ข่าว
น้ำมันพังครืน!!ลอนดอนหลุด$29 หุ้นสหรัฐฯดิ่งเหว ดันทองคำพุ่งแรง

น้ำมันลอนดอนร่วงแรงหลุด 29 ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 12 ปีครั้งใหม่ในวันศุกร์(25ม.ค.) หลังอุปทานอิหร่านจ่อไหลเข้ามาซ้ำเติมตลาดที่ล้นเกินความต้องการอยู่ก่อนแล้ว ปัจจัยนี้ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบหนัก ขณะที่ทองคำพุ่งขึ้น นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 1.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 29.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งขยับลงไปถึง 29.13 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 28.94 ดอลลาร์ ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2004

ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในวันศุกร์(25ม.ค.) ถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในจีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่และความคาดหมายว่าอิหร่านจะดำเนินการอย่างรวดเร็วในการปล่อยอุปทานน้ำมันดิบปริมาณมหาศาลเข้าสู่ตลาด เมื่อได้รับการปลดมาตรการคว่ำบาตรต่อโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

ปัจจัยราคาพลังงานและความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอตัวในจีน ยังฉุดให้วอลล์สตรีทปิดลบแรงในวันศุกร์(25ม.ค.) เคลื่อนไหวตามตลาดทุนอื่นๆทั่วยุโรป

ดาวโจนส์ ลดลง 390.97 จุด (2.39 เปอร์เซ็นต์) ปิด15,988.08 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 41.51 จุด (2.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,880.33 จุด แนสแดค ลดลง 126.58 จุด (2.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,488.42 จุด

แรงเทขายในวอลล์สตรีท มีขึ้นตามหลังความเคลื่อนไหวของตลาดทุนยุโรป ที่ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงอย่างหนักถึง 3.6 เปอร์เซ็นต์ของตลาดหลักทรัพย์จีน

นอกจากนี้แล้วความรู้สึกในทางลบยังถูกซ้ำเติมจากราคาน้ำมันที่ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 12 ปีรอบใหม่ และผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเหล่าธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างเวลล์ส ฟาร์โกและซิตี้กรุ๊ป

ภาวะสั่นคลอนของตลาดหุ้นสหรัฐฯและราคาน้ำมัน ผลักให้นักลงทุนแห่มาถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาทองคำในวันศุกร์(15ม.ค.) พุ่งแรง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 17.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,090.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่อเค้าวุ่น! เตรียมแสดงพลัง 'ต้าน-หนุน' ตั้งพระสังฆราช

ส่อเค้าวุ่น! กลุ่มหนุน-ต้าน แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ต่างฝ่ายต่างเตรียมออกมาแสดงพลัง กลุ่มหนุนเรียกร้องรัฐเร่งดำเนินการตาม กม. ด้านกลุ่มต้าน จ่อยื่นหนังสือเตือนนายกฯ คืนพระราชอำนาจตั้งพระสังฆราช เตรียมยื่นถวายฎีกาสัปดาห์หน้า...

จากกรณีมีการเสนอชื่อ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 นั้น เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกระแสทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายหนุนออกมาเคลื่อนไหว โดยเมื่อวานนี้ กลุ่มคณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และทำหนังสือคัดค้านผ่านไปถึง พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฉบับล่าสุด เรื่องแจ้งเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้นายกรัฐมนตรี ยุติการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เป็นโมฆะ และเร่งดำเนินการถวายคืนพระราชอำนาจแด่พระมหากษัตริย์ ในการปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราชในทุกกรณี ขณะที่กลุ่มของหลวงปู่พุทธอิสระ และเครือข่าย ก็ได้มีการหารือกัน เพื่อเตรียมการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเตรียมยี่นถวายฎีกาในกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้า

ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายสนับสนุนในวันนี้ พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ หลังทางสำนักพระพุทธศาสนาเเห่งชาติ ยื่นเรื่องเสนอชื่อเเต่งตั้งสังฆราชให้กับทางรัฐบาลเเล้ว ว่า กรณีผู้เรียกร้องให้รัฐบาลตีความขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะ เพื่อทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความล่าช้า ทั้งที่ขั้นตอนของมหาเถรสมาคมทำถูกต้องเเล้ว หลังจากนี้หากพบว่ารัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ล่าช้า พระสงฆ์ทั่วประเทศก็พร้อมที่จะนัดรวมตัวกันแสดงพลัง..


