ข่าว
ทำไม ...อธิบดีดีเอสไอ ต้องเป็น "กรวัชร์ ปานประภากร "

30 เมษายน 2563 - 16:54 น. สุดท้าย "กรวัชร์ ปานประภากร" ก็ได้ขึ้นนั่งอธิบดีดีเอสไอตามมติ ครม.หลังจากที่ก่อนหน้านี้"ส่อ"ว่าจะชวดเก้าอี้ใหญ่ตัวนี้ไปแล้ว แต่ก็เหมือนกับ " แมวเก้าชีวิต"ที่กลับมาได้ ทำไมต้องเป็น"กรวัชร์ " และต้องจับตา"คดีวัดพระธรรมกายฟอกเงิน" ที่อาจร้อนขึ้นมาอีก

ท่ามกลางกระแสข่าว" โควิด- 19 " ที่กลบข่าวอื่นทุกข่าวมาเป็นเวลานาน

เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ครม.มีมติแต่งตั้ง ‘พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร’ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เป็น "อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ" หรือที่เรียกกันว่า " อธิบดีดีเอสไอ"

ก่อนหน้านี้ 20 ก.พ.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เคยตั้งพ.ต.ท.กรวัชร์ นั่งรักษาการในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอมาแล้ว เนื่องจากพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ป่วย ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้นานเป็นเดือน (และสุดท้าย พ.ต.อ. ไพสิฐ ก็ต้องลาออก)

โดยให้เหตุผลในการตั้ง พ.ต.ท. กรวัชร์ เป็นรักษาการอธิบดีดีเอสไอ ในครั้งนั้นว่าเพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และ พ.ต.ท.กรวัชร์ เป็นผู้มีประสบการณ์ เคยเป็นรองอธิบดีดีเอสไอมาก่อน และมีอาวุโสสามารถปกครองคนได้

พ.ต.ท.กรวัชร์ นั่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ อยู่ได้ประมาณเดือนเศษ แต่แล้วจู่ๆก็มี "บิ๊กเซอร์ไพรส์ " เมื่อกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่ง ที่ 109/2563 ลงวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 ยกเลิกคำสั่งที่แต่งตั้งให้ พ.ต.ท. กรวัชร์ รักษาการอธิบดีดีเอสไอ แล้วให้ " นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ " รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ

ท่ามกลางข่าวลือที่ว่า สาเหตุหลุดจากรักษาการอธิบดีเอสไอ เพราะไม่สามารถสนอง"ใบสั่ง" ทางการเมือง ที่ต้องการไม่ให้ดีเอสไอ อุทธรณ์คดีที่ศาลยกฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย เพื่อคดีจะได้จบไป

เวลานั้นใครๆก็คิดว่า พ.ต.ท. กรวัชร์ ชวดตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ แน่แล้ว ประกอบกับ นพ.ไตรยฤทธิ์ หลังได้นั่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอแทน พ.ต.ท.กรวัชร์ มาแรงมาก "ขึ้นหม้อ" เลยทีเดียว

แต่แล้วเหมือนกับเป็น"แมวเก้าชีวิต" พ.ต.ท.กรวัชร์ กลับได้มานั่งเป็น" อธิบดีดีเอสไอ" คราวนี้เป็นตัวจริง ไม่ต้องนั่ง"รักษาการ" อีกต่อไปแล้ว

ทำไม นพ. ไตรยฤทธิ์ ถึงไม่ได้เป็นอธิบดีดีเอสไอ

แหล่งข่าววิเคราะห์ให้ฟังว่า 1. เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เป็นงานเกี่ยวกับคดี งานสอบสวน อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งมาคุมกรมฯนี้ จะต้องรู้เทคนิคการทำงานคดี ลูกน้องทำคดีมาอย่างไรต้องรู้ และ รู้กฎหมาย มิเช่นนั้นจะคุม"กำลังพล" คุมเกม ไม่ได้

แต่ นพ. ไตรยฤทธิ์ เป็นนายแพทย์ เส้นทางมาจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จึงไม่ใช่งานสายตรงหรือถนัดของ นพ.ไตรยฤทธิ์

2.ปกติแล้วคนที่จะมานั่งเป็นอธิบดีดีเอสไอ ไม่ได้มาจากรองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นระดับ 9 แต่จะมาจากระดับ 10 เช่น ผู้ตรวจราชการ หรือรองปลัดยุติธรรม หรืออธิบดีกรมใดกรมหนึ่งในกระทรวงยุติธรรม

" ที่มาจากรองอธิบดีดีเอสไอ ขึ้นเป็นอธิบดีดีเสไอ แทบไม่มีอยู่แล้ว จะมีก็ในยุค คสช.เมื่อครั้งที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ ขึ้นเป็นอธิบดีดีเอสไอ โดยมาจากรองอธิบดีเอสไอ"

ส่วน พ.ต.ท.กรวัชร์ ได้เป็นอธิบดีดีเอสไอ เพราะ

1.ทำงานในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ได้ทันที ไม่ต้องเรียนรู้งาน เพราะมีความรู้ด้านกฎหมาย ด้านทำคดีอยู่แล้ว และเป็นลูกหม้อของดีเอสไอคนหนึ่ง เพราะอยู่ดีเอสไอมานานทำคดีมาตั้งแต่ยุคแรกๆ และที่เป็นที่ยอมรับของคนกรมฯนี้

