ข่าว
สุดยอด เฟซบุ๊คเป็น"ฮีโร่"ช่วยจับผู้ร้ายคดีชนเด็กหญิงตาย หลังเหตุการณ์ผ่านกว่า 40 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ว่า เฟซบุ๊ค เครือข่ายชุมชนออนไลน์ได้แสดงประสิทธิภาพของการแชร์ข้อมูลบุคคล โดยช่วยเหลือคลี่คลายคดีอาชญากรรมปริศนาในสหรัฐ ในคดีเด็กหญิงชาวเมืองนิวยอร์ก วัย 4 ขวบ ถูกรถยนต์จนเสียชีวิต เมื่อปี 1968 หรือ 45 ปีที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า คดีดังกล่าวถูกคลี่คลายหลังจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตำรวจเกษียณราชการสหรัฐรายหนึ่ง ได้โพสต์รายละเอียดของคดีปริศนาชนแล้วหนีเด็กหญิงคาโรลี่ ซาดี้ แอชบี้ ซึ่งประสบเหตุถูกรถยนต์ชนเสียชวิตในคืนวันฮัลโลวีน ปรากฎว่า รายละเอียดดังกล่าวได้ถูกอ่านโดยหญิงรายหนึ่งที่ไม่มีการเปิดเผยนาม ที่เชื่อว่าเธอรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ โดยเธอได้ติดต่ออดีตนายตำรวจผู้นี้ และเล่าให้ฟังว่า ในคืนเกิดเหตุ เธอถูกครอบครัวของนาย"ดักลาส ปาร์คเฮิร์ต"มาขอร้องให้โกหกว่า เธออยู่กับนายปาร์คเฮิร์ตและพี่ชาย ในคืนวันฮัลโลวีน แต่เธอปฎิเสธ และพวกเขาไม่เคยบอกสาเหตุว่าเพราะอะไรจึงต้องให้เธอโกหกเช่นนั้น

ต่อมา ตำรวจได้เดินทางไปสอบปากคำนายดักลาส ซึ่งเขายอมสารภาพว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากในคืนนั้น เขาเมาเหล้าและชนเด็กหญิงคาโรลี่ ทั้งนี้ ในช่วงเกิดเหตุเมื่อปี 1968 ตำรวจได้เคยสอบปากคำนายดักลาสมาแล้ว ทว่าเขาอ้างว่าเขาขับรถชนเสากั้นถนน และตำรวจต้องปล่อยตัวเขาไป เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดเขา

1 ร่าง 2 หัวใจ: ชีวิต 2 สาว"ฝาแฝดติดกัน" ที่อยู่ร่วมกันอย่าง"เข้าใจ"ในร่างเดียว

แอบบี้และบริททานี เฮนเซล เป็นฝาแฝดติดกันธรรมดาทั่วไป มีชีวิตที่ปกติ เรียนหนังสือ ท่องเที่ยว ทำงาน แต่ระหว่างนั้นเรารู้หรือไม่ว่าการใช้ชีวิตในร่างเดียวกันของทั้งสองเป็นอย่างไร

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ แอบบี้และบริททานี วัย 23 ปี ชอบเดินทางท่องเที่ยว ขับรถ เล่นวอลเลย์บอล และใช้ชีวิตที่ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป แฝดเหมือนและร่างติดกันคู่นี่ อาศัยอยู่ที่รัฐมินเนโซต้าของสหรัฐฯ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบเธล และกำลังทำหน้าที่เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง

ทั้งสองมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 2 ใบ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องเงินแล้ว ทั้งสองกลับได้เงินเดือนเช่นเดียวกับครูคนเดียว แอบบี้กล่าวว่า เธอและบริททานีเข้าใจดีว่า จะต้องได้รับเงินเดือนเพียงก้อนเดียว เนื่องจากเธอทั้งคู่ทำงานของคนคนเดียว แต่ก็มีบ้างที่เธออยากเจรจาขอเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย เมื่อพิจารณาว่าเธอทั้งสองได้ปริญญา 2 ใบ และเพราะพวกเธอสามารถเสนอมุมมองใหม่ในการสอนที่แตกต่างกัน 2 อย่าง หรือสอนด้วยวิธีที่แตกต่างกัน 2 วิธี

บริททานีกล่าวว่า คนหนึ่งอาจกำลังสอนหนังสือ และอีกคนหนึ่งกทำหน้าที่คอยดูแลนักเรียน และตอบคำถามต่างๆ เมื่อมองในแง่นี้ พวกเธอก็สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าหนึ่งอย่างในคนคนเดียว

