ข่าว
ผบ.ทบ.อย่าให้ทหารเลือกข้าง ยีนยันขอยืนอยู่ฝ่ายประชาชน

วันที่ 27 ธ.ค. 56 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยหลังประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ว่าเป็นการประชุมนัดพิเศษประจำเดือน ซึ่งปฏิบัติกันมาเป็นประจำทุกปี ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ และไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมในกรุงเทพฯ

แต่เป็นการรายงานผลการทำงานประจำปี และแผนขับเคลื่อนกองทัพบกในปีต่อไป เพราะวันนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วง พร้อมเรียกร้อง อย่านำทหารไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ทหารต้องดูแลชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ความขัดแย้งวันนี้ กองทัพบกไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจของเจ้าหน้าที่ หรือทอดทิ้งประชาชนได้ แต่ยังมีประชาชนอีกมากที่อยู่ตรงกลางหรือข้างอื่นๆ ที่พร้อมออกมาต่อสู้เช่นกัน

ทั้งนี้ ตนเองมีหน้าที่ขับเคลื่อนให้ประเทศเดินไปข้างหน้า เพราะวันนี้ประเทศมาถึงทางแยกที่เดินไปทางซ้ายก็ไม่ได้ ขวาก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่หยุดทั้งสองฝ่ายไว้ก่อน ดังนั้นขออย่านำทหารไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวด้วยว่า ขอร้องทุกคนช่วยกัน วันนี้ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ หรืออยู่เฉย พยายามทำทุกอย่างให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพราะห่วงประเทศชาติ แต่การแก้ปัญหาเป็นเรื่องของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้

"ทหารจะสร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัย เพื่อนำประชาชน ประเทศชาติ ก้าวต่อไปข้างหน้าให้ได้ ให้ทุกฝ่ายพอใจ แต่วันนี้ผมยังไปไม่ถึงตรงนั้น" ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง วานนี้ว่า ได้ติดตามสถานการณ์และคลิปเหตุการณ์ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งมาให้ดูโดยตลอด ซึ่งมันน่ากลัว และน่าเป็นห่วง เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำให้คนกลุ่มใหญ่เสียหาย ด้วยการพยายามใช้ความรุนแรง วิธีการคล้ายเหตุการณ์ปี 53 ซึ่งคนเหล่านี้อาจคิดว่า หากรุนแรงแล้วจบ แต่ขอร้องว่าอย่าทำ

ขณะเดียวกัน เข้าใจอารมณ์ของตำรวจในขณะนั้น จนทำให้สถานการณ์บานปลาย จึงโทษทั้งสองฝ่ายที่ไม่มีความอดทน ดังนั้นจึงขอร้องว่า อย่าคิดแก้ปัญหาด้วยวิธีการอันรวดเร็ว ควรใช้วิธีสงบ สันติ เพราะสุดท้ายคนสูญเสีย คือ คนข้างหลัง ไม่ใช่คนเปิดฉาก

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 ควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการ แต่ตนเองมีหน้าที่ไปเลือกตั้งหากยังมีอยู่เท่านั้น เช่นเดียวกับการปฏิรูปประเทศควบคู่กับการเลือกตั้ง ที่เห็นว่าขึ้นอยู่กับ 2 ฝ่าย หากพอใจก็คงเกิดขึ้นได้ แต่หากไม่พอใจก็ตีกันต่อ ส่วนการปฏิรูปประเทศ ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันที่ต้องดำเนินการต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแบบสากล ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ มันลำบาก

ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า ไม่ได้ปิดหรือเปิดประตูการรัฐประหาร ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ โดยมีสถานการณ์เป็นตัวกำหนด แต่ถามว่า วันนี้หากรัฐประหารแล้วจะฟังหรือไม่ ประเทศไทยมีคนกี่กลุ่ม ดังนั้นควรให้กำลังใจกองทัพ เพราะกองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชนได้เสมอ

ทั้งนี้ ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. บ้างแล้ว แต่นายสุเทพยังยืนยันจุดยืนเดิม เพราะมีมวลมหาประชาชน ขณะที่รัฐบาลก็ยืนยันจะเดินตามกติกา ไม่มีใครยอมใคร ดังนั้นหากจะถามว่า วันนี้จะยุติยังไง ให้ไปถามคนทั้งประเทศ

