คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตอบคำถามกรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทย เตรียมชู นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม และแกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 1 ของพรรค ว่า ส่วนตัวตนหนุนนายชัชชาติ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะมีปัญหากัน เพราะส่วนตัวมองว่านายชัชชาติ มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ ส่วนตัวเป็นเหมือนผู้จัดการทีมคอยวางแผน หรือเรียกว่าเป็นเจนเนอรัลเบ๊ พร้อมทำทุกเรื่อง

เมื่อถามว่า หากคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 2 ก็ไม่ขัดข้องใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว่า ตนให้การสนับสนุนนายชัชชาติ โดยบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะชัดเจนก็ต่อเมื่อมีการกำหนดวันเลือกตั้ง และประกาศออกมาชัดเจนแล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้การเลือกตั้งจะเลื่อนออกไป แต่การลงพื้นที่พบประชาชนของพรรคเพื่อไทย มีแผนไว้หมดแล้วว่าจะเดินยุทธศาสตร์อย่างไร

20 ม.ค.62 กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Phumin Singla โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่แยกนาหลวง ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ขณะที่ออกจากสี่แยกมุ่งหน้าไปทางถนนพระราม 2 ปรากฏว่า มีรถประจำทางปรับอากาศ สาย 75 วัดพุทธบูชา-หัวลำโพง แซงเข้ามาเกือบจะพุ่งชน ต้องหักหลบไปยังด้านซ้าย กลายเป็นที่วิจารณ์ถึงคนขับรถประจำทางคันดังกล่าวว่าขับรถหวาดเสียว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น

ล่าสุด รายการทุบโต๊ะข่าว ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ได้ไปสัมภาษณ์คนขับรถประจำทางสาย 75 คันดังกล่าว อ้างว่า ตนแซงเลนปกติ เพราะรถติดยาว หลายคนหาว่าตนขับรถหวาดเสียว แต่แท้จริงตนใช้ความเร็วแค่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ที่สำคัญ ที่ทำแบบนี้เห็นใจตนบ้าง วันนั้นรถติด 2 ชั่วโมงแล้วก็ต้องทำเวลา ตนเช่ารถเมล์มาขับวันละ 3,500 บาท ไม่รวมค่าก๊าซและค่าจ้างกระเป๋ารถเมล์ ตนขอโทษก็แล้วกันถ้าภาพที่ออกสู่สังคมจะหวาดเสียว สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก หลังจากที่ภาพเผยแพร่ออกมา ถ้าถูกปรับจะต้องเสียรายได้ สังคมเคยมองบ้างไหมว่าต้องเลี้ยงลูกอีก 4 คน

23 ม.ค. 62 พรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และแกนนำภาคอีสานลงพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เพื่อพบปะประชาชน และนำเสนอแนวคิดนโยบาย พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม ทั้ง 5 เขต คือ น.ส.นงลักษณ์ ทุงจันทร์ เขต 1 นายสุทธิ์สวัสดิ์ บัวบาน เขต 2 นายเดชา ปัสสำราญ เขต 3 นายโกศล คาดพันโน เขต 4 และ นายนคร อันทปัญญา เขต 5

โดยนายสมศักดิ์ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นทางสายกลางที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมขอให้เลือกผู้แทนของพรรค เพื่อที่จะได้เข้ามาแก้ปัญหา และต่อยอดนโยบายของรัฐบาล อย่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การผลักดันราคาข้าว ราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งหากประชาชนให้โอกาส จะเข้าไปผลักดันอีกหลายโครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน อาทิ โคบาลประชารัฐ การพักหนี้ 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย

จากนั้น นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กกต.ประกาศวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทราบวันเลือกตั้ง และที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์มานานว่า การเลื่อนเลือกตั้งมีปัญหา แต่ส่วนตัวคิดว่า วันที่ 24 มี.ค.นี้ ที่ กกต. ประกาศ เป็นระยะเวลาไม่นาน ซึ่งกำลังพอดี เพราะหลายพรรคการเมือง มีความพร้อมที่จะลงสนามการเลือกตั้ง ในการนำเสนอนโยบาย คิดว่า ที่ผ่านมาพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ยังไม่ได้พูดนโยบาย ซึ่งมีแต่วิพากษ์วิจารณ์กัน โดยขณะนี้ เป็นเวลาทองของทุกพรรค ที่จะเดินรณรงค์หาเสียงตามกฎกติกาที่กำหนด ขณะเดียวกัน ขอฝากทุกพรรคทำตามกติกา เพราะจะได้ไม่ต้องมาพูดกันถึงการเอาเปรียบ

ส่วนความชัดเจนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ บอกว่า พรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีมติทาบทามบุคคลใดเข้ารับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในบัญชีของพรรค แต่จากการประชุมเวทีใหญ่ที่ภาคเหนือ ได้เรียบเรียงและสอบถามประชาชน แทบทุกคนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ ด้วยหลายเหตุผลที่ดำเนินการแก้ปัญหาความขัดแย้ง จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีก 1 สมัย เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงอาจทำอะไรได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้มั่นใจว่า มติภาคเหนือตอนล่าง น่าจะเป็นเสียงใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ทั้งหมดต้องรอมติพรรค ซึ่งจะมีการพูดคุยกันเร็วๆนี้

เมื่อถามว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่รับการทาบทามจากพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ บอกว่า คงหาเสียงยาก เพราะที่ผ่านมาในการรณรงค์หาเสียง ได้เดินตามแนวทางผลงานของรัฐบาล ที่ได้พูดมาโดยตลอดถึงนโยบายรัฐบาล ที่ประชาชนชื่นชอบ และพรรคเตรียมจะต่อยอด ซึ่งยอมรับว่า ถ้าปฎิเสธคงเป็นเรื่องใหญ่ และคงปรับตัวไม่ทัน

