ข่าว
'อินชอนเกมส์' สวยงาม อี ยอง เอ' จุดไฟคบเพลิง

เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 “อินชอนเกมส์” เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว เจ้าภาพ เกาหลีใต้ จัดยิ่งใหญ่ ประทับใจ แสงสีเสียงอลังการ ไฮไลท์ "อี ยอง เอ" ดาราสาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้ เป็นผู้จุดไฟในกระถางคบเพลิง...

วันที่ 19 ก.ย. พิธีเปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 “อินชอนเกมส์” เริ่มขึ้นแล้วด้วยการแสดงที่เน้นถึงการย้อนกลับไปสู่วัฒนธรรมเอเชียในอดีต มีผู้ร่วมแสดงกว่า 2,700 คนที่สนามอินชอน เอเซียด เมน สเตเดี้ยม ภายใต้เรื่อง ''ความฝันของประชน 4.5 พันล้านคนของหนึ่งเดียวเอเชีย'' จากนั้นเริ่มต้นการแสดงดนตรีพื้นเมืองชาวนาเกาหลี และการเต้นรำ ''พุงมุล แห่งพูพย็อง''

บรรดาเด็กๆ วิ่งเข้ามาในสนามใช้ห่วงแสดงถึงความทรงจำแห่งโอลิมปิกโซล 1988 ต่อมา "โจ ซูมี" ซูปราโนชื่อดังของเกาหลีใต้ และวงคอรัสของนักร้องจากอินชอน จำนวน 919 คน ร้องเพลงประสานเสียงเพลงเอเชียนเกมส์ที่ประพันธ์โดย "โค อึน" และตามด้วยเพลงอารีรัง เพลงพื้นเมืองเกาหลี

ขณะที่การเดินเข้าสู่สนามของนักกีฬาจากชาติต่างๆ นั้นจะเรียงลำดับตามตัวอักษรเกาหลี หรือที่เรียกว่าฮันกึล เริ่มจากเนปาล เป็นชาติแรก ส่วนนักกีฬาไทยเข้าสนามเป็นลำดับที่ 39 มีนักกีฬาร่วมเดิน 140 คน นำโดย ''ตอง'' กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กัปตันทีมฟุตบอลชาย เป็นผู้ถือธง ก่อนที่เกาหลีใต้ เจ้าภาพ จะเดินปิดท้ายตาม

จากนั้นเป็นการกล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ตามด้วยการร้องเพลง Only One เพลงทางการของเอเชียนเกมส์ ของศิลปินที่มาร่วมพิธีเปิดคือ เจวายเจ

ต่อมาเป็นไฮไลท์ของพิธีเปิด นั่นคือการจุดไฟในกระถางคบเพลิงในสนาม ซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันให้ "อี ยอง เอ" ดาราสาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้ และเป็นนางเอกละครดังแดจังกึม เป็นคนสุดท้ายที่จุดไฟในกระถางคบเพลิง

ก่อนจะปิดท้ายด้วยการแสดงของ "เจวายเจ" ต่อด้วย "หลางหลาง" นักเปียโนชื่อดังชาวจีน ที่แสดงร่วมกับ "ไซ" เจ้าพ่อเพลงแร็พ เจ้าของเพลง ''กังนัมสไตล์'' ซึ่งไม่พลาดที่นำเพลงดังกล่าวมาร้อง ท่ามกลางความสนุกสุดเหวี่ยงของทุกคนในสนาม จากนั้นนักกีฬาจากทุกชาติ ทยอยเดินออกจากสนาม เป็นอันเสร็จพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ

“ประยุทธ”ย้ำเสียใจ ติงต่างชาตินุ่งบิกินี

“ประยุทธ์” ย้ำเสียใจตำหนิต่างชาตินุ่งบิกินี ยันไม่ได้เจตนา ติงสื่อไม่ปรับปรุง ยังมีการเขียนคอลัมน์ให้ร้าย ลั่นถ้าเกิดความขัดแย้งต้องร่วมรับผิดชอบ ขู่อย่าให้ต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะจะเดือดร้อนทั้งองค์กร พร้อมปราม “กริชสุดา” หยุดใส่ร้าย

วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 15 ก.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับมาประทับที่พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล เพื่อทรงฟื้นฟูพระวรกาย หลังจากที่เสด็จฯ ประทับโรงพยาบาลศิริราช

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า กรณีเกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวในไทย และได้รับอันตรายจนกระทั่งเสียชีวิตที่เกาะเต่านั้น เรื่องนี้ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และชื่อเสียงของประเทศชาติเป็นอย่างมาก ตนได้สั่งการให้เร่งติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าผู้กระทำเป็นใคร แต่ก็ตามมีความคืบหน้ามาตลอด ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลความปลอดภัยตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ร่วมกับประชาชน อาสาสมัครต้องช่วยกันและดูแลเรื่องความปลอดภัยให้มากกว่านี้ เพราะว่ามีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศและในท้องถิ่นด้วย ความคืบหน้าทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ

“เรื่องที่ผมกล่าวถึงนักท่องเที่ยวที่แต่งกายล่อแหลม หรือใส่บิกินี ผมไม่ได้ไปโทษท่าน ไม่ได้ไปให้ร้ายท่าน ไม่ได้เจตนาอย่างอื่น เพียงแต่ต้องการจะเตือนเท่านั้นเองว่า บางเวลา บางสถานที่ อาจจะมีความจำเป็นเพราะว่ายังไม่ปลอดภัยมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาวิกาล ผมก็เสียใจที่คำพูดของผมอาจจะทำให้หลายคนไม่สบายใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งนั้น ผมเสียใจเป็นที่สุดกับครอบครัวชาวต่างชาติที่เสียชีวิต ทุกคนที่เสียชีวิต ผมเสียใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนไทย คนต่างชาติ อะไรที่พูดแรงไป ต้องขอโทษด้วย ไม่ได้เจตนา ผมเป็นสุภาพบุรุษ ฉะนั้น เมื่อผมพูดผิด ทำอะไรผิด ต้องรับผิดชอบ ก็ขอโทษท่าน ต้องการให้เป็นแบบอย่างกับทุกๆ คนด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า เรื่องการใช้สื่อต่างๆ เรื่องนี้สำคัญ พบว่าสื่อมวลชนบางฉบับ หรือบางสำนัก ยังมีปรับปรุงน้อย ยังคงมีการเขียนให้ร้ายกันในบางคอลัมน์ ก็ขอให้ย้อนกลับไปดูว่าที่ผ่านมา อะไรที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง พวกสื่อต่างๆ บางคนอ้างว่าเพื่อความรักชาติ เพื่อประชาธิปไตย หรืออะไรก็ตาม หากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ก็ปฏิรูปไม่ได้ ท่านก็ต้องร่วมกับเราในการรับผิดชอบด้วยนะ เพราะว่าหากเป็นสาเหตุในความขัดแย้งต่อไปด้วยการสร้างข้อมูลเท็จ ต้องขอร้องกัน กรุณาอย่าให้เราต้องบังคับใช้กฎหมายกันมากนักเลย จะมีความเดือดร้อน ไปทั้งพนักงานของสำนักพิมพ์ สถานีทั้งวิทยุ โทรทัศน์ ต่างๆ ก็ที่ผ่านมาก็เดือดร้อนกันหมดในกรณีที่ท่านทำผิดกติกาที่ตกลงกันไว้กับหน่วยงานที่ควบคุมอยู่ในปัจจุบัน