ขณะเดียวกันไม่ขอแสดงความเห็นว่า รู้สึกอย่างไร เวลาเห็นนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์แล้วมีน้ำตาคลอ เพราะตนเองไม่ได้มองนายกรัฐมนตรีในฐานะอื่น แต่มองว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนควรเข้มแข็งกว่านี้หรือไม่ เห็นว่า ขนาดไม่แข็งเหตุการณ์ยังรุนแรงขนาดนี้

ผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่า ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่อึดอัดกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ดังนั้น ตอนนี้ขอให้ประชาชนพักผ่อนช่วงเทศกาลปีใหม่กลับบ้านไปกราบพ่อแม่ ลืมเรื่องบาดหมาง และขออย่าทำอะไรให้ตนเองและคนอื่นสูญเสีย.

"สุเทพ" หลั่งน้ำตาอาลัยคนตาย ประกาศยึดกรุงเทพฯ หลังปีใหม่

ในเวลา 19.40 น. วันที่ 27 ธ.ค. แกนนำ กปปส.ร่วมกับ กลุ่ม คปท.และกลุ่ม กปท.ได้ร่วมกันจัดพิธีไว้อาลัยให้กับ นายวสุ สุฉันทบุตรที่เสียชีวิตจากกระสุนปืน จากเหตุการณ์การประทะระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่ม คปท.และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณสนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยนายสุริยะใส กตะศิลา ได้นำกล่าวไว้อาลัย พร้อมยืนไว้สงบนิ่งไว้อาลัย เป็นเวลา 1 นาที จากนั้น แกนนำและผู้ชุมนุมได้ร่วมกันนำดอกไม้พร้อมเทียนวางเพื่อแสดงความอาลัยที่รูปของนายวสุที่บริเวณหน้าเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งนี้ ขณะที่มีพิธีไว้อาลัยได้มี นายธนิต ศรีกลิ่นดี ขึ้นเป่าขลุ่ยพร้อมตัวแทนผู้ชุมนุมอ่านบทกวีไว้อาลัยด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างทำพิธี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.ถึงกับน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ

จากนั้น เวลา 20.20 น. นายสุเทพ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ไม่คาดคิดว่านายวสุ ต้องมาเสียชีวิต ทราบว่านายวสุได้ร่วมชุมนุมมตั้งแต่สมัยการชุมนุมของพันธมิตร และเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร กลุ่ม คปท.มาโดยตลอด ทั้งนี้ตนได้โทรศัพท์แจ้ง ผบ.ทบ.ว่าให้ช่วยบอก ผอ.โรงพยาบาลพระมงกุฎให้ช่วยชันสูตรศพบนายวสุแทนการถูกศพไปชันสูตรที่โรงพยายาลตำรวจด้วย ทั้งนี้ ด้วยความอาลัยที่มีเพื่อนร่วมอุดมการต้องเสียชีวิต และขออย่าให้พี่น้องมีใจอาฆาตต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีตำรวจ คือ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่สน.ตลาดพลู ก็เสียชิวิตเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับพวกเรามาก่อน โดยด.ต.ณรงค์ก็ทำตามหน้าที่ นอกจากมีผู้ที่เสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ความสุญเสียที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เราพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงทุกวิถีทางแล้ว