2. การมานั่งเป็นอธิบดีเอสไอของ พ.ต.ท.กรวัชร์ เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติและตามขั้นตอนอยู่แล้ว ที่คนมาเป็นอธิบดีดีเอสไอ มักจะมาจากระดับ 10 เช่น ผู้ตรวจราชการ กระทรวงยุติธรรมหรือรองปลัดยุติธรรมหรืออธิบดีกรมใดกรมหนึ่งในกระทรวงยุติธรรม สำหรับ พ.ต.ท. กรวัชร์ มาจากผู้ตรวจราชการ

นอกจากนี้ พ.ต.ท. กรวัชร์ ยังมีคอนเนคชั่นกับคนสำคัญหลายคน กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ก็ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันและเป็นคนสุโขทัยด้วยกัน ,ตท.20 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ,นรต.36 มีเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งการมี "คอนเนคชั่น" เป็นเรื่องสำคัญ เพราะงานบังคับใช้กฎหมาย ต้องคุยกันและไปด้วยกัน

ที่ต้องจับตาต่อไปก็คือ" คดีวัดพระธรรมกายฟอกเงิน" เพราะ พ.ต.ท.กรวัชร์ เคยเป็นหัวหน้าชุดเข้าค้นวัดพระธรรมกาย และควานหาตัว"ธัมมชโย"มาแล้ว การที่ พ.ต.ท. กรวัชร์ มานั่งอธิบดีดีเอสไอคราวนี้ อาจมีการเดินหน้าสานต่อคดีฟอกเงิน ที่เหลืออยู่ที่ดีเอสไอ ก็เป็นได้

นอกจากนั้นก็เป็นการดำเนินคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และคดีทรัพย์สินทางปัญญา

ซึ่งต่างชาติโดยเฉพาะสหรัฐฯ จับตาประเทศไทยในเรื่องเหล่านี้อยู่ว่ามีความจริงใจแค่ไหน

พ.ต.ท. กรวัชร์ มีชื่อเล่นว่า "ดำ" เกิดเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2504 ปัจจุบันอายุ 59 ปี แล้ว เหลือเวลา 1 ปีเศษ ก็จะเกษียณอายุราชการ

เขาเริ่มเส้นทางราชการจากการเป็นตำรวจ เติบโตในงานสืบสวนสอบสวนจนถึงปี 2545 ในตำแหน่ง รองผกก.4 กองบังคับการกองปราบปราม

ในปี 2547 ย้ายมาดีเอสไอ ตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 7 สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ

ปี 2555 เป็นผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค แล้วขึ้นเป็นรองอธิบดีดีเอสไอในปี 2560 จากนั้นขึ้นเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมในปี 2562

เคยทำคดีสำคัญมาหลายคดี โดยสมัยที่เป็นตำรวจสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คลี่คลายคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร สามารถจับกุม"กำนันเป๊าะ" , รื้อฟื้นคดีการฆาตกรรมนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ , เป็นทีมสอบสวนและดำเนินคดีกรณีออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์มิชอบของผู้มีอิทธิพล จ.ภูเก็ต , คลี่คลายคดีการฆาตกรรมแกนนำต่อต้านการสร้างบ่อขยะราชาเทวะ, เป็นคณะทำงานสอบสวนการทุจริตของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ จำกัด (BBC) , คลี่คลายกรณีการฆาตกรรมด้วยวัตถุระเบิดกลางตัวเมือง จ.นครสวรรค์

เมื่อย้ายมาอยู่กรมสอบสวนคดีพิเศษทำคดีขบวนการบุกรุกพื้นที่ อ.กะปง จ.พังงา , คดีนายทุนต่างชาติบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อ.เกาะยาว จ.พังงา, เป็นคณะพนักงานสอบสวนกรณีกลุ่มมาเฟียต่างชาติกรรโชกทรัพย์นักท่องเที่ยว อ.เกาะสมุย,คดีรถหรูจดประกอบเลี่ยงภาษี, คดีการหายตัวไปของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย นายบิลลี่ พอละจี

ไทยตอนบนร้อน "ใต้" ฝนตกต่อเนื่อง เตือน 12 จังหวัดระวัง เสี่ยงท่วม

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อน มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วน "ภาคใต้" ฝนตกต่อเนื่อง ขอประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ระวังอันตรายจากฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก 1-5 พ.ค.นี้ หย่อมความกดอากาศต่ำ มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น อาจส่งผลให้คลื่นลมในทะเลอันดามันสูง 2 ม. ฝุ่นละออง-หมอกควันระยะนี้ ลดลงทุกภาค คุณภาพอากาศดีขึ้น

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.63 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า หย่อมความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไป ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ลักษณะเช่นนี้จึงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น สำหรับภาคใต้ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณเกาะสุมาตรามีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้

อนึ่งในช่วงวันที่ 1-5 พ.ค.63 หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณหัวเกาะสุมาตรา มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามันห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่นละอองในระยะนี้ เนื่องจากบริเวณประเทศไทยมีฝนตกเป็นระยะๆ ทำให้สภาวะหมอกควันลดลงโดยทั่วไป และคุณภาพอากาศดีขึ้นตามลำดับ

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ตาก กำแพงเพชร และสุโขทัย อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส

ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย ชัยภูมิ นครราชสีมา และบุรีรัมย์ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมี คลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้า คะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