ขอเรียนว่า การที่สื่อต่างๆ บางสื่อนั้น มีการกล่าวให้ร้ายนี้ จะบิดเบือนข้อเท็จจริงบางอย่างก็เป็นเรื่องเล็กน้อย บางอย่างก็ขยายความไปโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ บางอย่างยังไม่มีการดำเนินคดีหรือตัดสินให้ถูกต่อกระบวนการยุติธรรม หากไม่ได้กลั่นกรองแล้วออกไป ทำให้คนเข้าใจผิด ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างหรือกล่าวหานั้นเสียหาย ยังไม่จบขั้นตอนก็ขอให้ใจเย็นๆ รอเวลา รอกระบวนการยุติธรรมเขาทำงานให้เรียบร้อยก่อน พวกเรานั้น รัฐบาล ก็ยังไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพียงแต่บางครั้งก็รำคาญใจเหมือนกัน เพราะทำให้เราคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำอะไรให้กับประชาชนได้ ก็ติดๆ ขัดๆ ไปทั้งหมด พอจะเริ่มทำ เริ่มคิดก็ติดแล้ว ก็ฟังก่อนว่าเขาไปถึงไหนอย่างไร เขาจะแก้ไขปัญหาอย่างไรและค่อยไปดูว่าในขบวนการขั้นตอนเหล่านั้น ถูกต้องไหม พอใจกันไหม ถ้าเริ่มก็ติดหมดไปไม่ได้ก็จะอยู่เหมือนเก่าเหมือนเดิม ปัญหาเราก็ไม่ได้แก้ก็ฝากดูแลกันด้วย ช่วยกันดูแลด้วยว่าใครบ้างที่ยังมีพฤติกรรม ซึ่งไม่ร่วมกันสร้างบ้านเมือง ไม่ร่วมกันปฏิรูปปรองดอง

อีกเรื่อง บางครั้งที่ตนพูดหรือกล่าวอะไรไป อาจใช้คำพูดไม่สุภาพบ้างหรือแรงไปบ้าง เพียงต้องการให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของตน ของทุกคนในชาติ แล้วมาร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่สำคัญทุก ๆ เรื่อง ตนก็พยายามปรับปรุงตัวเอง ตนเป็นทหารมาเกือบทั้งชีวิต 38 ปี ในกองทัพบก ก็อยู่กับลูกน้องส่วนใหญ่ที่เป็นทหาร เป็นผู้ชาย ต้องขอโทษ ถ้าพูดไม่สุภาพบ้าง อะไรบ้าง ตนให้เกียรติทุกท่านเสมอ

เรื่อง คุณกริชสุดา ขอร้องอีกที อย่าพูดอะไรที่เป็นการให้ร้ายเจ้าหน้าที่เลย เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่จริงทั้งนั้น ไม่ใช่ส่วนใหญ่ เกือบทั้งหมด ฉะนั้น คุณเป็นสุภาพสตรี ผมต้องขอโทษบางครั้งพูดแรงไป ก็มีอารมณ์เหมือนกัน เพราะว่าท่านให้ร้ายกองทัพให้ร้ายอะไรต่างๆ มาโดยตลอด โดยที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต้องขอโทษด้วย ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องสุภาพเรียบร้อย

สำหรับเหตุการณ์ทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการตีกันของเด็กนักเรียน นักศึกษา คิดว่าต้องไม่มีอีกแล้ว ทุกคนต้องช่วยกันดูแล ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน ประชาสังคมต้องช่วยกัน


‘สมยศ’เปิดหลักฐาน ‘กริชสุดา‘โยงชุดดำ

19 ก.ย. 2557 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำ นปช. เดินทางเข้าพบ เพื่อขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม อย่างเคร่งครัด เกี่ยวกับคดีการจับกุมชายชุดดำ ว่า เมื่อวานนี้ (18กย.) หลังจากได้มีการพูดคุยกัน ก็ได้มีการชี้แจ้งให้ผู้เดินทางเข้าพบ ได้เข้าใจถึงกระบวนการการทำงานของเจ้าหน้าที่แล้วว่า เราสามารถตรวจสอบเรื่องใดได้บ้าง บางเรื่องก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนการสอบสวนของดีเอสไอ.

ก็ได้ชี้แจ้งไปชัดเจนแล้วว่า การเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และขอคืนพื้นที่จากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ยังไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการจับกุมทำแผนชายชุดดำ และตนไม่เคยพูดเลยว่า กลุ่ม นปช.เป็นผู้ก่อความรุนแรง แต่หากพบว่า การสอบสวนเชื่อมโยงไปที่ใคร ก็ต้องทำการจับกุมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกรณีน.ส.กริชสุดา คุณะเสน จะมาพูดว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชายชุดดำไม่ได้ เพราะจากการเข้าไปตรวจค้นบ้านพักของนางสาวกริชสุดา ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พบหลักฐานจำนวนมาก อาทิ หลักฐานการโอนเงินให้กับชายชุดดำ เพื่อนำไปก่อเหตุ

"เพราะฉะนั้น จะมาพูดว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ ผมไม่ได้ใส่ร้าย ถ้าคุณออกคลิปถามมาอีก ผมก็จะหาหลักฐานมาตอบคุณอีกอย่างแน่นอน " พล.ต.อ.สมยศ กล่าวพร้อมโชว์หลักฐานต่างๆ ที่ค้นเจอที่บ้านพักของน.ส.กริชสุดาให้กับสื่อมวลชนได้ตรวจสอบ


การบินไทยลดราคา แอล.เอ.-กรุงเทพฯ $1,050

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2557 ผู้จัดการการบินไทยประจำภาคพื้นอเมริกา สุดเศวต เศวตะโศภน เปิดบ้านเมือง Torrance พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโส อาภา วังส์ไพจิตร และสุชาต ทองนพคุณ เชิญสื่อมวลชนและ Travel Agency ร่วมฟังแถลงข่าวการลดราคาตั๋วการบินไทย การเปลี่ยนเครื่องบินรุ่นใหม่ และการเปลี่ยนแปลงเวลาออกจากสนามบิน LAX เร็วกว่าตารางเดิม

นายสุดเศวต เศวตะโศภน ผู้จัดการการบินไทยประจำภาคพื้นอเมริกา กล่าวว่าตนเองได้มาประจำการที่สำนักงานแอล.เอ.นี้ เป็นเวลา 5 ปีกับอีก 1 อาทิตย์ ดูเหมือนว่าทุกอย่างผ่านไปรวดเร็วมาก และต้องขอบคุณสื่อมวลชน และ Travel Agency ที่ได้สนับสนุนตนเอง และครอบครัวมาโดยตลอด ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านี้ผมคงทำงานในหน้าที่ไม่มีวันสำเร็จ ต้องของคุณจากใจจริงๆ

จากนั้น นายสุดเศวต ได้กล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อสามอาทิตย์ที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางไปประชุมกับผู้จัดการใหญ่การบินไทยทั่วโลกที่กรุงเทพฯ จึงได้มีโอกาสแจ้งในที่ประชุมว่า การบินไทยปัจจุบันเที่ยวแอล.เอ. – กรุงเทพฯ นั้นมีเพียง 4 เที่ยว ต่อ สัปดาห์ ทำให้เสียเปรียบคู่แข่งอื่นๆ อย่างน้อย 2 ข้อ ข้อแรกบินน้อยกว่าคนอื่น และข้อที่ 2 ราคาสูงกว่าคนอื่น “ผมได้บอกทางสำนักงานใหญ่ไปว่า ราคาตั๋วแอล.เอ. ควรเป็นเท่าไหร่ ถึงจะสู้สายการบินอื่นๆ ได้ ดีใจนะครับที่เขารับฟัง ทำให้เราสามารถลดราคาลงมาได้ โดยผมเสนอให้แวะไปเซี่ยงไฮ้ ก่อนเข้ากรุงเทพฯ ทางสำนักงานใหญ่ก็ถามว่า ถ้าแวะลงที่ใต้หวัน 7 วัน” เลยจะโอเคไหม ซึ่งถ้าได้แวะไต้หวันทั้งเจ็ดไฟลท์จริงๆ ก็จะยกเลิกเส้นทางอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งรายละเอียดยังมีอีกมาก ทั้งเรื่องสล๊อตไทม์ที่เครื่องจะบินลงและแวะจอด จึงยังเป็นแค่แนวทาง