′นพ.มงคล′ รับผิดมหันต์ในชีวิต ที่ร่วมม็อบไล่รัฐบาล′ยิ่งลักษณ์′

กรณีนพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กยอมรับทำผิดมหันต์ในชีวิตที่ร่วมม็อบไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้แย่ยิ่งกว่า

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มกราคม นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ที่ได้แสดงความคิดเห็นไปเป็นสิ่งที่สรุปสั้นๆ ในสถานภาพขณะนี้ว่าเป็นอย่างไรจากประสบการณ์ที่ได้พบมา ซึ่งสิ่งที่พูดไปก็ไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง แค่อยากสะท้อน และพูดตรงๆ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร เพราะใครทำอะไรก็ได้รับสิ่งนั้นเอง และที่แสดงความคิดเห็นไปก็ไม่ใช่เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับ สสส. เพียงอย่างเดียว แต่อึดอัดกับหลายเรื่อง เช่น ประเด็นแนวคิดการแก้ไขกฎหมายเช่าที่ดินที่ต้องการเพิ่มให้นานได้ถึง 99 ปี เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งปัญหานอมินีเก่าก็ยังแก้ไม่ทันจบซึ่งจะเกิดปัญหากับคนไทยในอนาคตแน่นอน

“ทุกคนที่ออกมาพูดล้วนเป็นห่วงเช่นนพ.ประเวศวะสีราษฎรอาวุโส เตือนนั้น ก็เพราะอยากให้รัฐบาลดูเนื้อหาดีๆ อย่าฟังคนรอบข้างที่มีข้อมูลข้างเดียว ถ้าอยากช่วยเหลือประชาชน ประเทศชาติจริงๆ ก็ขอให้ฟังให้รอบด้าน และอย่าเอาปืนมาจ่อให้คนทำตาม สิ่งที่ผมพูดออกมามันเกิดจากความกดดัน อึดอัดหลายเรื่องจนทนไม่ไหว แต่ก็ต้องทนอยู่ภายใต้ความอึดอัดที่เลี่ยงไม่ได้ เชื่อว่าสถานการณ์แบบนี้ถ้าคนมีโอกาสก็คงต้องออกมาเยอะเพราะความกดดัน” นพ.มงคลกล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การได้อำนาจมาแต่ไม่ฟังใคร ก็ไม่แตกต่างจากอดีตเลย และขอย้ำว่าเรื่องที่อึดอัดไม่ใช่แค่เรื่อง สสส.เพียงอย่างเดียว


“ยิ่งลักษณ์” ขึ้นศาลคดีจำนำข้าว ชาวนาตะโกนยังรักอดีตนายกฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ม.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาศาลฯ เพื่อสืบพยานไต่สวนนัดแรกคดีจำนำข้าว โดยมีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตส.ส. มาให้กำลังใจ อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายวรรเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย และนายวัฒนา เมืองสุข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรอบศาลฎีกา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 กองร้อยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีมวลชนจำนวนหนึ่งมาคอยให้กำลังใจ พร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงแก่อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมตะโกน “เรารักยิ่งลักษณ์” และ “ยิ่งลักษณ์สู้ๆ” ตลอดเวลา นอกจากนั้น นายเสน่ห์ มณีโชติ ชาวนาบางเลน จังหวัดนครปฐม ได้นำช่อข้าวแล้งน้ำมาให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรีเช่นกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนช่อดอกไม้ เพื่อให้กำลังใจ และยืนยันว่ายังมีชาวนาที่ยังรักอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ พร้อมเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดูแลชาวนาด้วย ไม่ใช่ช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ได้ประชาชนจำนวนหนึ่งได้ชูป้ายที่มีข้อความว่า “ชาวนาตัวจริง” “โครงการจำนำข้าวทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากจริงๆ” แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าขอให้เก็บป้ายข้อความดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเข้าศาลฯ ว่า เรามีความพร้อมในเนื้อหา วันนี้เป็นวันสืบพยานของฝ่ายโจทก์ ซึ่งอาจมีการให้การนอกจากที่ฝ่ายโจทย์ได้ให้ไว้ในชั้นป.ป.ช. เนื่องจากมีพยานปากใหม่ ที่ยังไม่เคยให้การในชั้นป.ป.ช. คงจะมีคำถามเพิ่มเติม และเราคงต้องนำเสนอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามว่า พยานที่ไม่เคยอยู่ในชั้นป.ป.ช. ทำให้กังวลหรือไม่ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราพยายามนำข้อเท็จจริงมาให้ศาลรับรู้