ร้อง กกต.ยุบพลังประชารัฐ

1 พ.ค. 2563 05:25 น. “ผู้กองนัส” ขยับนัดถกก๊วน ส.ส. ชี้เป้า 3 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เดินเกมป่วนอยากเป็น รมต. “วิเชียร” ยังไม่เห็นใบลาออกจาก ก.บห.ของ “ณัฏฐพล” “เรืองไกร” เอาจริงยื่น กกต.สอบยุบ พปชร. ฐานปล่อย “เสธ.อ้น” จุ้นจ้านแทรกแซงกิจการภายใน “สุทิน” ฉะซ้ำไร้มารยาทการเมือง ตัวการทำลายระบบชัดเจน ติงอย่าออกหน้าออกตาจนน่าเกลียด “วัชระ เพชรทอง” ข้องใจเลขาสภาฯปฏิบัติหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ เตือนสติ “เสี่ยหนู” อย่าลืมคำมั่น “ทำงานเอากล่อง ไม่เอาเงิน” “เรืองไกร” บี้ “ชวน” สู้คดีเต็มที่หวั่นเสียค่าโง่อีกคดี “อยู่วิทยา” เสนอ “บิ๊กตู่” ผุด “พึ่งตน เพื่อชาติ” “มหากิจศิริ” เปิดตลาดพืชผลเกษตร ส.ส.ภท.กระทุ้งสอบการบินไทยขาดทุนยับ ก้าวไกลถามจะอุ้มบินไทยหรือ ปชช.ที่ใกล้ตาย

ศึกภายในพรรคพลังประชารัฐที่ดูเหมือนจะซาลงไป เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ออกมาหย่าศึกเอง แต่อาจส่งผลสะเทือนถึงขั้นยุบพรรค เมื่อนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ยื่นเรื่องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบกรณีมี ส.ว. เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของพรรคพลังประชารัฐ

“ผู้กองนัส” ขยับนัดถกก๊วน ส.ส.

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 30 เม.ย.ที่อาคารว่องวานิช ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม. มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กว่า 40 คน นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรค นัดพูดคุยกัน ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ที่ใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส มีการสะท้อนปัญหาจากชาวบ้านที่ได้รับการร้องเรียนมาก จากความเดือดร้อนในช่วงโควิด-19 ทั้งงบประมาณการช่วยเหลือบางพื้นที่ไม่ทั่วถึง การเยียวยา 5,000 บาท รวมถึงสะท้อนปัญหาอยากให้มีการรับฟังปัญหาจาก ส.ส.มากขึ้น มีระเบียบที่เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่บางคนไปสร้างความสับสน ปัญหาตรงนี้อยากขอเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์ พปชร. เพื่อสะท้อนปัญหา นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าและเลขาฯพรรค โดยทางกลุ่มเห็นว่าไม่ใช่ปัญหาของพรรค แต่เป็นปัญหาของคนเพียง 3 คนที่ออกมาเคลื่อนไหว ซึ่ง 3 คนนี้อยู่ในบัญชีรายชื่อและเป็นคนที่ยังไม่เป็นรัฐมนตรี แต่อยากเป็นรัฐมนตรี เชื่อว่าผู้ใหญ่ในพรรคคงไม่รู้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตรเองคงไม่รู้ เชื่อว่าไม่มีใครสนใจปัญหาการเมือง เพราะสนใจแก้ปัญหาโควิด-19 อยู่

“ยังไม่เห็นใบลาออก “ณัฏฐพล”

นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ยื่นใบลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐว่า เห็นจากข่าวเหมือนกันว่าเซ็นใบลาออกแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสารใบลาออก และยังไม่เห็นมีใครมายื่นใบลาออกกับตน หรืออาจต้องถามหัวหน้าพรรค เพราะอาจมีคนไปยื่นผ่านหัวหน้าพรรคก็ได้ ทั้งนี้ตามระเบียบข้อบังคับพรรค หากมีกรรมการบริหารพรรคคนใดยื่นใบลาออก ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ทดแทน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถจัดประชุมได้ จากเดิมที่กำหนดทุกพรรคจะสามารถจัดประชุมใหญ่ได้ในเดือน เม.ย. เนื่องจากขณะนี้ยังติด พ.ร.ก.ฉุกเฉินกันอยู่

“สนธิรัตน์” เลิกนัดเกรงเป้าสายตา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังมีกระแสกดดันให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค พปชร.ช่วงที่ผ่านมา และมีข่าวว่านายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนำขั้ว กปปส. ยื่นใบลาออกจากกรรมการบริหารเพื่อเพิ่มแรงกดดันอีกขั้น แต่ปรากฏว่าหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประกาศหย่าศึกในพรรค ทั้งสองคนจึงออกมาปฏิเสธว่า “ไม่ได้ออก” ขณะที่การนัดพูดคุยที่ตอนแรก ร.อ.ธรรมนัส พร้อม ส.ส.พรรคประมาณ 40 คน จะเข้าร่วมหารือกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรค ที่กระทรวงพลังงาน เพื่อแสดงท่าที และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน แต่นายสนธิรัตน์ได้แจ้งยกเลิกไปก่อน เพราะเกรงจะถูกมองว่าเป็นการรวมตัวเพื่อแสดงพลังทางการเมือง ทำให้ ร.อ.ธรรมนัสเปลี่ยนที่พูดคุยไปอาคารว่องวานิชแทน