สำหรับความคิดส่วนตัว อยากให้การบินสายแอล.เอ. – กรุงเทพฯ แวะที่เกาหลีใต้ 4 ไฟลท์ และที่ เซี่ยงไฮ้ 4 ไฟลท์ ต่อหนึ่งสัปดาห์

นายสุดเศวต ยังกล่าวต่ออีกว่า เกี่ยวกับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777 200-ER ที่นำกลับมาใช้ในเส้นทางแอล.เอ. กรุงเทพฯ ซึ่งให้เวลาเดินทางยาวนานเกือบ 19 ชั่วโมง เป็นเครื่องที่อึดอัดมานาน เส้นทางนี้ต้องใช้เครื่องที่นั่งแล้วมีความสะดวกสบาย จึงขอเปลี่ยนกลับไปใช้รุ่น 777 300-ER เหมือนเดิมเพื่อเพิ่มสมรรถนะการแข่งขัน ซึ่งจะเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมนี้ ทำให้ที่นั่งชั้นประหยัดสามารถนั่งได้สบายยิ่งกว่าเก่า พร้อมกันนี้การบินไทยได้เปลี่ยนเวลาการเดินทางจากสนามบิน LAX เร็วขึ้นเป็นออกเวลา 23.30 น.

นายสุชาต ทองนพคุณ กล่าวถึงเรื่องราคาตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดการบินไทยได้ลดราคาลงมาแบบพิเศษสุดในรอบหลายๆ ปี โดยในช่วงโลซีซั่นจองได้ตั้งแต่ช่วงนี้ ถึง 7 ธันวาคม 2557 ในราคาไปกลับเพียง 1,050 ดอลลาร์เท่านั้น ราคานี้รวมภาษีและค่าน้ำมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั๋วจะใช้ได้ 30 วัน และไม่มีไมล์เรจ ถ้าต้องการตั๋วที่มีอายุยาวมากกว่า 1 เดือนต้องเพิ่มราคาอีกเล็กน้อย สามารถสอบถามได้ที่ Travel Agency หรือทางการบินไทย 1-800-426-5204 หากต้องการแวะตามจุดต่างๆ ก็เสียเงินเพิ่มอีกเพียง 100 ดอลลาร์ ใครที่ต้องการแวะเที่ยวอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ครึ่งวัน ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าแฟร์เพิ่ม เที่ยวเสร็จก็ต่อการบินไทยไฟลท์ TG-635 ซึ่งออกจานอินชอนในเวลา 5 โมงครึ่งเข้าเมืองไทยได้เลย

ไปต่อทะเบียนเจอรถฝาแฝด สาวกรุงเก่ามึน! โร่แจ้งความ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ย. นางวรัทยา ตรีสินธุ์ อายุ 46 ปี อยู่ ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา นำรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน ฎศ 7222 กทม. จำนวน 2 คัน ซึ่งเป็นรถที่มีความเหมือนกัน แตกต่างกันที่ล้อแม็กซ์ นำมาที่กองพิสูจน์หลักฐาน เขต 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพรถยนต์เก๋งทั้งสองคัน ว่าคันใดเป็นรถที่ถูกต้องตามทะเบียนขนส่งกันแน่