“เมื่อวานนี้ก็มีการชักชวนให้พี่น้องที่เวทีราชดำเนิน ไปช่วยสมทบที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง แต่ผมก็ได้ห้ามไว้ เพราะเห็นตำรวจได้ใช้แก็สน้ำตา ตั้งแต่เวลา 07.30 น. และมีการใช้ปืนยิงแก๊สน้ำตา ซึ่งเป็นสิ่งอันตราย โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย กระทั่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ผมไม่อยากให้อาฆาตพยาบาทกับเจ้าหน้าที่ แต่เราต่อสู้กับระบอบทักษิณ จึงอยากวิงวอน เจ้าหน้าที่ว่าอย่านำเหตุนี้ไปขยายผลให้เกิดความแตกแยกไปมากกว่านี้ เพราะมีความพยายามปลุกระดมให้ตำรวจทั้งหลายเกลียดการชุมนุมของพวกเรา มีการปลุกระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4-5หมื่นนายให้แต่งกายเดินผ่านพวกเราไปยังวัดตรีทศเทพฯ ที่ตั้งศพ ด.ต.ณรงค์ และชักชวนให้ตำรวจตั้งแถวที่สะพานสารสิน เพื่อเข้ามาปราบปรามพวกเรา ผมอยากเรียนไปถึงพี่น้องข้าราชการตำรวจ เพราะคนที่นี่ไม่มีใครคิดว่าเจ้าหน้าที่เป็นศัตรูของพวกเรา แต่เรากล่าวโทษนายตำรวจระดับสูง คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. จึงขอให้ตำรวจทั้งหลายมีสติ” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การเสียชีวิตของตำรวจไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2553 ก็มีตำรวจเสียชิวิต 2 นาย ซึ่งมาจากการกระทำของชายชุดดำ ถ้าหากพี่น้องตำรวจโกรธเพราะ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ เสียชีวิต เพราะการกระทำของผู้ชุมนุม แต่ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีบุคคลสวมชุดดำขึ้นไปอยู่บนตึกสูง ซึ่งจากการชันนสูตรศพด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ เสียชีวิตมาจากกระสุนที่มาจากตึกสูง ซึ่งไม่ใช้พื้นที่ของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ พล.ต.อ.อดุลย์ และ พล.ต.อ.วรพงษ์ต้องไปสอบสวน ไม่ใช้เรื่องที่ไปปลุกระดมให้พี่น้องตำรวจมาโกรธแค้นพวกเรา กลับกันทำไมถึงไม่ปลุกระดมให้โกรธแค้นชายชุดดำที่ทำให้ตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2553 ซึ่งชายชุดดำเป็นพวกเดียวของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งนายวสุ และด.ต.ณรงค์เป็นเหยื่อของระบอบทักษิณ ทั้งนี้ มีการปลุกปั่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้มาโกรธแค้นเรา โดยนายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปบอกว่า ถ้าพวกเราชนะ จะยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน อย่าไปหลงเชื่อกับหนังสือของกระทรวงมหาดไทย จึงขอให้มีสติ และควรมาร่วมกับการชุมนุมของพวกเรา ไม่ใช้เป็นเครืองมือให้กับระบอบทักษิณ เหมือน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นใครอยู่เบื้องหลังเราไม่อาจรู้ได้ แต่ว่าต้องมีตำรวจปลอมเข้าไปอยู่ โดยที่มีตำรวจจริงรู้เห็น ซึ่งสตช.มีหน้าที่ต้องสอบสวนเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายสุรพงษ์ ออกมาแลถงกล่าวหาว่า ตนนำข้อมูลเท็จมาพูดบนเวที คือรูปชายถือปืน ในเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี 2551 ซึ่งปรากฏอยู่ในสื่อออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งให้คนทั่วไปเข้าใจผิด ใครที่ได้ประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว คือ ผู้กระทำ อย่างไรก็ตาม มีความพยายามจับตัวผม กับ นกเขา ให้ได้ก่อนวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ผมไม่ว่าอะไร หากอย่ามาใช้ความรุนแรงฆ่าประชาชน แต่อย่าฆ่าประชาชนมือเปล่า เพราะทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้ พร้อมที่จะทำตัวเป็นแกนนำต่อสู่ให้ได้รับชัยชนะ ต้องขอบคุณ กกต.ทุกท่าน ที่เห็นเหตุการณ์ความรุนแรง ได้ออกแถลงการณ์เพื่อเสนอรัฐบาลให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ตนได้ประเมินผิดว่า กกต.เป็นพวกรับใช้ระบอบทักษิณ ซึ่งความจริงแล้ว พวกท่านมีอุดมการณ์อยู่ฝ่ายประชาชน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไม่ออกมาแสดงความรู้สึกใดๆกับความสูญเสียดังกล่าว

“หลังปีใหม่ ให้พี่น้องต่างจังหวัดที่ต้องการยึด กทม.ให้เตรียมเสื้อผ้าข้าวของมาให้พร้อม ส่วนคน กทม.ก็สะส่างงานให้เสร็จ เพราะเราจะไม่เหลือพื้นที่ไว้สักตารางนิ้วเดียว เพื่อร่วมต่อสู้กันจนกว่าจะชนะ ส่วนคนกทม. ที่ไม่พร้อมให้ไปอยู่บ้านญาติต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม ได้จัดตั้งกองทุน กปปส.ขึ้น และ กปปส.จะให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิต ซึ่งรวมเจ้าหน้าที่ตำรวจ รายละ 1 ล้านบาท และได้ยกร่างคำฟ้องเพื่อดำเนินดดีกับ สตช. โดยเฉพาะ พล.ต.อ.วรพงษ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในภาพ รวมถึง นายธาริต เพ่งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และดีเอสไอด้วย และจะไปยื่นฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ผมจะขอแรงพีจะขอให้พี่น้องน้องประชาชนร่วมกันลงชื่อเพื่อไปยืนต่อนายธาริต เพื่อดำเนิคดีฐานกบฎกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ หากนายธาริตไม่ยอมดำเนินคดี พี่น้องที่ลงชื่อ 1 แสนคนก็จะฟ้องนายธาริตให้ได้ 1 แสนคดี” นายสุเทพ กล่าว


53พรรคการเมืองลงสมัคร รับเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ

การรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ วันที่ 27 ธันวาคม เป็นวันสุดท้าย สิ้นสุดในเวลา 16.30 น. มีพรรคการเมืองเดินทางสมัครที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ในวันนี้ทั้งหมด 15 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อประชาชนไทย พรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต พรรคพลังชล พรรคเพื่อประชาธิปไตยไทย พรรคมาตุภูมิ พรรคชาติไทยสามัคคี พรรคประชาราษฎร์ พรรคธรรมาภิบาล พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคคนกีฬา พรรคเงินเดือนประชาชน พรรคมหาชน พรรคไทยรักธรรม และพรรคเพื่อแผ่นดิน

ทำให้การรับสมัคร 5 วัน รวมเป็นทั้งสิ้น 53 พรรค ได้แก่

หมายเลข 1 พรรคชาติพัฒนา 125 คน หมายเลข 2 พรรคถิ่นกาขาว 4 คน หมายเลข 3 พรรครักประเทศไทย 20 คน หมายเลข 4 พรรคเสรีนิยม 6 คน หมายเลข 5 พรรคพลังสหกรณ์ 85 คน หมายเลข 6 พรรคภูมิใจไทย 125 คน หมายเลข 7 พรรคภราดรภาพ 25 คน หมายเลข 8 พรรคพลังประชาธิปไตย 7 คน

หมายเลข 9 พรรคเพื่อสันติ 20คน หมายเลข 10 พรรคชาติสามัคคี 5 คน หมายเลข 11 พรรคพลังประเทศไทย 17 คน หมายเลข 12 พรรคประชาสามัคคี 3 คน หมายเลข 13 พรรคกสิกรไทย 5 คน หมายเลข 14 พรรคชาติไทยพัฒนา 125 คน หมายเลข 15 พรรคเพื่อไทย 125 คน หมายเลข 16 พรรคแทนคุณแผ่นดิน 5 คน หมายเลข 17 พรรคพลังเครือข่ายประชาชน 20 คน

หมายเลข 18 พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 49 คน หมายเลข 19 พรรคไทยมหารัฐพัฒนา 4 คน หมายเลข 20 พรรคพลังไทยเครือข่าย 10 คน หมายเลข 21 พรรคยางพาราไทย 6 คน หมายเลข 22 พรรคดำรงไทย 3 คน หมายเลข 23 พรรครักษ์สันติ 5 คน หมายเลข 24 พรรคประชาธิปไตยใหม่ 54 คน หมายเลข 25 พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า 18 คน

หมายเลข 26 พรรคเมืองไทยของเรา 8 คน หมายเลข 27 พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย 16คน หมายเลข 28 พรรคพลังไทยรักชาติ 17 คน หมายเลข 29 พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย 26 คน หมายเลข 30 พรรครักไท 4 คน หมายเลข 31 พรรคเสียงประชาชน 39 คน หมายเลข 32 พรรคคนขอปลดหนี้ 4 คน หมายเลข 33 พรรคประชาสันติ 7 คน

หมายเลข 34 พรรคอาสาสมัครไทย 24 คน หมายเลข 35 พรรคเพื่อชีวิตใหม่ 3 คน หมายเลข 36 พรรคประชากรไทย 11 คน หมายเลข 37 พรรคสร้างไทย 3 คน หมายเลข 38 พรรคประชาธรรม 6 คน หมายเลข 39 พรรคเพื่อประชาชนไทย หมายเลข 40 พรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต หมายเลข 41 พรรคพลังชล หมายเลข 42 พรรคเพื่อประชาธิปไตย หมายเลข 43 พรรคมาตุภูมิ