“เรืองไกร” ยื่น กกต.สอบยุบ พปชร.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ และอดีต ส.ว. กล่าวว่า ได้ส่งคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐกรณีกระแสข่าว “เสธ.อ้น” พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชา ส.ว. อยู่เบื้องหลังการเดินเกมให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แทนนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กรณีดังกล่าวอาจเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง นำไปสู่การยุบพรรคได้จากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.กนิษฐ์ที่ยอมรับว่าเข้าไปช่วยงานการเมือง พล.อ.ประวิตรนั้น มีข้อเท็จจริงที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 113 และ 114 ที่ระบุให้ ส.ว.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ฝักใฝ่ หรืออยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง รวมถึงฝ่าฝืน พ.ร.บ. พรรคการเมืองมาตรา 28, 29, 46 และ 90 (2) กรณีพรรคการเมืองยินยอมให้คนนอกที่มิใช่สมาชิกครอบงำทำให้ขาดอิสระ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค รวมถึงส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อไปด้วย ขอให้ กกต.ตรวจสอบคำให้สัมภาษณ์ พล.อ.กนิษฐ์ว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคพลังประชารัฐกระทำการเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่

พท.ฉะ ส.ว.ไร้มารยาทการเมือง

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนให้ ส.ว.ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง มีการบัญญัติไว้อย่างรัดกุมเคร่งครัด และมารยาทของ ส.ว. ยิ่งต้องคำนึงให้หนักเพราะสังคมตราหน้าว่า ส.ว.ชุดนี้มีที่มาไม่ชอบไม่สง่างาม และมีการกล่าวหามาตลอดว่า ส.ว. เป็นทหารเกณฑ์ของรัฐบาล การไปยุ่งเกี่ยวไปผูกพันหรือเดินเกมการเมืองให้พรรคการเมือง โดยมารยาทแล้วถือว่าไม่เกรงใจประชาชน ขาดมารยาททางการเมือง ส.ว.หลายคนมักพูดว่าตัวเองมาจากสภาสูง เป็นตัวแทนประชาชน แต่พฤติกรรมอย่างวันนี้ แสดงว่ามาจากพรรคพลังประชารัฐไม่ได้มาจากประชาชน วันนี้ ส.ว.ถูกสังคมกล่าวหาและเป็นผู้ต้องหาทางสังคม ดังนั้น ส.ว.ควรต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก

ซัดตัวการทำลายระบบชัดเจน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรยังเป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ในยุค คสช. และเลือก พล.อ.กนิษฐ์มาเป็น ส.ว. จะขัดหลักกฎหมายหรือไม่ เพราะยอมรับว่าทำงานให้นายกฯ และรองนายกฯมาตลอด นายสุทินตอบว่า อาจมองแบบนั้นได้ ถือเป็นการทำลายระบบอย่างชัดเจน และสะท้อนให้คนรู้ว่าเขาเป็นใคร ผูกพันกันอย่างไร อยากฝากไปยัง ส.ว.ทุกคน ขอให้แสดงออกอย่างพองาม ไม่ควรแสดงออกหน้าออกตาจนน่าเกลียด

บี้ “ชวน” สู้คดีเต็มที่หวั่นเสียค่าโง่

ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ต่อสู้คดีทางปกครองอย่างเต็มที่ จากกรณีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อศาลปกครองกลาง เรียกค่าเสียหาย 1,590 ล้านบาท จากการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้า ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย ในฐานะกมธ.ชุดนี้เคยร้องขอเอกสารเกี่ยวกับการสงวนสิทธิการฟ้องร้องของบริษัท ซิโน-ไทย จากสภาฯ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จนถูกบริษัทผู้รับจ้างฟ้องร้อง เกรงว่าจะเป็นการเสียค่าโง่อีกครั้ง โดยเฉพาะกรณีดังกล่าวอาจเกิดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องในทางอ้อมเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับคู่ความ ที่สาธารณชนทราบดีว่าเป็นใคร ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จึงขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสู้คดีอย่างเต็มที่ ตรงไปตรงมา เพราะหากสู้ไม่เต็มที่ อาจแพ้คดีจนกลายเป็นค่าโง่อีกคดีหนึ่งได้

ข้องใจเลขาสภาฯปฏิบัติหน้าที่

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการของนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นอย่างยิ่งว่าซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ เป็นพฤติกรรมที่ปกป้องผลประโยชน์ของราชการหรือไม่ ทั้งที่ความจริงสภาฯไม่ผิดและในสัญญาก็เขียนไว้ชัดแล้วว่าสภาฯไม่ต้องรับผิด ต้องพิสูจน์ความจริงกันในศาลว่าใครโกหกเพื่อหวังเงินภาษีอากรประชาชนหรือไม่ อีกทั้งสภาฯได้ขยายเวลาการก่อสร้างจากสัญญาเดิม 900 วันให้แก่บริษัทถึง 4 ครั้ง รวมผลงานการขยายเวลาให้บริษัทซิโน-ไทยฯของนายสรศักดิ์ล้วนๆ รวมทั้งสิ้น 1,864 วัน มากกว่าสัญญาหลักถึง 2 เท่า ผิดปกติวิสัยของวิญญูชนโดยทั่วไป ในสัญญาหากก่อสร้างล่าช้าบริษัทต้องจ่ายค่าปรับให้สภาฯวันละ 12 ล้านบาท จึงไม่ทราบว่าประเด็นที่รัฐเสียหายมากถึงขนาดนี้จะนำไปฟ้องศาลอาญาทุจริตได้หรือไม่ มิหนำซ้ำบริษัทซิโนฯ ยังมีหนังสือลงวันที่ 3 พ.ย.2559 ถึงเลขาธิการสภาฯเรียกค่าเสียหายถึง 1,605,228,940.83 บาท อันเป็นที่มาของการฟ้องศาลปกครองในครั้งนี้ ดังนั้นหากยังให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป ประชาชนจะเชื่อใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการซูเอี๋ยกัน

เตือนสติ “เสี่ยหนู” อย่าลืมคำมั่น

นายวัชระกล่าวต่อว่า การที่บริษัทซิโนฯฟ้องในครั้งนี้ เป็นการสวนทางกับที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เคยประกาศไว้อย่างสิ้นเชิงว่า “เอากล่องไม่เอาเงิน เอาศักดิ์ศรี เอาความภาคภูมิใจ” แล้วบริษัทซิโนฯไปฟ้องศาลปกครองเอาเงินอีก 1,569 ล้านบาททำไม ยิ่งตอนนี้อยู่ในภาวะที่รัฐบาลถังแตกต้องกู้เงินนับล้านล้านบาทมาดูแลประชาชนจากไวรัสโควิด-19 เงินแค่ 5,000 บาทยังแจกประชาชนได้ไม่ทั่วถึง แต่บริษัทซิโนฯของรองนายกฯกลับมาฟ้องร้องเรียกเอาเงินจากรัฐบาลถึง 1,600 ล้านบาท ในภาวะวิกฤติอย่างนี้ ต้องถามว่าใช้หลักธรรมาภิบาลข้อไหน

“อยู่วิทยา” ผุด “พึ่งตน เพื่อชาติ”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัวอยู่วิทยา มอบหมายให้นายธนิต บัวเขียว ผอ.ฝ่ายกฎหมายและบริหารความเสี่ยง กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือตอบรับการให้ความร่วมมือระดับชาติ เพื่อเอาชนะโควิด-19 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ทำจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐีไทย มี พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ คณะทำงานนายกฯ เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยเสนอทำโครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ด้วยเงินทุนเบื้องต้น 300 ล้านบาท ช่วง 3 ปีแรก ร่วมมือภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ และภาคการศึกษา ฝึกปฏิบัติวิธีสร้างแหล่งอาหารเพื่อดูแลตนเองและครอบครัว ให้ผู้ที่มีเป้าหมายชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง 100 คนแรกก่อน เพื่อบ่มเพาะแบ่งปันให้อีก 100 คนในชุมชนใกล้เคียง พร้อมสนับสนุนการใช้ที่ดินว่างเปล่าของครอบครัวอยู่วิทยา ให้ผู้เข้าร่วมใช้เป็นต้นทุนเรียนรู้และพัฒนา

“มหากิจศิริ” เปิดตลาดพืชผลเกษตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนเชอรัล เบฟ จำกัด ให้ตัวแทนนำหนังสือของนายประยุทธ์ มหากิจศิริ ประธานกลุ่มบริษัทพีเอมส์ กรุ๊ปส์ เจ้าของบริษัทไทยน็อคซ์ สเตนเลสและไทยคอปเปอร์ เจ้าของสนามกอล์ฟเลควูด เสนอรับซื้อผลผลิตเกษตรกร จ.ลำพูนโดยตรง 1,000 ครัวเรือนต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน รับซื้อผลิตผลทางการเกษตรจากวิสาหกิจชุมชนลำพูน หรือเกษตรกรแปลงใหญ่ 5,000 ครัวเรือนต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง การจัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาประสิทธิภาพและผลผลิต ทำวิจัยร่วมกับเกษตรกรในท้องที่ เพื่อพัฒนาคุณภาพและจำนวนผลผลิตให้ได้มากขึ้น หาตลาดทั้งในและต่างประเทศ นำร่องวิสาหกิจชุมชนที่ จ.ลำพูน 1,000 ครัวเรือน พร้อมเปิดพื้นที่หน้าถนนมิตรภาพ ทางเข้าเมาท์เทน ครีก กอล์ฟรีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนส์ สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ให้ประชาชนเดือดร้อนนำสินค้า พืชผักผลไม้ งานฝีมือ งานโอทอป มาวางจำหน่ายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 8 เดือน และเปิดโพสต์ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ www.411estore.com และใน 411 Application ไม่หักค่าใช้จ่าย

จี้คลังแสดงความจริงใจกับ ปชช.

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จนถึงวันนี้เราไม่เห็นท่าทีที่แสดงความจริงใจของกระทรวงการคลังเลย มีประชาชนเดินทางไปร้องทุกข์รายวัน เขาคับแค้นใจทนไม่ไหวฆ่าตัวตายไปแล้วกี่ศพ เรื่องง่ายๆที่สามารถแสดงความจริงใจได้ทันทีคือ ควรจัดพื้นที่และเจ้าหน้าที่มารับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน อย่าปฏิบัติเหมือนพวกเขาไม่มีสิทธิและเสียง ควรกล้าเผชิญหน้ากับประชาชนไม่ใช่ปิดประตูใส่เช่นนี้ งบที่กระทรวงการคลังมีอยู่ และกู้เงินมาตาม พ.ร.ก. เจียดมาสักนิด ชีวิตของพวกเขาต้องกัดฟันต่อสู้ดิ้นรน ไม่เหมือนพวกท่าน เงินเเค่เพียง 5,000 บาท ยังให้ไม่ทั่วถึงทุกชนชั้นของสังคม ทำไมใจดำเช่นนี้ มันคุ้มเเล้วหรือกับการที่พวกเขาต้องเอาชีวิตมาเเลกกับการบริหารของรัฐบาลที่ล้มเหลว เเละไม่เห็นหัวประชาชน

“หมอเอก” แนะรักษาทั้งโรคทั้งคน

นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรณีกรมสุขภาพจิตและ ศบค. ออกมาแถลงปฏิเสธว่าการฆ่าตัวตายที่เพิ่มมากขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากมาตรการรับมือของภาครัฐนั้น วิกฤตการณ์ครั้งนี้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างกว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และปัญหายังคงอยู่ อย่างน้อยที่สุดยังมีมาตรการ lock-down ต่อไปอีกหนึ่งเดือน ยิ่งส่งผลให้คนบางกลุ่มเริ่มเครียดและสิ้นหวังมากขึ้น จนอาจส่งผลต่อการฆ่าตัวตายที่อาจมีมากขึ้นอีกได้ สิ่งที่ ศบค.ควรทำคือเมื่อเห็นสัญญาณว่ามีการฆ่าตัวตายที่เกิดจากการช่วยเหลือไม่ทั่วถึง หรือเกิดจากมาตรการที่เน้น

แต่การลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจปากท้องน้อยกว่า ควรปรับมาตรการช่วยเหลือและผ่อนปรนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้บ้าง ไม่ควรรอให้มีผู้ฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่อยมาหาทางแก้ไข แต่ควรต้องแก้ปัญหาเชิงรุกมากกว่า เปิดสายด่วน อย่ารอให้เกิดเหตุเศร้ากับครอบครัวไหนอีกเลย เราควรทั้งรักษาโรคและรักษาคนด้วย

“ช่วยกันหน่อย” ต่อลมหายใจ

ที่บ้านย่านลาดปลาเค้า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มอบดอกกล้วยไม้ให้พี่น้องประชาชน เพื่อนำไปจำหน่าย ภายใต้กิจกรรม “ช่วยกันหน่อย” มีประชาชนที่ลงทะเบียนมารอรับดอกกล้วยไม้เป็นจำนวนมากคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า จะทำกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเนื่อง เพื่อเป็นช่องทางช่วยเหลือผู้เดือดร้อนและขาดรายได้ แต่รัฐบาลต้องเร่งเยียวยาพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะคนที่มีรายได้น้อย คนหาเช้ากินค่ำ ปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และใช้ชีวิตกินอยู่แบบมื้อต่อมื้อ สำหรับวงเงิน 6 แสนล้านบาท ที่รัฐเตรียมเยียวยานั้น สามารถดูแลประชาชนได้เกือบ 40 ล้านคน ต้องเร่งดำเนินการเพราะความหิวรอไม่ได้มีเหตุสลดใจหรือฆ่าตัวตายรายวัน โควิด-19 จะอยู่กับประเทศไทยไปอีกระยะหนึ่ง ไม่สามารถปิดเมืองระยะยาวได้ รัฐจำเป็นต้องทุ่มเททำให้เกิดการเปิดเมืองอย่างปลอดภัย

อัดปิดหูปิดตาไม่สนใจคนจน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไม่ให้ความสำคัญกับสภาฯ จึงไม่อยากให้เปิดสภาฯหารือการแก้ปัญหาให้ประชาชน เพราะคงเชื่อว่าไม่มีประโยชน์อะไรต่อรัฐบาล เลยไม่คิดจะให้ ส.ส.ใช้เวทีสภาฯมาตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้หากยังไม่ถึงเวลา มีการส่งสัญญาณผ่านพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญ ทั้งที่ช่วงวิกฤติโควิด-19 ส.ส.ทุกคนลงพื้นที่รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่มานำเสนอให้รัฐบาลรับทราบเพื่อหาทางแก้ปัญหา ถือว่ารัฐบาลทิ้งโอกาสที่จะได้สื่อสารกับประชาชน ไม่สนใจจะรับฟังเสียงของคนจนทั่วประเทศ ปิดโอกาสรับรู้ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างไม่รับผิดชอบ

สวน “ธนกร” แก้ตัวเฟกนิวส์ไปวันๆ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรมว.คลัง กล่าวหาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย บิดเบือนตัวเลขเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงประชาชนเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะบริหารจัดการเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ และไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินเท่าใดต้องบริหารจัดการให้โปร่งใสตรวจสอบได้ การอ้างว่ารัฐบาลคือพระเอกในใจประชาชน น่าจะเป็นเฟกนิวส์ครั้งใหญ่ เพราะคงไม่มีพระเอกที่ไหน ออกนโยบายผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จนมีประชาชนฆ่าตัวตายเกือบ 40 ราย และตัวเลขกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลควรนำข้อเสนอแนะที่ฝ่ายค้านท้วงติง ไปแก้ไขปรับปรุงการทำงานดีกว่า

“คึก” ลั่นเกาะติดปม 5 พันไม่มีปล่อย

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเสียชีวิตของ น.ส.ปลายฝน อ่ำสาริกา สาว รปภ.ที่วาดรูปนายกฯตัดพ้อชีวิตก่อนตัดสินใจผูกคอตายว่า รู้สึกเศร้าสลด เมื่อได้อ่านข้อความระบายความในใจก่อนฆ่าตัวตาย เป็นบทเรียนสำคัญของสังคมที่ต้องตระหนักถึงปัญหาชีวิตของเพื่อนมนุษย์ ตนเป็นลูกชาวนาผ่านชีวิตที่อดอยาก เข้าใจดีว่าชีวิตของคนยากจนอดมื้อกินมื้อหาเช้ากินค่ำเป็นอย่างไร คนไม่เคยจนไม่เคยอดข้าวคงไม่รู้ว่ามันลำบากแค่ไหน เงิน 10 บาทหรือ 100 บาท มีค่าเป็นอย่างมาก จึงยืนหยัดต่อสู้เรื่องการเยียวยาให้ผู้รับผลกระทบจากโควิด-19 แบบเกาะติดท้วงติงมาตลอด เพราะรู้ดีว่าเงิน 5,000 บาทต่อเดือน มีค่าต่อชีวิต เลี้ยงคนได้ทั้งครอบครัว ต้องเรียกร้องรัฐบาลเยียวยาให้ทั่วถึงทุกคนทุกสาขาอาชีพอย่างเสมอภาคเท่าเทียม ขอประกาศว่าจะต่อสู้เรื่องนี้ต่อไปจนกว่าคนจนทุกคนได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรม และเฝ้ารอดูว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินเยียวยาให้ครบทุกคนตามโครงการเราไม่ทิ้งกัน ภายในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.ได้จริงหรือไม่