โดยนางวรัทยา ตรีสินธุ์ อายุ 46 ปี กล่าวว่า หลังจากนำรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎศ 7222 กทม. เข้าต่อภาษี และพ.ร.บ. ประจำปี ที่ขนส่งฯจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 แต่ถูกปฎิเสธ ในการต่อภาษี เนื่องจาก ได้มีนางรื่นรมย์ ใสสด อยู่ ต.วังคุ้ง อ.กาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ได้นำรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎศ 7222 กทม. รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน เข้ามาต่อภาษี และพ.ร.บ. ก่อนหน้าแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557 ตนจึงได้เข้าแจ้งความได้ที่กองปราบปราม ไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และเชื่อว่ารถที่ตนเองใช้นั้น น่าจะถูกสวมทะเบียนปลอม

หลังจากนั้นได้มีการนำรูปรถและทะเบียนลงไปแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก จนกระทั่งได้มี เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงศรีฯ ที่เป็นผู้จัดสินเชื่อให้กับนางรื่นรมย์ ติดต่อเข้าขอตรวจสอบรถทั้งสองคัน ที่ สภ.อุทัย โดยนำรถทั้งสองคันมาตรวจสอบ พบว่า รถทั้งสองคัน มีหมายเลขทะเบียนเดียวกัน สีเดียวกัน เลขตัวเครื่อง ตัวถังเหมือนกันทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียว ที่แตกต่างกัน คือ ซีเรียลบาร์โค๊ดเท่านั้น

ส่วนนางวรัทยา เจ้าของรถ กล่าวอีกว่า รถคันดังกล่าว ตนเองและสามี ได้ออกรถป้ายแดงมาจากศูนย์ฮอนด้า ในจังหวัดสมุทรปราการ ในนาม พันจ่าอากาศเอก สมาน พางศิริ สามี พอสามีเสียชีวิต รถคันดังกล่าวเป็นมรดกตกทอดมาถึงตนเอง โดยทางธนาคาร ที่ทำสินเชื่อเป็นผู้โอนให้ ซึ่งตนก็ได้ทำการต่อภาษีและพ.ร.บ. มาตลอด ทั้ง 2 ปี จนมาปีนี้ ปีที่ 3 กลับพบว่าถูกปฎิเสธในการให้ต่อภาษี เนื่องจากมีผู้ได้นำรถสีเดียวกัน หมายเลขทะเบียนเดียวกัน มาต่อภาษีไปแล้ว และเมื่อขอตรวจสอบเอกสารจากไฟแนนซ์ของรถอีกคัน พบว่ามีเอกสารการโอนลอย ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนของตนเอง แต่ลายเซ็นในเอกสารเป็นลายเซ็นของใครก็ไม่รู้ ซึ่งไม่ใช่ลายเซ็นของตน

ด้านนายสมจิตร เจ้าของเต็นท์รถ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่นำรถฮอนด้า ซีวิคอีกคัน เข้ามาตรวจสอบ ได้เปิดเผยว่า รถคันดังกล่าว น้องชายได้ติดต่อซื้อรถมาจากนายวัฒนพล เจริญภักดี ชาวจังหวัดราชบุรี ซึ่งก่อนที่จะตกลงซื้อขายกัน ตนได้ตรวจสอบไปยังที่กรมการขนส่งฯแล้วว่า รถคันดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย โดนมีการเซ็นสัญญาโอนลอยกัน จนกระทั่งได้ขายไปให้กับนางรื่นรมย์ ซึ่งขั้นตอนในการต่อทะเบียน ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ได้มีการติดต่อจากบริษัทกรุงศรีฯ เชื่อว่า มีรถรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน หมายเลขทะเบียน เดียวกัน ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตนจึงได้นำรถเข้ามาตรวจสอบ ที่สภ.อุทัย เนื่องจากตนก็ไม่แน่ใจว่าตนจะถูกหลอกขายรถมาหรือไม่

อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน เขต 1 ได้รับรถทั้งสองคันไว้ตรวจสอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน ตามเอกสารทะเบียนขนส่งว่าคันไหนมีรายละเอียดหมายเลขตามอุปกรณ์ และเครื่องยนต์ที่แท้จริง เพื่อจะได้ดำเนินการกับรถคันที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจมีการสวมทะเบียนมา