ข่าว
เปิดแผนฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ยื่นถอดถอน'ประธานาธิบดียุน'ออกจากตำแหน่ง

4 ธ.ค.67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ได้ยื่นญัตติถอดถอนยุน ซ็อก-ย็อล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งได้ประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินเมื่อคืนวันอังคาร (3 ธ.ค.) ก่อนมีการยกเลิกไปเมื่อช่วงเข้าสู่วันพุธ หลังจากรัฐสภาเกาหลีใต้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นชอบด้วย

สมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 191 คนจากพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก และพรรคฝ่ายค้านย่อยอีก 5 พรรคได้เสนอญัตติขับไล่ยุนออกจากตำแหน่ง

สื่อหลายสำนักรายงานว่า ฝ่ายค้านวางแผนรายงานญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมใหญ่ในวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) และลงมติในช่วงระหว่างวันศุกร์และวันเสาร์นี้ (6-7 ธ.ค.)

ตามกฎหมายของเกาหลีใต้ รัฐสภาที่มีสมาชิก 300 คนจะต้องลงคะแนนลับในการลงญัตติถอดถอนประธานาธิบดีภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเสนอญัตติต่อที่ประชุมใหญ่ ขณะที่รัฐธรรมนูญระบุว่าญัตติถอนจะต้องได้รับการเสนอโดยเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา และได้รับอนุมัติโดยสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อย 2 ใน 3

หากญัตติดังกล่าวผ่านสภาด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภามากกว่า 200 คน ศาลรัฐธรรมนูญจะทำการพิจารณาต่อเป็นเวลาสูงสุด 180 วัน ซึ่งระหว่างนี้ยุนจะถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่

แปลงโฉมต้อนรับปีใหม่'แม่นาค' จากฝีมือ'น้องฉัตร'ช่างแต่งหน้าชื่อดัง

ตื่นเต้นสุดๆเมื่อ น้องฉัตร ฉัตรชัย เพียงอภิชาต ช่างแต่งหน้าชื่อดังของเมืองไทย ได้แปลงโฉมแม่นาค พระโขนง ณ วัดมหาบุศน์ โดยน้องฉัตร ได้โพสต์ภาพก่อนลงมือแปลงโฉมและหลังเสร็จเรียบร้อยบนเฟซบุ๊ก Nongchat พร้อมเปิดใจว่าตื่นเต้นสุดๆ พร้อมขอความร่วมมือว่าอย่านำแผ่นทองไปแปะบริเวณที่ใบหน้าแม่นาค

" วันนี้น้องฉัตรมีโอกาสได้แต่งหน้าให้กับหุ่นปั้นแม่นาคพระโขนง ณ วัดมหาบุศน์ เพื่อเป็นการต้อนรับผู้ที่มากราบไหว้ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ น้องฉัตรรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นมากที่ได้แปลงโฉมให้กับแม่นาคครับ ถ้าใครไปแวะกราบท่าน น้องฉัตรวอนขอ อย่านำแผ่นทองไปแปะบริเวณที่หน้าแม่ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นข้อห้ามของทางวัดเช่นกัน และเพื่อที่แม่นาคของเราจะได้สวยแบบนี้ไปนานๆ ให้พวกเราเห็นครับ ขอบคุณทางวัด ผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่ทุกท่านในวัดที่ต้อนรับน้องฉัตรและทีมอย่างดี "


'ผู้สูงอายุ'ผิดหวังมติ ครม.ปรับเบี้ยคนชราแบบขั้นบันได จากไม่ตรงที่หาเสียง-เพิ่มเหลื่อมล้ำ

4 ธ.ค.67 ภายหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)สัญจรที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ โดยปรับแบบขั้นบันไดให้อายุ 60-69 ปี จากเดิมเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 700 บาท ,อายุ 70-79 ปี จาก เดือนละ 700 บาทเป็นเดือนละ 850 ,อายุ 80-89 ปี จากเดือนละ 800 บาท เป็นเดือนละ 1,000 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไป เดิมเดือนละ 1,000 บาทเป็นเดือนละ 1,250 บาท ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มผู้สูงอายุอย่างหนัก

ก่อนหน้านี้ เครือข่ายบำนาญประชาชน และศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบภาคประชาชน ได้ชุมนุมเรียกร้องหน้าทำเนียบรัฐบาล ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2563 ให้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 3,000 บาทถ้วนหน้า และเมื่อเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือต่อ พม. เสนอให้เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 บาท เป็น 1,000 บาทถ้วนหน้าทันที หลังจากนั้นในปีต่อๆไปค่อยๆปรับขึ้นจน 3,000 บาท โดยมีปลัดกระทรวง พม. เป็นผู้รับเรื่อง แต่ล่าสุด ครม.เห็นชอบปรับเพิ่มแบบขั้นบันได

น.ส.อุบล ร่มโพธิ์ทอง หรือป้าอุบล อายุ 70 ปี อดีตสาวโรงงานบริษัทไทยเกรียงสิ่งทอ จำกัด (มหาชน) ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบภาคประชาชน กล่าวว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรี พม. ยืนยันเซ็นปรับเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเพื่อเสนอ ครม.เป็น 1,000 บาทถ้วนหน้า โดยรัฐมนตรียังบอกอีกว่าเมื่อเข้าที่ประชุมแล้วไม่รู้จะออกมาอย่างไร

“แต่เราไม่ได้เห็นหนังสือที่รัฐมนตรีเซ็น พวกป้าคิดว่าจะไปทวงถามกันอยู่ เราไม่ได้เรียกร้องเพิ่มเบี้ยแบบขั้นบันได ผู้สูงอายุก็มีคุณค่า ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันหมดในสังคมนี้ไม่ว่าคนพิการหรือผู้สูงอายุ บางคนทำมาหากินไม่ได้แล้ว ถามว่าปรับเพิ่มเบี้ยออกมาแบบนี้ ผู้สูงอายุไม่มีใครพอใจหรอก แต่นี่ ครม.ออกแล้วจะทำอย่างไร ถ้าไปเรียกร้องอีกก็จะหาว่าเราเรื่องมาก” ป้าอุบล กล่าว

ตัวแทนเครือข่ายบำนาญประชาชน กล่าวอีกว่า ถ้าให้ความเป็นคนเท่าเทียมกันก็ควรจะปรับเบี้ยให้ได้เท่ากันทั้งหมดแบบถ้วนหน้า

“ถ้าปรับขึ้น 800 บาททุกช่วงอายุเท่ากันหมดเราก็ไม่ว่าอะไร เงิน 800 บาทต่อเดือน เอาจริงๆน้อยคนที่จะได้ใช้ ในชุมชนที่ป้าอยู่ประชุมผู้สูงอายุทุกเดือน อายุ 77-78 ก็ไปกันจะหมดแล้ว ที่จะรับ 800 บาทน้อยคนมาก อยู่ถึงอายุ 80 ปีน้อยมาก ใครจะอยู่ถึงรับเงิน 1,250 บาท ที่เราเรียกร้องไป 1,000 บาทถ้วนหน้า ต้องมองความสำคัญของคนเท่าเทียมกัน ถ้าเราไปเรียกร้องอีก คำตอบมันจะออกมาว่าต้องรองบประมาณปี 2569 แล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่” น.ส.อุบล กล่าว

ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบภาคประชาชน กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเมื่อเครือข่ายฯ ชุมนุมเรียกร้องและพยายามเข้าไปสอบถาม ทางสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็ไม่คุยด้วย

“พวกป้าทำหนังสือไปถึง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ตอบอะไรมาเลย พยายามตามเรื่องที่เลขาธิการ ครม. เขาก็ตอบว่ากำลังดำเนินการ ถามว่ารัฐบาลมีเงินไหม คน 3 กลุ่มช่วงอายุ รัฐบาลขึ้นให้ได้ ถ้าไม่มีก็ต้องไม่ขึ้นทั้ง 3 กลุ่ม เพิ่มเบี้ยคนพิการ 1,000 บาท คนพิการกับผู้สูงอายุก็เปราะบางเหมือนกัน คนเริ่มปลดเกษียณจากประกันสังคม อายุ 55 ปี บางคนมีเงินบำนาญ ได้เงินตรงนี้อีก 600-700 บาทผลกระทบน้อย รวมแล้วมีเงินสมทบ 2,000-3,000 บาทต่อเดือนก็พออยู่ได้ ไม่เดือดร้อนลูกหลานมาก แต่ผู้สูงอายุรุ่นก่อนที่ไม่มีประกันสังคม กลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีเงินทางไหนมาหนุนช่วย ส่วนกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ก็มาทีหลังผู้สูงอายุรุ่นเก่าแล้วไม่ได้เลี้ยงตลอดชีวิตด้วย ถ้ามีประกันสังคมก็เข้า กอช.ไม่ได้ มีปัญหาอีก” ป้าอุบล กล่าว

ในขณะที่ น.ส.อรุณี ศรีโต หรือป้ากุ้ง นักสหภาพแรงงานหญิง กล่าวว่า เครือข่ายผู้สูงอายุผลักดันเพิ่มเบี้ยยังชีพ 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า แต่ที่ ครม.อนุมัติหลักการเป็นแบบขั้นบันได

“เวลา ครม.ประชุมเขามีเกณฑ์อะไรของเขาก็ไม่รู้ คนตัดสินใจไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของผู้ที่ได้รับสิทธิสวัสดิการ ที่ขอคนละ 1,000 บาทถ้วนหน้า ไม่ฟังเสียงผู้สูงอายุ การเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุคนละ 1,000 บาทดูแล้วรัฐบาลพอจะทำได้ ไม่ต้องไปกู้หนี้ แล้วปีหน้าปีนู้นก็ค่อยว่ากันอีกที การที่ท่านปรับตามใจคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่ฟังเสียงผู้สูงอายุ ตอนหาเสียงพรรคการเมืองบอก 3,000 บาท พูดเหมือนทำง่ายๆ แล้วตอนนี้เอาเกณฑ์อะไรมาคิดเป็นขั้นบันได” น.ส.อรุณี กล่าว

นักสหภาพแรงงานหญิง กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลครบวาระหรือยุบสภาเลือกตั้งครั้งหน้า อย่าเอานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 3,000 บาท มาหาเสียงอีก ส่วนการเรียกร้องให้เพิ่มแบบถ้วนหน้าก็คงต้องรอปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ถ้าเบี้ยผู้สูงอายุครั้งนี้ได้รับปีงบประมาณ 2568 ปลายปีก็จะไปผลักดันกันใหม่

“เราผิดหวัง เราไม่เห็นด้วย แต่เราทำอะไรไม่ได้ การให้สวัสดิการกับผู้สูงอายุที่ทำงานมานานแล้ว ทำมาหากินไม่ไหวแล้ว ทำไมต้องเพิ่มแบบขั้นบันได เรารู้สึกว่าการที่ ครม.อนุมัติหลักการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบนี้มันเหลื่อมล้ำ” น.ส.อรุณี กล่าว


สะเทือนใจ!!! 'จูโด้' สุนัขพันธุ์ไทยแสนรู้ นอนน้ำตาไหล ตรอมใจตายตามเจ้าของ

เมื่อเวลา 13.00 น. เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 112/2 ม.21 ต.เทนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร หลังทราบจากชาวบ้านว่า มีสุนัขแสนรู้พันธุ์ไทย มีอาการลักษณะตรอมใจตายตามเจ้าของที่เลี้ยงดูมา ตั้งแต่ยังเล็ก สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านที่มาร่วมงานพิธีศพกันเป็นเป็นอย่างมาก

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบกับ นางนทีวรรณ เนอร์กอร์ด คริสเทนเซ่น ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน กำลังพูดคุยกับบรรดาญาติที่มาในงานพิธีศพ ของนางส้มฝอย นาคน้อย อายุ 75 ปี ผู้เป็นมารดาของนางนทีวรรณ ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว โดยเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมามีการจัดให้มีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ เป็นค่ำคืนแรก โดยชาวบ้านที่เป็นเจ้าของเดิมสุนัข จูโด้ และภายหลังได้มอบ”เจ้าจูโด้“ให้กับนางส้มฝอยนำมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก เห็นเหตุการณ์ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ระหว่างพระสงฆ์กำลังสวดพระอภิธรรมอยู่นั้นปรากฏว่า มีสุนัขพันธุ์ไทยชื่อว่า“จูโด้” ซึ่งเป็นสุนัขแสนรู้ตัวโปรดของนางส้มฝอย (ผู้เสียชีวิต) นอนอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้าตัวบ้าน ลักษณะมีน้ำตาไหลพรากจึงได้เอา ระดับทิชชูมาซับน้ำตาให้เจ้าจูโด้ ท่ามกลางชาวบ้านที่ยืนมองอย่างน่าเวทนา

และในเวลาต่อมาไม่นานเจ้าจูโด้ก็ได้นอนสิ้นใจหายใจรวยรินและเสียชีวิตบริเวณหน้าประตูทางเข้าตัวบ้าน ซึ่งเป็นที่จัดตั้งหีบศพของนางส้มฝอยผู้เสียชีวิต ผู้เลี้ยงดูเจ้าจูโด้ สุนัขแสนรู้พันธุ์ไทยมาตั้งแต่เล็ก จนกระทั่งมานอนเสียชีวิตเคียงคู่กับนางส้มฝอยในวันนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านที่มาร่วมในงานเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ในเวลาต่อมา นางนทีวรรณ เจ้าของบ้าน ได้สั่งให้คนงานนำเอารถเข็นขนเอาซากของจูโด้ ไปฝังบริเวณหลังบ้านระหว่างที่นำเอาร่างของจูโด้ ใส่รถเข็นไปนั้นได้มีสุนัข เพศผู้อีกหนึ่งตัวชื่อ“เจ้าโชค”วิ่งตามรถเข็นที่คนงานเข็นซากเจ้าจูโด้ไปฝัง อย่างไม่ลดละ เดินวนเวียนไปมา มีสีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งเดินมาดมกลิ่นแล้วมองเจ้าจูโด้ที่นอนอยู่บนรถเข็นอย่างน่าเวทนา นอกจากนี้หลังจากที่คนงานได้ทำการฟังกลบเจ้าจูโด้เรียบร้อยแล้ว“เจ้าโชค” ยังคงเดินวนวนเวียนดมกลิ่นอยู่บริเวณเนินดินที่ฝังกลบเจ้าจูโด้ ไปเมื่อสักครู่สร้างความสลดหดหู่เป็นยิ่งนัก

นางนทีวรรณ เนอร์กอร์ด คริสเทนเซ่น อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า“ แม่ของตนเสียชีวิตด้วยโรคชรา ตนไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรเจ้าจูโด้จึงมาตายพร้อมกับผู้เป็นแม่ ซึ่งเมื่อช่วง 4 วันก่อน แม่ของตนมีอาการย่ำแย่อยู่ที่โรงพยาบาลเจ้าจูโด้สุนัขตัวดังกล่าวก็พลอยนอนป่วยไปด้วย ไม่ยอมกินอะไรเลย จนผู้เป็นแม่ของตนเสียชีวิตในช่วงเช้าของวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมาหมาตัวนี้ก็ยิ่งมีอาการแย่ลงไปอีก ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดคงจะเป็นเพราะว่ามีความผูกพันกันระหว่างคนเลี้ยงกับหมาตัวดังกล่าวก็อาจเป็นได้ โดยเมื่อเมื่อคืนที่ผ่านมาขณะที่เครื่องขยายเสียงในงานเปิดเพลงกรณีกรรแสงต้นสังเกตเห็นว่าเจ้าจูโด้นอนน้ำตาไหลพราก ร้องครวญคราง ตนยอมรับว่าแม่ของตน เลี้ยงหมาตัวนี้มาตั้งแต่เล็กๆเลี้ยงมานาน ที่ผ่านมาจะสังเกตว่าหมาตัวดังกล่าวมีสุขภาพแข็งแรงดีไม่มีอะไรผิดปกติ อาจจะเป็นเพราะเรื่องของความผูกพันกันหรือ จะเป็นเพราะว่าแม่ของตนอาจจะเอาไปอยู่ด้วย หรือไม่ อันนี้ตนไม่ทราบเหมือนกัน

มะกันก็วุ่น!! 'ทรัมป์'เอาใหม่ จ่อเปลี่ยนตัว'รมต.กลาโหม'ภายใน 48 ชั่วโมงนี้

4 ธ.ค.67 สำนักข่าวต่สงประเทศรายงานว่า หนังสือพิมพ์ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเปลี่ยนตัวผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมจาก พีท เฮกเซธ เป็น รอน ดีแซนติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา หลังจากตัวเลือกแรกเผชิญเรื่องอื้อฉาวรุมเร้า

วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานวานนี้ (4 ธ.ค.) อ้างแหล่งข่าววงในที่ระบุว่า การเสนอชื่อ เฮกเซธ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม เผชิญกับอุปสรรคในที่ประชุมรัฐสภา จากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวและอาชีพของเขา และผู้ใกล้ชิดกับทรัมป์มีความคิดเห็นว่า เฮกเซธอาจจะไม่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากรัฐสภา คาดว่าทรัมป์จัดตัดสินชะตากรรมของเฮกเซธอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า ว่าจะได้ไปต่อในตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีกลาโหมต่อไปหรือไม่

โดยเฮกเซธ อดีตทหารผ่านศึกและผู้ดำเนินรายการของสถานีข่าว ฟอกซ์ นิวส์ จะต้องได้รับความเห็นขอบจากวุฒิสภาก่อนเข้าทำหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหม

จนถึงขณะนี้ ผู้ที่ทรัมป์วางตัวจะให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลถอนตัวไปแล้ว 2 คน ได้แก่ ชาด ครอนิสเตอร์ ถอนตัวจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานปราปรามยาเสพติด และ แม็ตต์ แกตซ์ อดีต สส. ถอนตัวจากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ท่ามกลางการถูกตรวจสอบอย่างหนักเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวอายุต่ำกว่าเกณฑ์

สำหรับดีแซนติส ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยพ่ายแพ้แก่ทรัมป์ เคยเป็นตัวเก็งที่จะมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม แต่ทรัมป์พิจาราณาเลือกเฮกเซธแทน ดีแซนติส เคยดำรงตำแหน่งทหารในเหล่าทหารพระธรรมนูญของกองทัพเรือระหว่างปี 2004-2010