หมายเลข 44 พรรคชาติไทยสามัคคี หมายเลข 45 พรรคประชาราษฎร์ หมายเลข 46 พรรคธรรมาภิบาล หมายเลข 47 พรรคเพื่อชาติ หมายเลข 48 พรรคเพื่อธรรม หมายเลข 49 พรรคคนกีฬา หมายเลข 50 พรรคเงินเดือนประชาชน หมายเลข 51 พรรคมหาชน หมายเลข 52 พรรคไทยรักธรรม และหมายเลข 53 พรรคเพื่อแผ่นดิน

"สุรพงษ์" แถลงโต้ "เทือก" ไม่เคยใช้ภาพใส่ร้ายม็อบ

เวลา 11.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แถลงเหตการณ์การชุมนุมที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงเมื่อวานนี้ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่ สน.ตลาดพลู ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่หน้าอกเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ ตนขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติพี่น้องของท่านด้วย

นายสุรพงษ์ ระบุว่า การชุมนุมประท้วงโดยยึดหลักสันติ ปราศจากอาวุธตามสิทธิในรัฐธรรมนูญเราให้ความเคารพ แต่การชุมนุมประท้วงและใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธเข้าทำร้ายกันเป็นสิ่งผิดกฎหมายและถือว่าเป็นการก่อการจลาจลที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ขอให้พี่น้องประชาชนใคร่ครวญคิดให้รอบครองก่อนตัดสินใจกระทำการใดลงไปนอกจากนี้มีกระบวนการพยายามกุข่าว แต่งเรื่องขึ้นเพื่อยุแหย่สร้างความเข้าใจผิดในหมู่ผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปตลอดเวลา เช่น กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ได้พยายามกล่าวหาใส่ร้ายว่าตนนำเอาภาพชายลึกลับถืออาวุธปืนในท่าพร้อมยิงมาแสดงผ่านการแถลงข่าวของตนเมื่อวานผ่านสถานีโทรทัศน์วงการเฉพาะกิจ ตนจะมอบหมายให้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นผู้ชี้แจงแทนในเรื่องดังกล่าว โดยสามารถย้อนดูคลิปการแถลงข่าวดังกล่าวย้อนหลังได้ทางฟรีทีวีทุกช่อง

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ กกต.มีข้อห่วงใยว่าการจัดการและดูแลเรื่องการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 อาจจะเกิดความวุ่นวาย ไม่สงบ และการเลือกตั้งไม่สามารถสำเร็จได้ ตนจะเดินทางเข้าพบและหารือ ผบ.สูงสุดเพื่อขอรับการสนับสนุนในการดูแลและ รปภ. รักษาความเรียบร้อยให้แก่ สส. แบบแบ่งเขตในแต่ละพื้นที่เลือกตั้งในแต่ละจังหวัดดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนในวันเลือกตั้งด้วย และจะขอร้องเพิ่มเติมให้ทหารสนับสนุน กกต. ในกรณีข้อห่วงใยว่าการเลือกตั้งจะไม่บริสุทธ์ เพื่อเป็นหูเป็นตาแก่ กกต.แต่ละจังหวัดด้วย

ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ กล่าวเสริม กรณีที่นายสุเทพ แกนนำผู้ชุมนุม กล่าวหานายสุรพงษ์ รองนายกฯ บนเวทีค่ำวานนี้ว่าได้ใช้ภาพถ่ายที่เป็นเท็จแถลงข่าว โดยระบุว่าเป็นภาพเก่าที่เกิดขึ้นจากการสถานการณ์การชุมนุมเก่า โดยระบุว่าผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง ตนขอยืนยันว่าสิ่งที่นายสุเทพ กล่าวอ้างรวมทั้งรูปภาพที่นำมากล่าวหานายสุรพงษ์นั้นเป็นการใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งการแถลงข่าวของนายสุรพงษ์ตลอดวานนี้ไม่ปรากฎภาพที่นายสุเทพกล่าวอ้างแต่อย่างใด พร้อมได้เปิดคลิปการแถลงข่าวของนายสุรพงษ์เมื่อวานนี้ประกอบการชี้แจงด้วย