20 ม.ค.62 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ "@PouYingluck" ระบุว่า "ตามที่มีข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าดิฉันสนับสนุนและเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ดิฉันขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะการดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องกิจการของพรรคที่ต้องไปคัดสรรผู้เหมาะสมกันเอง และปัจจุบันดิฉันก็มีงานอื่นที่ต้องทำและรับผิดชอบเป็นจำนวนมากประกอบกับสิ่งที่ดิฉันได้รับในอดีตที่ผ่านมาก็ถูกกระทำเจ็บช้ำมากพอแล้วค่ะ"

ความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติด “เทพบุตรโซโล” หรือนายปัณณวิชญ์ ประทุม อายุ 30 ปี ชาว จ.พิจิตร หัวหน้าแก๊งมันทุกเม็ด ที่ก่อเหตุบงการทำร้ายร่างกาย ผู้ที่หักหลังการค้ายาเสพติดจนเสียชีวิต ในท้องที่ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น ซึ่งหลบหนีอยู่กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ในฝั่งประเทศเมียนมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้(23 ม.ค.62) พล.ต.ต.ธวัชชัย มวญนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.) พิจิตร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนจังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่ติดตามไปยังบ้านของนายปัณณวิชญ์ ย่านถนนฝั่งสถานีรถไฟ ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร ซึ่งเป็นบ้านที่นายปัณณวิชญ์ เคยพักอยู่อาศัยเมื่อปี 2553 หลังจากแต่งงานกับภรรยา คือ น.ส.เอ๋ ที่เสียชีวิตจากการทำร้ายร่างกายตัวเอง ก่อนที่นายปัณณวิชญ์ จะเดินทางออกจากบ้าน ก่อนขาดการติดต่อหายตัวไป

ทั้งนี้ น้าสาวของ น.ส.เอ๋ ระบุว่า นายปัณณวิชญ์ ตอนที่มาอยู่ที่นี่มีลักษณะเป็นคนเฉย ไม่ค่อยพูดกับใคร ซึ่งตอนที่เข้ามาอยู่อาศัยได้ทำอาชีพแผงสลากจับรางวัลส่งตามร้านค้า ซึ่งทางบ้านและญาติไม่ทราบว่า จะมีการจำหน่ายยาเสพติด ซึ่งหลังจากภรรยาได้เสียชีวิตลงนายปัณณวิชญ์ก็ออกจากบ้านขาดการติดต่อ 5-6 ปี จนมาทราบข่าวว่าพัวพันกับการจำหน่ายยาเสพติด และเป็นคนบงการทำร้ายร่างกาย ผู้ที่หักหลังการค้ายาเสพติดจนเสียชีวิต

ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า ทางตำรวจพิจิตรติดตามตัวนายปัณณวิชญ์ มาหลายปีแล้ว หลังมีส่วนเป็นเครือข่ายยาเสพติดที่หลบซ่อนตัวใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งมีอิทธิพลมาก เนื่องจากนายปัณณวิชญ์ ได้ภรรยาใหม่เป็นลูกสาวกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และมีหน้าที่บงการนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยให้เครดิตกับผู้ค้า รับของก่อนจ่ายเงินผ่านทางตู้โอนเงิน ซึ่งหากผู้ค้าไม่โอนเงิน หลังจากที่ได้รับของแล้วจะมีทีมติดตามทวงเงิน ทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุทำให้บาดเจ็บ และเสียชีวิตหลายพื้นที่

ผบก.ภ.จว.พิจิตร กล่าวอีกว่า นายปัณณวิชญ์ มีหมายจับทั้งหมด 3 หมายในคดียาเสพติด ซึ่งมีส่วนอยู่เบื้องหลังกับการจำหน่ายยาเสพติดทุกหมายจับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังเฝ้าติดตามเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งมีนายปัณณวิชญ์เป็นเจ้าของเครือข่าย หลังจากออกจากบ้านใน จ.พิจิตร แล้วไปเช่าบ้านที่ จ.พิษณุโลก ก่อนที่จะข้ามฝั่งไปประเทศเมียนมา ไปอยู่กับกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติด และ ดำเนินการธุรกิจกับการจำหน่ายยาเสพติดในประเทศไทยหลายพื้นที่

ทั้งนี้ นายปัณณวิชญ์ เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัว ซึ่งที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดยาเสพติดที่มาจากเครือข่ายนายปัณณวิชญ์ ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นมา เกือบ 2 แสนเม็ด

23 ม.ค.62 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พล.ต.ต จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภาค2 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าในคดีฆ่าหั่นศพที่จังหวัดระยอง หลังจากทราบว่าผู้ตายคือ นาย มยอง ฮุน ซอย สัญชาติเกาหลีใต้ พร้อมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกระเป๋าเดินทาง 2 ใบที่ พบที่ชายหาดตะกวน ห่างจากจุดพบศพประมาณ 5 กิโลเมตร พบว่ามีหมายเลขประจำรุ่นกระเป๋าแล้วทราบว่าเป็นกระเป๋าของผู้ตายซึ่งเคยมีประวัติเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ (คดีเล่นการพนันที่ สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2515)

ส่วนสาเหตุคงต้องขอเวลาทำงานก่อนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ แต่การสังหารคนร้ายน่าจะเกิน 1 คนเพราะผู้ตายเป็นคนรูปร่างใหญ่ ส่วนรอยสักไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเป็นแก๊งค์หรือมาเฟีย เพราะชาวต่างชาติที่เข้าประเทศมา ส่วนใหญ่ก็มีรอยสักด้วยกันทั้งนั้น ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็ยังไม่ตัดทิ้งขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงาน