญ่ฯ ได้กล่าวขอบคุณนางวรินท์ทิพย์ แจ้งดี อดีตนายกสมาคมฯ และคณะกรรมการบริหารฯ ที่ได้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนไทยในด้านต่าง ๆ และให้ความร่วมมือกับสถานกงสุลใหญ่ฯ มาด้วยดี และแสดงความยินดีต่อนางนุชนาฏ อุงอำรุง ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ พร้อมสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ ต่อไป นอกจากนี้ กงสุลใหญ่ฯ ได้ขอเชิญชวนให้สมาคม/องค์กร ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้คนไทยมาลงทะเบียนคนไทยในต่างประเทศเพื่อประโยชน์ต่อการรับข่าวสารต่างๆ และการรับความช่วยเหลือที่เหลือที่เกี่ยวข้องจากสถานกงสุลใหญ่ฯ


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสหรัฐฯ เตรียมเจออากาศเย็นเยือกทุบสถิติ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เตรียมเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นทุบสถิติ ในขณะที่ประชาชนหลายแสนคนในภาคใต้ซึ่งเพิ่งเจอพายุฤดูหนาวยังไม่มีไฟฟ้าใช้

เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 2 ก.พ. 2566 สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NWS) ประกาศเตือนว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญ arctic blast ที่อาจพัดลมเย็นสุดขั้วชนิดครั้งหนึ่งในชีวิตเข้ามา ซึ่งทำให้เกิดแผลน้ำแข็งกัดได้แม้จะสัมผัสโดนไม่ถึง 10 นาที

ทางการท้องถิ่นตั้งแต่รัฐเพนซิลเวเนียไปจนถึงรัฐเมน ต่างออกมาเรียกร้องให้ประชาชนจำกัดกิจ กรรมกลางแจ้งตลอดช่วงวันศุกร์และวันเสาร์นี้ (3-4 ก.พ.) ส่วนที่เมืองบอสตัน ซึ่งคาดกันว่าจะเผชิญลมเย็นอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส อยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉินเนื่องจากอากาศหนาวเย็นแล้ว

ส่วนอุณหภูมิในนครนิวยอร์ก และเมืองใหญ่อื่นๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าจะลดลงมาอยู่เลขหลักเดียวภายในวันเสาร์นี้ ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์

ทั้งนี้ คำเตือนสภาพอากาศหนาวเย็นล่าสุดมีขึ้นในขณะที่มีผู้เสียชีวิตในภาคใต้ของสหรัฐฯ เพราะอากาศเลวร้ายแล้ว 8 ศพตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ประชาชนอีกมากกว่า 500,000 คนในรัฐเท็กซัส, อาร์คันซอ, เทนเนสซี และมิสซูรี ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ หลังจากเผชิญกับพายุน้ำแข็ง

พายุดังกล่าวนำพาฝนเยือกแข็งมายังพื้นที่ภาคกลางตอนใต้ของสหรัฐฯ กระจายตัวจากรัฐเทนเนสซีไปยังเท็กซัสตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ ทำให้ประชาชนมากกว่า 12 ล้านคนต้องอยู่ภายใต้การเตือนภัยพายุน้ำแข็งตลอด

วันพฤหัสบดี โดยคาดว่าพายุจะสิ้นสุดลงในวันเดียวกันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่น้ำแข็งจะละลายหมดในวันศุกร์

ที่มา : bbc


สหรัฐจับตา “บอลลูนจีน” โผล่สอดแนม ไบเดนจ่อยิงทิ้ง-แต่หวั่นเกิดอันตราย

สหรัฐจับตา “บอลลูนจีน” – รอยเตอร์ รายงานวันที่ 3 ก.พ. ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา (เพนตากอน) เปิดเผยว่ากำลังจับตา “บอลลูนสอดแนม” ของจีนที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อาวุโสของเพนตากอนกล่าวอีกว่าบอลลูนดังกล่าวถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการสอดแนมสหรัฐฯ

ภายหลังหน่วยงานด้านความมั่นคงเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของบอลลูนลูกนี้ตั้งแต่เข้าน่านฟ้าสหรัฐฯเมื่อไม่กี่วันก่อน รวมถึงส่งเครื่องบินของกองทัพขึ้นสังเกตการณ์บอลลูนอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเครื่องบินเอฟ 22 ไว้ที่สนามบินรัฐมอนแทนา