แฝดทั้งสองรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี การพูดในเรื่องเดียวกัน หรือการต่อคำพูดของอีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องปกติ รวมถึงยังช่วยให้กำลังใจและความเข้าใจแก่อีกฝ่ายได้อย่างดี

ทั้งสองมีปอด 2 ชุด หัวใจ 2 ดวง กระเพาะ 2 ข้าง ตับหนึ่งข้าง และลำไส้ขนาดใหญ่เพียงชิ้นเดียว รวมถึงอวัยวะสืบพันธุ์เพียงหนึ่งเดียว ตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งสองจึงรู้จักที่จะเรียนรู้ที่จะทำงานประสานกัน โดยแอบบี้จะควบคุมร่างกายซีกขวา ขณะที่แอบบี้จะควบคุมร่างกายซีกซ้าย

อย่างไรก็ดี ทั้งสองมีความสูงที่ต่างกันอยู่บ้าง แอบบี้มีความสูง 157 ซม. ขณะที่บริททานี มีความสูง 147 ซม. เช่นเดียวกับความยาวของขา ทำให้บริททานีต้องยืนด้วยปลายนิ้วหัวแม่เท้า เพื่อให้ร่างกายทรงตัวอยู่ได้ นอกจากนั้น ทั้งสอง ยังต้องเรียนรู้ที่จะประนีประนอมในทุกเรื่อง นับตั้งแต่อาหารที่อยากกิน การออกสังคม และเสื้อผ้า ขณะที่บริททานีเลือกแต่งตัวกลางๆ และชอบเครื่องประดับประเภทไข่มุกหรืออะไรแวววาว แต่แอบบี้กลับชอบเสื้อผ้าสีสันสดใส

แอบบี้เป็นคนที่ชอบพูดจาตรงไปตรงมา และมักเถียงชนะทุกครั้ง เมื่อคุยกันถึงชุดที่จะสวมใส่ บริททานีกล่าวว่า แฝดของเธอกลับเป็นคนที่ติดบ้าน ขณะที่เธอชอบออกไปข้างนอกมากกว่า

ความแตกต่างอื่นๆของทั้งสอง อาทิ บริททานีเป็นคนกลัวความสูง แต่แอบบี้ไม่ แอบบี้ชอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ส่วนบริททานีชอบศิลปะ หรือเมื่อดื่มกาแฟ อัตราการเต้นของหัวใจของบริททานีจะเพิ่มขึ้น แต่ของแอบบี้ไม่เป็นอะไร นอกจากนั้น ทั้งสองยังมีอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างกัน แอบบี้กล่าวว่า หลายครั้งที่จับมือกัน พบว่าของเธอร้อน ส่วนของแอบบี้เย็น

แม้ว่าทั้งสองจะมีครอบครัว สังคม และการใช้ชีวิตที่ปกติสุขดี แต่ก็มีปัญหาโผล่มาให้ต้องแก้อยู่เสมอๆ เช่นทั้งสองจะไม่เอ่ยถึงการวางแผนชีวิต ที่เป็นเรื่องที่ไม่อยากนำมาเป็นบทสนทนามากนัก ทั้งสองยังปฏิเสธข่าวลือว่าบริททานีหมั้นหมายแแล้ว โดยกล่าวว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออก

การเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนๆก็เป็นปัญหาเช่นกันทั้งสองมีพาสสปอร์ต2เล่มแต่เดินทางด้วยตั๋วเพียงใบเดียวด้วยที่นั่งเพียงที่เดียวบนเครื่องบิน ทั้งสองยังต้องเรียนรู้ที่จะระแวดระวังตัวในการใช้ชีวิตโดยเฉพาะในที่สาธารณะที่มีคนจำนวนมาก เนื่องจากมีบางครั้งที่มีคนพยายามแอบถ่ายรูปของพวกเธอ เพราะมองว่าเป็นของแปลก

ด้านเอริน จังกันส์ เพื่อนสนิทของฝาแฝดสาว กล่าวว่า ทั้งสองจำเป็นต้องตื่นตัวอยู่เสมอ เนื่องจากเราไม่มีทางรู้ว่าคนอื่นจะมีปฏิกิริยาต่อพวกเธออย่างไร หรือกำลังจะพูดอะไร และไม่แสดงตัวว่าเป็นจุดเด่นท่ามกลางฝูงชน เพราะนั่นจะทำให้ตกเป็นเป้าสายตา แต่บางครั้งพวกเธอก็สามารถแก้สถานการณ์เช่นนั้นได้ดี

ฝาแฝดติดกัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เชื่อว่ามีโอกาสเพียง 1 ใน 200,000 ครั้งเท่านั้น และราว 40-60% เสียชีวิตตั้งแต่เกิด โดยแฝดที่เป็นผู้หญิงมีโอกาสรอดมากกว่าแฝดเพศชาย กระบวนการผ่าตัดแยกฝาแฝดติดกันค่อนข้างซับซ้อนและอันตราย และถือเป็นความเสี่ยงของพ่อแม่ของพวกเธอที่ต้องเลือกระหว่างการสูญเสียแฝดคนใดคนหนึ่งไป หรือเลือกที่จะให้พวกเธอใช้ชีวิตเช่นที่เป็นอยู่นี้

เชื่อกันว่าทั่วโลกมีฝาแฝดติดกันรวมกันแล้วไม่เกิน12คู่กรณีของแอบบี้และบริททานีจึงถือเป็นเรื่องแปลกนางแพตตี้ เฮนเซล แม่ของทั้งคู่เปิดเผยว่า ความหวังและความฝันเกี่ยวกับอนาคตของลูกสาวจึงไม่แตกต่างจากคนอื่นนัก เธอกล่าวว่า เธอก็เหมือนแม่ทั่วไปที่หวังให้ลูกประสบความสำเร็จ มีความสุข สุขภาพแข็งแรงอย่างที่เป็นอยู่

ขณะที่พวกเธอเดินทางไปสู่ชีวิตของการทำงานร่วมกัน พวกเธอแค่หวังว่าจะทำแค่วันนี้ให้ดีที่สุด และไม่หวังไกลถึงอนาคตว่าตนเองจะต้องเป็นหรือต้องทำในอีก 10 ปีข้างหน้า และด้วยสถานะความเป็นครู พวกเธอเองก็ได้เป็นต้นแบบให้แก่เด็กๆทางด้านวิชาการ และยิ่งกว่านั้นคือการเป็นต้นแบบให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อชีวิตและการเอาชนะความท้าทายต่างๆด้วย

นายพอลกู๊ดอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนที่สองฝาแฝดทำงานกล่าวว่าเขาคิดว่าไม่มีอะไรที่ทั้งสองไม่ลองพยายามทำหรือบางสิ่งบางอย่างที่พวกเธอไม่สามารถทำได้ หากพวกเธอต้องการทำจริงๆ และการทำให้เด็กๆได้เห็นสิ่งเหล่านั้น โดยเฉพาะเด็กๆที่อาจประสบปัญหา นี่ถือเป็นเรื่องที่พิเศษ ที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ผ่านตัวอย่างที่ยังมีชีวิตจริงๆ

พบผู้รอดชีวิต 40 คนติดใต้ซากตึกถล่มในบังกลาเทศ

พบผู้รอดชีวิต 40 รายที่ติดอยู่ในห้องภายใต้ซากอาคารในเขตชานกรุงธากาของบังกลาเทศ หรือหนึ่งวันหลังจากตึกถล่ม

สถานีโทรทัศน์บังกลาเทศแพร่ภาพของปฏิบัติการกู้ภัยที่เขตซาวาร์ ที่ขณะที่พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 220 คน และเชื่อว่ายังคงมีผู้ติดในซากอาคารอีกมาก

ตำรวจเผยว่า เจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเพิกเฉยต่อคำเตือนว่าเกิดรอยร้าวขึ้นเมื่อวันอังคาร ขณะที่ทีมกู้ภัย ทหาร และหน่วยดับเพลิงต่างระดมกำลังเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตกันตลอดทั้งวันทั้งคืน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่งกล่าวว่า พบกลุ่มผู้รอดชีวิตดังกล่าวหลังได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือมาจากใต้ซากตึก เจ้าหน้าที่ได้หย่อนอาหารและน้ำดื่มลงไปให้ผู้รอดชีวิตรายอื่นเพื่อช่วยประทังชีวิต ข่าวดังกล่าวได้สร้างความยินดีให้แก่ทุกฝ่ายที่ระดมกำลังช่วยเหลือในที่เกิดเหตุอย่างยิ่ง

มีรายงานว่า โรงงานทั้ง 5 แห่งมีคนงานทั้งสิ้น 3,122 คน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าขณะเกิดเหตุมีคนงานทำงานอยู่ภายในโรงงานกี่คน จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยคนงานออกมาจากใต้ซากปรักหักพังแล้วมากกว่า 2,000 คน

นายกรัฐมนตรี ชีค ฮาสินา แห่งบังกลาเทศ ประกาศลดธงชาติครึ่งเสาทั่วประเทศ และกำหนดให้วันนี้เป็นวันไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต จากเหตุอาคารถล่มที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ นับตั้งแต่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเสื้อผ้าในกรุงธากา ซึ่งรับตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 111 ราย