กระทุ้งสอบการบินไทยขาดทุน

ที่รัฐสภา นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขอสนับสนุนให้กระทรวงคมนาคม เร่งหาสาเหตุการขาดทุนของการบินไทย เพราะมีข้อสงสัยว่าเหตุใดถึงขาดทุน ถ้าดูเรื่องการบริหาร จัดการ อย่างการจองตั๋วต้องซื้อผ่านเอเย่นต์พอจะจองบอกว่าเต็ม แต่เมื่อขึ้นไปบนเครื่องกลับพบว่ามีที่นั่งว่างจำนวนมาก คิดว่าน่าจะมีปัญหาที่ระบบจัดการ รวมถึงเรื่องสวัสดิการที่ทั้งหรู ดูดี อยู่สบาย จึงสนับสนุนให้กระทรวงคมนาคมเข้าไปตรวจสอบสาเหตุของการขาดทุน ว่ามีเรื่องการทุจริตหรือไม่ อย่างไรก็ตามขอคัดค้านแนวทางกระทรวงคมนาคม ที่จะให้ยกเลิกเส้นทางบินไปกระบี่ของการบินไทย โดยจะให้สายการบินต้นทุนต่ำมาดำเนินการแทน เพราะกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวระดับนั้นน้อยมากที่จะไปใช้บริการต้นทุนต่ำ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดคลี่คลายลง อยากให้ยกระดับสนามบินกระบี่ให้สูงขึ้น หลังได้งบลงทุนมาแล้วประมาณ 6,000 ล้านบาท อยากให้การท่องเที่ยวของกระบี่ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ได้รับการเยียวยาฟื้นกลับคืนมาโดยเร็ว

จะอุ้มบินไทย หรือ ปชช.ที่ใกล้ตาย

ด้านนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย วงเงิน 50,000 ล้านบาท ว่า พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยแผนฟื้นฟูโดยละเอียด ว่าใช้เงินเท่าไร ควรเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และทันเวลา ไม่ใช่รอให้เรื่องจบก่อนแล้วค่อยทำแบบขอไปที เราทราบดีว่าสถานการณ์โควิดทำให้การบินไทยตกระกำลำบากหนัก แต่ข้อเท็จจริงอีกด้านคือการบินไทยส่อจะเจ๊งและรัฐต้องอุ้มมาก่อนหน้านี้นานมากแล้ว จนสถานการณ์ของการบินไทยวิกฤติกว่าสายการบินอื่นมาก ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีกำไรแต่การแข่งขันสูงมาก ด้วยทีมงานส่วนมากของการบินไทยเป็นแบบเดิม ระบบระเบียบแบบกึ่งราชการ วัฒนธรรมองค์กรแบบเดิม ระบบเส้นสายและเรื่องทุจริตคอร์รัปชันมากมาย ในทางปฏิบัติจะสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน ประชาชนส่วนมากน่าจะเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่าเลิกอุ้ม ด้วยสถานการณ์แบบนี้ รัฐบาลต้องเลือกว่าจะอุ้มการบินไทยต่อไปอย่างไร้อนาคต หรือจะช่วยคนใกล้ตายที่อยู่ต่อหน้า หากเป็นพรรคก้าวไกลเราเลือกช่วยประชาชนคนใกล้ตายที่อยู่ต่อหน้าแน่นอน


อุ้มการบินไทย

1 พ.ค. 2563 - 00:10 น. แผนช่วยเหลือการบินไทย สายการบินของประเทศไทย เป็นไปตามกระแสของวงการธุรกิจการบินที่สายการบินแห่งชาติของนานาประเทศต่างขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19

การเดินทางทางอากาศหยุดชะงักไปทั่วโลก พนักงานของสายการบินต้องหยุดงาน เครื่องบินต้องจอดนิ่งบนพื้นที่ที่มีราคาที่ต้องจ่าย โดยไม่แน่ชัดว่าจะกลับมาดำเนินกิจการปกติได้เมื่อใด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่การบินไทยอาจแตกต่างจากสายการบินชั้นนำของโลกอื่นๆ คือมีปัญหาทางการเงินและการบริหารอยู่ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด

สิ่งที่คนทั่วไปได้ยินช่วงหลายปีที่ ผ่านมาคือ กิจการของการบินไทยขาดทุน เปลี่ยนผู้บริหารบ่อย แต่ยังผ่าตัดองค์กรไม่ได้

ข้อมูลงบการเงินปี 2562 ของ บมจ.การบินไทย มีหนี้สินของบริษัทและบริษัทย่อย 244,899 ล้านบาท และขาดทุนหลักหมื่นล้าน ต้องอาศัยกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมเข้าไปดูแล

ปี 2563 เมื่อการบินไทยประสบปัญหาใหญ่จากโควิด สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังเข้าไป ช่วยค้ำประกันเงินกู้ให้การบินไทย วงเงิน 50,000 ล้านบาท จากที่ขอมา 70,000 ล้านบาท

ตามรายละเอียดที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ขั้นตอนการกู้จะเริ่มได้ภายในเดือนพ.ค.2563 เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องระยะสั้นให้กับบริษัทจนถึงสิ้นปี 2563

ขณะเดียวกันการบินไทยต้องเร่งเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ในประเทศและเจ้าหนี้ต่างประเทศ รวมถึงทำแผนปรับลดค่าใช้จ่ายลง

ที่ประชุมคนร. สรุปว่าความช่วยเหลือดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาระยะสั้นและยาวของการบินไทยได้ รวมถึงให้การบินไทยช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนของประเทศได้อย่างยั่งยืน

ส่วนระยะต่อไปที่ต้องทำไปพร้อมๆ กันคือการปรับโครงสร้าง และการคัดเลือกบุคลากรมาช่วยบริหารการบินไทยให้อยู่รอดได้

การใช้เงินของรัฐเข้าไปอุ้มกิจการของการบินไทย ในภาวะที่ประชาชนวงกว้างยังไม่ได้รับการเยียวยาทั่วถึง จึงต้องรอบคอบระมัดระวังอย่างมาก

เพราะการอุ้มหมายถึงการใช้เงินของรัฐที่ได้จากประชาชน รัฐบาลจึงควรฟังเสียงประชาชนด้วย และฟังให้ดีๆ


นายกฯ รัสเซียติดโควิด “ปูติน” ปลอบใจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ จี้จริงจังยอดป่วยทะลุแสน!

1 พ.ค. 2563 - 07:39 น. รัฐมนตรีมิคาอิล มิชูสติน แจ้งกับ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 โดยนายมิชูสตินถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนแรกของประเทศที่ป่วยด้วยโรคดังกล่าว

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ส่อเค้าวิกฤตอย่างต่อเนื่อง หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 7,099 คน ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมทะลุแสนคน ที่ 106,498 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,073 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 101 ราย

สถานีโทรทัศน์รัสเซียเผยให้เห็นนายมิชูสตินหารือกับประธานาธิบดีปูตินผ่านทางวิดีโอคอล “ผมเพิ่งรู้ผลตรวจไวรัสโคโรนาว่าเป็นบวก” นายมิชูสตินกล่าว พร้อมเสนอให้ นายอันเดร เบลูซอฟ รองนายกรัฐมนตรีลำดับ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนตนในช่วงรักษาแยกกักตัวและรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งนายปูตินกล่าวเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของนายมิชูสติน

ขณะที่นายปูตินกล่าวปลอบใจนายกฯ ว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ นี่คือสิ่งที่ผมมักจะพูดเสมอ คุณเป็นคนขยันขันแข็ง และผมอยากจะขอบคุณต่องานที่คุณทำมาโดยตลอด” ผู้นำชาติมหาอำนาจยังกล่าวว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่งชี้ให้เห็นแล้วว่าไวรัสไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ และบอกให้นายมิชูสตินโทรศัพท์หาตนเพื่อแจ้งความคืบหน้าเมื่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ส่วนนายมิชูสตินที่มีสีหน้าอิดโรยและดูอ่อนเพลียระหว่างพูดคุย กล่าวเรียกร้องให้ชาวรัสเซียจริงจังกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และแนะนำให้หยุดอยู่บ้านตลอดช่วงวันหยุดยาวเดือนพ.ค. ซึ่งทางการขยายเพิ่มเป็น 11 วัน

ขณะเดียวกันหลายฝ่ายยกย่องที่นายมิชูสตินมีความรับผิดชอบ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเมื่อรู้ผลว่าป่วยก็รีบแยกกักตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายไวรัสไปยังผู้อื่น

ด้านนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่าการรับมือกับโควิด-19 ของประเทศมีประสิทธิภาพ และทำให้รัสเซียไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในอิตาลี

อย่างไรก็ตาม นายปูตินแถลงเตือนในเวลาต่อมาว่ารัสเซียไม่มีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เพียงพอต่อบุคคลากรทางการแพทย์ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินในหลายเขตปกครองทั่วประเทศ

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส พร้อมสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศฯ ช่วยเหลือชุมชนไทยที่เดือดร้อนในนครลอสแอนเจลิส

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 นางขวัญนภา ผิวนิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส และกงสุลชัชวาล หรยางกูร สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส นำอาหารแห้ง อาหารปรุงสุกและเครื่องดื่ม มอบให้กับศูนย์ช่วยเหลือชุมชนไทย ณ Hollywood Career College (1552 N. Western Avenue, Los Angeles 90027) เพื่อแจกจ่ายให้กับคนไทยที่ได้รับผลกระทบหรือตกค้างอยู่จากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 13.00-16.00 น.

ศูนย์ช่วยเหลือฯ ดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้และ Hollywood Career Center โดยการสนับสนุนจากสถานกงสุลใหญ่ฯ สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ผู้นำเข้าอาหารจากประเทศไทย เช่นบริษัท ไทยเพรสซิเดนท์ฟู้ดส์ จำกัด บริษัท Rockman Corp บริษัท Golden Star Trading บริษัท Taste Nirvana และบริษัท เถ้าแก่น้อย รวมทั้งเงินบริจาคจากประชาชนผู้มีจิตกุศล

เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม ขอให้ผู้ที่เดือดร้อนและประสงค์จะรับสิ่งของ ลงทะเบียนที่ 310 800 3069 ก่อนเดินทางไปรับของช่วยเหลือ