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราจะพยายามทำอย่างเต็มที่ และว่าไปตามเนื้อหา ซึ่งคงต้องให้ศาลพิจารณาต่อไป สำหรับพยานฝ่ายตนนั้นก็พร้อมที่นำเสนอข้อมูลในการนัดในเดือนเม.ย.ที่จะถึง


เซลฟี่ยอดฮิต เหตุทหารเยี่ยมจ่านิว ถามที่บ้านมีเครื่องซักผ้าด้วยเหรอ?

เมื่อวันที่ 15 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดกระแสการโพสต์ภาพ ‘เครื่องซักผ้า’ ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งมีทั้งภาพถ่ายแบบเซลฟี่ (ถ่ายรูปตัวเอง) คู่เครื่องซักผ้าที่บ้านของตน ภาพการซักผ้าแบบต่างๆ รวมถึงภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นภายในบ้าน เช่น เตารีด เป็นต้น

เหตุเริ่มจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอในเฟซบุ๊ก faroong srikhao ฟ้ารุ่งศรีขาว เนื้อหาเป็นการพูดคุยกับมารดา และยายของ จ่านิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ และสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งมีทหารเดินทางมาสำรวจที่บ้านเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา จากกรณีจ่านิวและเพื่อนขึ้นรถไฟไปยังอุทยานราชภักดิ์ เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทุจริต

ในคลิปดังกล่าว น.ส. พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของจ่านิวเล่าว่า ทหารได้ตรวจสอบข้าวของส่วนตัวของจ่านิว เช่น ที่นอน หนังสือ ของสะสม รวมถึงเครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ พัดลม จักรยานเด็ก และเครื่องซักผ้า พร้อมสอบถามว่าได้มาอย่างไร และ ‘มีเครื่องซักผ้าใช้ด้วยหรือ ?’ ‘มีเงินซื้อด้วยหรือ ทำงานแค่นี้ทำไมมีเงินซื้อ’ เป็นต้น

ต่อมา นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด ได้แชร์คลิปดังกล่าวและโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

จัดประกวดคลิปเครื่องซักผ้าซะดีมั๊ย’ จากนั้นได้โพสต์ภาพของตนซึ่งถ่ายคู่กับเครื่องซักผ้า พร้อมข้อความว่า ‘ที่บ้านมีเครื่องซักผ้าด้วยเหรอ ?’ ซึ่งมีผู้ทยอยโพสต์ภาพในลักษณะเดียวกันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ บางส่วนยังโพสต์ภาพกะละมังซักผ้า และการซักผ้าในรูปแบบต่างๆ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ พร้อมแสดงความคิดเห็นนับร้อยราย อาทิ ‘ถ้าทหารมาที่บ้านเราคงอึ้ง เพราะมีไมโครเวฟด้วย’ ‘ต้องตอบกลับไปว่า ยังจะให้ซักมืออยู่เหรอ’

‘งั้นเดี๋ยวเอาเครื่องซักผ้าไปซ่อนก่อน ถ้าเกิดทหารผ่านมาเห็นเข้า รับรองเป็นเรื่อง’

‘พี่ทหารเขาซักเสื้อผ้าเอง อยู่บ้านซักให้ภรรยา อยู่ค่ายซักให้เจ้านาย’ เป็นต้น

และหลังจากเกิดกระแสดังกล่าว ได้มีผู้โพสต์ขอบคุณทหารที่ทำให้ได้รู้จักเครื่องซักผ้าหลากหลายรุ่นทั้งเก่าและใหม่

‘น่าขอบคุณทหารคนที่ถาม ทำให้เราได้แสดงความคิดเห็นกันมากมายและได้เห็นภาพเครื่องซักผ้ารุ่นแปลกใหม่ รุ่นเก่าแบบที่ไม่เคยเห็น หรือเคยเห็นมานานแล้ว’

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบราคาของเครื่องซักผ้า พบว่าเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสนบาท

ราคาถูกที่สุดคือกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาบน ราคาเฉลี่ย 2,000+ ถึง 5,000 บาท เช่น