อย่างไรก็ตาม เพนตากอนไม่คิดว่าบอลลูนของจีนเป็นภัยคุกคามด้านข่าวกรองเป็นพิเศษ “เราประเมินแล้วว่าบอลลูนนี้มีข้อจำกัดในมุมมองของการรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง” เจ้าหน้าที่อาวุโวกล่าวย้ำ

ด้านเอเอฟพีระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และคณะผู้บัญชาการกองทัพพิจารณาให้ยิงบอลลูนทิ้งขณะลอยลำเหนือพื้นที่การบินพลเรือนของรัฐมอนแทนา แต่ยกเลิกในเวลาต่อมา เนื่องจากการยิงบอลลูนในพื้นที่เปิดกว้างอาจเป็นอันตรายต่อประชาชนที่สัญจรไปมาด้านล่าง

ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของรัฐบาลวอชิงตัน เกี่ยวกับการพบเห็น “วัตถุต้องสงสัย” เป็น “บอลลูนสอดแนม” ของจีน ลอยตัวอยู่ในเขตน่านฟ้าของสหรัฐฯ “มานานหลายวันแล้ว” ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลวอชิงตันติดตามสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการส่งอากาศยานทางทหารตามประกบ

ทั้งนี้ แหล่งข่าวปฏิเสธให้ข้อมูลอย่างชัดเจนว่า บอลลูนสอดแนมลูกดังกล่าวลอยตัวอยู่สูงจากพื้นที่ดินในระยะเท่าใด แต่กล่าวว่า “อยู่เหนือเขตการจราจรสำหรับเครื่องบินพาณิชย์ แต่ต่ำกว่าอวกาศ”...

ขณะที่มีรายงานว่า ฝ่ายความมั่นคงต้องการยิงทำลายบอลลูนลูกนี้ ระหว่างที่เคลื่อนตัวในเขตน่านฟ้าของรัฐมอนแทนา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพอากาศ มาล์มสตรอม หนึ่งในฐานทัพนิวเคลียร์แห่งสำคัญของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นสถานที่เก็บหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 150 ลูก ทว่าเปลี่ยนใจในท้ายที่สุด เนื่องจากหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากชิ้นส่วนอาจแตกกระจายออกไปเป็นวงกว้าง...

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดต่อไปยังรัฐบาลปักกิ่ง “เพื่อแสดงความวิตกกังวลอย่างจริงจัง” แม้บอลลูนลักษณะนี้ยังไม่จัดว่าเป็น วัตถุมีประสิทธิภาพสูงในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง แต่ยืนยันว่า สหรัฐฯจำเป็นต้องดำเนินการที่จำเป็นภายในกรอบของกฎหมาย เพื่อปกป้องข้อมูลอ่อนไหวของประเทศ....

ขณะเดียวกัน 3 กุมภาพันธ์ 2566 รัฐบาลปักกิ่งกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างที่ระบุว่ามีบอลลูนสอดแนมของจีนเหนือดินแดนของสหรัฐฯ พร้อมเตือนว่าอย่าประโคมข่าวเกินจริงเกี่ยวกับประเด็นนี้

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 กล่าวว่า จากกรณีที่เพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีเกี่ยวกับการเฝ้าติดตามบอลลูนสอดแนมลูกหนึ่งของจีนที่บินเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฏหมายและน่าสงสัย โดยเพนตากอนตรวจพบและเฝ้าติดตามบอลลูนสอดแนมดังกล่าวมา 2-3 วันแล้ว และพร้อมจะยิงทำลายทันที หากบอลลูนสอดแนมลูกดังกล่าวสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ

รัฐบาลปักกิ่งโดย เหมา หนิง โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศกล่าวในการบรรยายสรุปประจำวันว่า จีนกำลังดำเนินการตรวจสอบประเด็นกล่าวอ้างเรื่องบอลลูนสอดแนม ดังนั้น จนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏ การคาดเดาและบิดเบือนประเด็นใดๆ (ของสหรัฐฯ) จะไม่ช่วยแก้ไขให้อะไรดีขึ้น

“เป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เราไม่มีเจตนาที่จะละเมิดดินแดนหรือน่านฟ้าของประเทศอธิปไตยใดๆ และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะจัดการกับสถานการณ์ด้วยความใจเย็นและรอบคอบร่วมกัน” เหมาหนิงกล่าว

ปัจจุบัน บอลลูนลูกดังกล่าวแล่นอยู่เหนือน่านฟ้าในทิศทางที่มุ่งไปยังพื้นที่คลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และการตรวจพบเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนการเยือนจีนของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ


แพทย์ มช.เตือน PM 2.5 อันตรายเงียบทำให้เกิดโรคทางสมอง แนะใส่หน้ากาก N95

อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มช.ชี้ PM 2.5 ภัยเงียบสุดอันตราย กระทบระบบทางเดินหายใจ ทำให้เด็กไอคิวต่ำ สมาธิสั้น และคนสูงวัย ทำให้เสี่ยงเกิดโรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ รวมทั้งหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกได้

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศในจังหวัดเชียงใหม่ปรากฏหมอกควัน ไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้ชัดเจนจากพื้นด้านล่าง โดยดอยสุเทพถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน บริเวณสนามบินเชียงใหม่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันไปทั่วบริเวณ แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสายการบิน

ทางประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานมาว่า ทางกรมควบคุมมลพิษกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง ได้ระบุ คุณภาพอากาศบริเวณ ต.ช้างเผือก อ.เมือง, เชียงใหม่ ในวันนี้ จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) มีค่า 57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (Mg/m3) อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ด้านคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และเลขานุการและกรรมการบริหารศูนย์โรคสมองภาคเหนือ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ข้อมูลการรู้ทัน รู้ป้องกัน PM 2.5 ภัยร้ายก่อให้เกิดโรคสมอง โดยระบุว่า ปัญหา PM 2.5 ภัยร้ายที่คาดไม่ถึง ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ สำหรับเด็กจะส่งผลให้ไอคิวต่ำลง พัฒนาการช้าลง สมาธิสั้น ซึมเศร้า ในผู้ใหญ่ มีผลต่อโรคสมองเสื่อม ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งภาวะหลอดเลือดสมองตีบ หรือหลอดเลือดสมองแตก บางรายเป็นโรคเหล่านี้แต่อาการไม่ปรากฏ เมื่อเจอหมอกควัน PM 2.5 จึงเกิดอาการทันที เมื่อมีฝุ่นควันพิษที่เรียกว่าควันพิษจิ๋ว

เบื้องต้นเมื่อสูดเข้าไปในร่างกาย จะมีอาการคัดจมูก คอแห้ง มีอาการไอ เหนื่อยง่าย แต่ในความเป็นจริง PM 2.5 มีความร้ายแรงแอบแฝงมากกว่านั้น หากเทียบ PM 2.5 กับเส้นผมของมนุษย์ เมื่อตัดเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม ขนาดของเส้นผมจะมีขนาด 50-70 ไมครอน แต่เมื่อดูตัวของฝุ่นพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ต่างๆ ที่ลอยไปในอากาศ ซึ่งเรียกว่า PM 2.5 จะมีขนาดเล็กถึง 25 เท่า เมื่อเล็กมากจึงสามารถผ่านเข้าตัวดักกรองเข้าไปในระบบหายใจเข้าไปยังบริเวณปอด และสามารถหลุดเข้าไปในกระแสเลือดไหลเวียนทั่วร่างกายได้

PM 2.5 มีผลต่อสมองทั้งทางตรงและทางอ้อม หลังจากที่มีการสูดดมเข้าไป ช่องโพรงจมูกจะเป็นทางผ่านที่ทำให้ PM 2.5 ผ่านเข้าไปที่สมอง และเซลล์ประสาทโดยตรง หรือแม้กระทั่งผ่านกระแสเลือดที่ย้อนกลับมาขึ้นสู่สมองได้ ผลกระทบเฉียบพลัน จะมีอาการระคายเคืองจมูก มึนงง ง่วง ซึม หลับ กระตุ้นให้เกิดไมเกรนมากขึ้น หากเป็นเด็กที่อยู่ในวัยเรียนจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตต่อสมอง หากเป็นผู้ป่วยที่มีปัญหาทางโรคสมอง เป็นอัมพาตที่เคยมีประวัติหลอดเลือดสมองตีบมาก่อน เมื่อได้รับ PM 2.5 จะทำให้อัตราการเกิดสมองตีบในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า

ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม หรือผู้ป่วยมีภาวะสูงวัยแล้วเกิดสมองเสื่อม PM 2.5 ที่มีขนาดสูงจะไปกระตุ้นต่ออาการ ในผู้สูงวัยที่มีปัญหาโรคภาวะสมองเสื่อม อาทิ เสี่ยงจากโรคอัลไซเมอร์ เสื่อมจากโรคสูงวัยมาก ทำให้อัตราการนอนโรงพยาบาลสูงขึ้น นำไปสู่โรคของผลแทรกซ้อนมากมาย ผลกระทบระยะยาว อาจส่งผลให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคปอด โรคมะเร็ง โรคอัมพาต เป็นต้น โดยจะเปรียบเทียบได้กับบุคคลที่สูบบุหรี่ สิ่งที่สำคัญคือเมื่อเข้าไปในสมองจะเกิดปฏิกิริยาที่เกิดในสมองเรียบร้อยแล้วเกิดสะสมจะเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ต่อสมองเป็นอย่างมาก

แนวทางการป้องกัน คือ ให้ใส่หน้ากาก N95 งดทำกิจกรรมบริเวณพื้นที่โล่งกลางแจ้ง โรงเรียนหรือบ้าน ควรมีห้องสมุดที่มีเครื่องกรองอากาศ คลีนรูม (ห้องที่มีอากาศสะอาด) เช็คอากาศจากเครื่องวัดค่าอากาศ เผชิญกับ PM 2.5 ให้น้อยที่สุด

ฮ่องกง จัดแคมเปญ Hello Hong Kong กระตุ้นท่องเที่ยว แจกตั๋วเครื่องบิน 5 แสนใบ

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ฮ่องกง จัดงานเปิดตัว แคมเปญโปรโมชั่นระดับโลกล่าสุด “Hello Hong Kong” แจกบัตรโดยสารเครื่องบินฟรีจำนวน 500,000 ใบ รวมถึงข้อเสนอสุดเด็ดที่มาพร้อมกับเวาเชอร์ “Hong Kong Goodies” ให้ใช้ในการท่องเที่ยวฮ่องกง

โดย วายเค แปง ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง กล่าวว่า ฮ่องกงได้กลับมาเฉิดฉายในฐานะจุดหมายปลายทาง สำหรับนักเดินทางทั่วโลกอีกครั้งแล้ว และในครั้งนี้ เรามาพร้อมกับข้อเสนอที่น่าตื่นเต้นกว่าที่เคย และเราพร้อมที่จะต้อนรับผู้คนจากทั่วโลกแบบอลังการผ่านแคมเปญ “Hello Hong Kong” เชิญชวนให้ทุกคนได้กลับมาเก็บความประทับใจ

ขณะที่ นายแจ็ค โซ ประธานการท่าอากาศยานฮ่องกง กล่าวว่า ตั๋วสายการบินเหล่านี้ถูกซื้อในช่วงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของโรคระบาด แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในอนาคตของอุตสาหกรรมการบินฮ่องกง แคมเปญนี้จะช่วยกระตุ้นการสัญจรทางอากาศ และสร้างพื้นที่สื่ออย่างกว้างขวางให้ฮ่องกง จากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางและข้อกำหนดการกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวขาเข้าเมื่อปลายปีที่แล้ว การเดินทางของผู้โดยสารในสนามบินนานาชาติฮ่องกงก็เริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงไตรมาสสุดท้าย

นายเดน เฉิง ผู้อำนวยการบริหารการท่องเที่ยวฮ่องกง แถลงสามกลยุทธ์ฟื้นฟูการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวฮ่องกง เปิดเผยว่า แคมเปญดังกล่าวจะมีการเชิญอินฟลูเอนเซอร์ แฟนตัวยงฮ่องกงและตำนานดาวเพลงป๊อปกวางตุ้ง อย่าง กัวฟู่เฉิง, เฉิน ฮุ่ยหลิน และแซมมี่ เชง มาถ่ายทอดประสบการณ์พิเศษครั้งใหม่

ทั้งยังได้มอบตั๋วเครื่องบิน 500,000 ใบ ให้แก่ประเทศต่างๆ ผ่าน 3 สายการบิน ได้แก่ Cathay Pacific Airways, Hong Kong Express และ Hong Kong Airlines โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป และจะมีการแจกเวาเชอร์ “Hong Kong Goodies” กิน เที่ยว ช้อป สำหรับนักท่องเที่ยว อย่างน้อย 1 ล้านชุด โดยผู้ที่ได้รับเวาเชอร์นี้จะสามารถรับเครื่องดื่ม Welcome Drink ฟรีที่บาร์ ร้านอาหาร และโรงแรมที่ร่วมรายการ หรือจะกำบัตรเงินสดไปแลกใช้บริการในส่วนของการเดินทาง ร้านอาหาร ซื้อสินค้าตามร้านค้าปลีก หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