เครื่องซักผ้าความจุถัง 3.5 กก. ปั่นและอบแห้งได้ ราคา 2,290 บาท และ เครื่องซักผ้า 2 ถัง ความจุ 7.8 กก. ราคา 2,790 บาท

ส่วนราคาระดับกลาง อยู่ที่ราว 7,000 – 15,000 บาท ซึ่งสามารถผ่อนชำระเป็นงวดๆ ได้

สำหรับกลุ่มเครื่องซักผ้าราคาสูง ตกอยู่ราว 70,000 บาทขึ้นไป

ทั้งนี้ มารดาจ่านิวระบุว่า เครื่องซักผ้าที่บ้านของตน ซื้อต่อมาจากเพื่อนของน้องชายซึ่งเลิกรากับภรรยา ในราคา 5,000 บาท ส่วนพัดลม ตัวหนึ่งเพื่อนของจ่านิวมอบให้ตอนรับปริญญา อีกตัวหนึ่งได้จากการสอยดาว และรู้สึกเหมือนตนได้รับการดูแคลนว่าไม่สามารถซื้อหาเครื่องใช้เหล่านี้ได้ ทั้งที่บ้านตนไม่ได้ใช้ของราคาแพง หรือดีกว่าคนอื่นเลย

นางฟ้าสายการบินดังเผย ช่วยหนุ่มนอนนิ่งบนถนน

โซเชียลแชร์กระหน่ำ! นางฟ้าสายการบินดัง รุดช่วยคนเจ็บริมถนนไม่ห่วงสวย เจ้าตัวเผย เคยเป็นพยาบาลก่อนเป็นแอร์ฯ ไม่สามารถทนเห็นคนเจ็บนอนต่อหน้าได้โดยไม่ทำอะไร...

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สังคมออนไลน์พากันแชร์ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ YouLike (คลิปเด็ด) เป็นเหตุการณ์ขณะแอร์โฮสเตสสาวรายหนึ่ง กำลังสอบถามและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่บริเวณถนนลาดกระบัง ซึ่งทำให้เกิดเสียงชื่นชมจำนวนมากเปรียบดั่งนางฟ้ามาเอง

ล่าสุด สายตรวจโซเชียลไทยรัฐออนไลน์ ได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ญาณินทร บัวแดง หรือ ฝน วัย 26 ปี พนักงานต้อนรับสายการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นหญิงสาวในภาพว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 3 ทุ่ม บริเวณหน้าคอนโดลุมพินีวิลล์ อ่อนนุช-ลาดกระบัง ขณะเพื่อนขับรถมาส่งที่ห้องพักรู้สึกแปลกใจทำไมรถติด พอถึงคอนโดจึงทราบว่ามีอุบัติเหตุ คนนอนอยู่กลางถนน แต่ไม่เห็นคู่กรณี ด้วยความที่ตนจบวิชาชีพพยาบาลมา ทำให้ไม่สามารถทนเห็นคนเจ็บนอนต่อหน้าได้ จึงวิ่งเข้าไปดูเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง นึกในใจตอนนั้นตั้งใจเข้าไปช่วยปั๊มหัวใจ เพราะเห็นคนเจ็บนอนนิ่งคิดว่าหมดลมหายใจแล้ว จังหวะดังกล่าวทีมกู้ชีพมาพอดี จึงเข้าไปสอบถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมาเป็นแอร์ฯ ตนเคยเป็นพยาบาลมาประมาณ 2 ปี จึงพอมีทักษะการช่วยชีวิตบ้าง เจ้าหน้าที่ก็ไม่ปฏิเสธ

“ทีมกู้ชีพมีความคล่องแคล่วมาก ช่วงนาทีนั้นฝนเหมือนให้กำลังใจเขามากกว่า ขณะทีมกู้ชีพเอาอุปกรณ์มาดามเพื่อเตรียมเคลื่อนย้าย คนเจ็บร้องด้วยความเจ็บปวด ฝนก็บอกให้คนเจ็บอยู่นิ่งๆ อดทนนิดเดียว เดี๋ยวถึงโรงพยาบาล นาทีนั้นสำคัญที่สุดคือการเคลื่อนย้ายคนเจ็บอย่างปลอดภัย ป้องกันการบาดเจ็บของไขสันหลังซึ่งอันตราย และอาจทำให้พิการได้” น.ส.ญานินทร นางฟ้าติดดิน กล่าวทิ้งท้าย.