ข่าว
ส้ินลายแล้ว! สหรัฐฯส่งโดรนเด็ดชีพ ผู้นำหมายเลข 2 อัลเคดา ที่ซีเรีย

เมื่อ 27 ก.พ. 60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กองกำลังสหรัฐฯส่งโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับติดอาวุธ โจมตีปลิดชีพ นายอาบู อัล-คาเยอร์ อัล-มาสรี ผู้นำหมายเลข 2 ของกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดา วัย 59 ปี ที่ประเทศซีเรีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายอาบู อัล-คาเยอร์ อัล-มาสรี หรือรู้จักกันในชื่อ อาห์หมัด ฮาซัส อาบู อัล-คาเยอร์ อัล-มาสรี เป็นชาวอียิปต์ และดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้นำกลุ่มอัลเคดา หรือรองจากนายอัลมาน อัล-ซาวาฮิรี ผู้นำกลุ่มอัลเคดาคนปัจจุบัน ตามรายงานของผู้เชี่ยวชาญด้านซีเรีย และก่อการร้าย รวมทั้ง ชาร์ลส์ ลิสเตอร์ แห่งสถาบันตะวันออกกลาง ได้มีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอเหตุการณ์ที่นายอัล-มาสรี ถูกโดรนเด็ดชีพลงในโซเชียล มีเดีย พร้อมกับระบุว่า ผู้นำหมายเลข 2 ของกลุ่มอัลเคดาตกเป็นเป้าโจมตีโดยอากาศยานไร้คนขับลำหนึ่ง ขณะเขานั่งอยู่ในรถเก๋ง ยี่ห้อเกีย จนทำให้รถตกลงไปข้างทางและหลังคารถเก๋งได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่วนการนำร่างคนในรถออกมาก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะที่เว็บไซต์ มิร์เรอร์ เผยถึงประวัตินายอัล-มาสรี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำหมายเลข 2ของกลุ่มอัลเคดา ซึ่งเคยเป็นกลุ่มก่อการร้ายหมายเลขหนึ่งของโลกว่า เขาเคยเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธมุสลิมในอียิปต์ ก่อนจะหลบหนีออกจากประเทศในช่วงทศวรรษ 1980 จากนั้น ก็เข้าร่วมสู้รบในสงครามบอสเนีย ช่วงทศวรรษ 1990 ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังอัฟกานิสถาน และได้หลบหนีออกจากอัฟกานิสถาน หลังกลุ่มก่อการร้ายภายใต้การนำของโอซามา บิน ลาเดน ก่อวินาศกรรมช็อกโลกในสหรัฐฯ หรือเหตุการณ์ 9/11 โดยนายอัล-มาสรี ได้ถูกจับกุมในอิหร่าน พร้อมกับสมาชิกระดับสูงของกลุ่มอัลเคดาอีกหลายคนในปี 2546 ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อ มี.ค.2558 และเดินทางมายังซีเรีย ขณะที่กลุ่มติดอาวุธ ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอซิส กำลังเคลื่อนไหวอย่างดุเดือด บุกยึดดินแดนในซีเรียและอิรัก

คำสั่งสำนักพระราชวัง ลงโทษไล่ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ออกจากราชการ

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ มีคำสั่งสำนักพระราชวังที่ 183/2560 เรื่อง ลงโทษไล่ข้าราชการออกจากราชการ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ด้วย พลตำรวจเอกจุมพล มั่นหมาย ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ฝ่ายความมั่นคงและกิจกรรมพิเศษ ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ได้กระทำผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่อยู่ใกล้ชิดติดพระองค์ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการไปในทางที่ไม่ถูกต้อง แสวงหาประโยชน์ให้กับตัวเอง ฝักใฝ่ในเรื่องการเมืองเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ไม่เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย พฤติกรรมดังกล่าว จึงเป็นความผิดวินัยร้ายแรง สมควรรับโทษไล่ออกจากราชการสำนักพระราชวังพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ พลตำรวจเอกจุมพล มั่นหมาย เป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันเป็นความผิดตามมาตรา 85 (4) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 จึงเห็นควรลงโทษไล่ออกจากราชการ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และ มาตรา 11 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในพระองค์ พ.ศ. 2552 ลงโทษไล่ พลตำรวจเอกจุมพล มั่นหมาย ออก จากราชการ อนึ่งการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษนี้ให้อุทธรณ์ต่อ อ.ก.พ.กระทรวงของสำนักพระราชวังใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง


พศ. ติดป้าย ห้ามพระ-เณร ร่วมชุมนุมเป็นความผิดตามกฎหมาย

วันที่ 28 ก.พ. ที่บริเวณประตู 5 วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดป้ายประกาศห้ามพระสงฆ์ และสามเณร เข้าร่วมชุมนุมขัดขวางเจ้าหน้าที่ บริเวณวัดพระธรรรมกาย เพราะถือเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยมีป้ายทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ขณะที่ บริเวณตลาดกลางคลองหลวง กลุ่มศิษยานุศิษย์ติดป้ายประกาศขอรับการสนับสนุนอาหารและยารักษาโรค โดยอ้างว่ามีผู้คนติดอยู่ภายในวัดพระธรรมกายกว่า 10,000 ชีวิต ขณะที่บริเวณประตู 7 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และภริยา เดินทางมาร่วมทำบุญตักบาตร กับพระอำนาจ วีระธัมโม ซึ่งเป็นพระญาติผู้ใหญ่ พร้อมพูดคุยและไปส่งบริเวณด้านหน้าประตู เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในวัด พร้อมปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยบอกเพียงว่า ไม่ต้องการให้เป็นประเด็นทางสังคม เพราะตัวเองและภรรยาก็เดินทางมาทำบุญกันตามปกติอยู่แล้ว รวมถึงญาติของตัวเองก็บวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย ทั้งนี้ พระภิกษุทุกรูปที่ออกมารับบาตร จะต้องเดินเท้าออกมาจากด้านในวัด และหากรับบาตรเสร็จแล้ว ตำรวจจะคอยช่วยถือสิ่งของที่ประชาชนนำมาใส่บาตร กลับเข้าไปที่จุดคัดกรองภายใน เพื่อตรวจสิ่งของต้องห้ามที่ไม่สามารถให้นำเข้าไปได้ ซึ่งประตู 7 นี้ จะเป็นประตูที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้พระของวัดที่ออกไปบิณฑบาต สามารถกลับเข้ามาในวัดที่ประตูนี้ได้เพียงประตูเดียว


หมอมโน แจ้ง ตร. ถูกชายลึกลับโทรขู่ฆ่า มั่นใจ ธัมมชโย อยู่ห้องลับในวัด

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 ก.พ. ที่ สภ.คลองหลวง นพ.มโน เลาหวนิช อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยศวัฒน์ นิติรัฐพัฒนาคุณ สว.(สอบสวน) สภ.คลองหลวง หลังถูกชายลึกลับโทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นพ.มโน เผยว่า บุคคลลึกลับคนที่เคยส่งข้อความมาขู่อาฆาตตน ล่าสุดได้โทรศัพท์มาหาตน และพูดสั้นๆ ขอขมาลาโทษ หลวงพ่อวัดปากน้ำซะ เพราะตนกำลังจะตายในเร็วๆ นี้ นับวันการคุกคามเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นขู่เอาชีวิต จึงแจ้งความเอาผิดให้ถึงที่สุด เชื่อไม่ยากที่เจ้าหน้าที่จะติดตามจับตัวคนร้ายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย "การที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มีคำสั่งห้ามพระสงฆ์ เข้าร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกายในช่วงนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หากปล่อยให้ยาวนาน อาจเกิดกรณีการผูกคอตายเพิ่มขึ้นอีก ส่วนตัวอยากให้รัฐใช้มาตรการเด็ดขาด ตรวจค้นวัดและจับกุมพระธัมมชโยให้ได้ อยากฝากถึงพระธัมมชโยว่า ถึงเวลาที่ต้องเข้ามอบตัวแล้ว อย่าให้คนอื่นต้องลำบาก อย่าให้ใครต้องมาตายเพื่อท่านอีกเลย เมื่อท่านเป็นคนสร้างและเป็นคนทำลาย ท่านก็ต้องรับผิดชอบ ขณะนี้พระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย ภายในอาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ โดยมีพระ 5 เสือของวัดคอยดูแล อีกทั้งมีคนใกล้ชิดอีกคน คือหลวงพี่ชิน ซึ่งหมอนวดประจำตัวท่าน เจ้าหน้าที่ควรเข้าตรวจค้นบริเวณโซน B ใกล้กุฏิหลวงพี่ชิน เพราะบริเวณดังกล่าวมีห้องลับอยู่" นพ.มโน กล่าว


หญิงสิงคโปร์ช็อก โดนUK เนรเทศกลับบ้านเกิด หลังแต่งงานอยู่อังกฤษ 27 ปี

เมื่อ 27 ก.พ. สื่อต่างประเทศ และสำนักข่าวบีบีซี รายงานข่าวครึกโครมเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดกับ นางไอรีน เคล็นเนลล์ หญิงชาวสิงคโปร์ วัย 52 ปี เมื่อในที่สุด เธอได้ถูกทางการสหราชอาณาจักร (ยูเค) เนรเทศให้ออกจากยูเค ทั้งที่เธอแต่งงานอยู่กินกับนายจอห์น เคล็นเนลล์ สามีชาวอังกฤษ มานานถึง 27 ปี จนมีลูกด้วยกัน 2 คน และมีหลาน 1 คน ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ เดอรัม เคาตี้ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ โดยข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสกอตแลนด์ ได้ส่งนางไอรีน เคล็นเนลล์ ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินในกรุงเอดินเบอระ เมืองหลวงสกอตแลนด์ เดินทางกลับไปยังประเทศสิงคโปร์แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 25ก.พ.ที่ผ่านมา นางไอรีน เคล็นเนลล์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสกอตแลนด์ กักตัวเธอไว้ที่สถานกักกันดันกาเวล ในสกอตแลนด์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากเธอทำผิดกฎ โดยเดินทางออกจากสหราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด จากการไปดูแลพ่อแม่ในสิงคโปร์ ก่อนจะเสียชีวิต โดยนางเคล็นเนลล์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกักตัวและเนรเทศเธอพ้นจากยูเค ทั้งที่เธอมีเงินติดตัวอยู่ในกระเป๋าเพียงแค่ 12 ปอนด์ หรือราว 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 700 บาท) อีกทั้งยังไม่มีบ้านในสิงคโปร์ และเธอก็ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามามากพอ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นางเคล็นเนลล์จะพยายามขอร้องให้ทางการสกอตแลนด์เห็นใจ ไม่เนรเทศเธอออกนอกประเทศ เพราะเธอต้องดูแล นายจอห์น เคล็นเนลล์ ผู้เป็นสามี ที่ไม่สบาย แต่ท้ายที่สุดคำขอร้องของเธอไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะถูกทางการยูเคเนรเทศกลับไปยังสิงคโปร์แล้ว


สรุปนโยบาย 'โดนัลด์ ทรัมป์' ทำไทยรวย

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบจากนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า หากสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 45% จะทำให้จีนส่งออกไปยังสหรัฐฯลดลง 1.7 ล้านล้านบาท หรือ 11.4% ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้มูลค่าส่งออกของไทยไปสหรัฐฯลดลงรวม 39,200 ล้านบาท หรือลดลง 4.9 % นอกจากนี้ ยังมีนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ที่สหรัฐฯต้องการกดดันให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 5% เพื่อลดการขาดดุลการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกของจีนไปสหรัฐฯลดลง 236,000 ล้านบาท และจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและอ้อม โดยทำให้มูลค่าหายไปอีก 7,526 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่านโยบายการถอนตัวออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) จะเป็นผลดีต่อไทย เพราะจะทำให้แต้มต่อของประเทศคู่แข่ง ในเรื่องของนโยบายภาษีและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ลดลง คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์หรือมีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 11,800 ล้านบาท และเมื่อหักลบกันแล้ว จะยังทำให้ไทยได้ประโยชน์อยู่ 2,582 ล้านบาท “หากพิจารณาภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มฟื้นตัว รวมกับอานิสงส์ของไทยในการส่งออกไปยังญี่ปุ่น จากการที่ญี่ปุ่นน่าจะส่งออกไปยังสหรัฐฯได้มากขึ้น คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์ในการส่งออกไปสหรัฐฯ รวม 17,200 ล้านบาท

สลด! เครื่องบินเล็กตกใส่บ้านคนในแคลิฟอร์เนีย ดับ 3 ศพ เจ็บ 2

เกิดเหตุเครื่องบินเล็กตกใส่บ้าน 2 หลังในพื้นที่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้เกิดไฟลุกไหม้รุนแรง จนต้องอพยพผู้ที่อาศัยในพื้นที่แถบนั้นราว 30 คน เมื่อวันจันทร์ที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องบิน 3 คนเสียชีวิต ส่วนอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีคนบนพื้นได้บาดเจ็บเครื่องบินเล็กลำดังกล่าวบรรทุกสามีภรรยคู่หนึ่งกับเด็กวัยรุ่นอีก 3 คน เพิ่งเดินทางออกจากท่าอากาศยานในเมืองริเวอร์ไซด์เมื่อช่วงบ่าย โดยจะเดินทางกลับไปยังเมืองซาน โฮเซ หลังจากร่วมงานเชียร์ลีดเดอร์ที่ดิสนีย์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนตกใส่บ้านคน หนึ่งในเด็กวัยรุ่นเพศหญิงถูกแรงกระแทกโยนออกมาจากที่นั่งด้านหลังเครื่องบิน แต่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ขณะที่พยานผู้เห็นเหตุการณ์ 3 คนบอกกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า วัยรุ่นหญิงคนนี้ตะเกียกตะกายออกมาจากซากบ้านและขอความช่วยเหลือ โดยเธอยังมีสติเพียงพอจะเล่าเหตุการณ์ให้นักดับเพลิงฟังได้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังสามารถช่วยเหลือผู้โดยสารอีกคนออกมาจากซากของบ้านที่ถูกไฟไหม้ อย่างไรก็ตาม ผู้รอดชีวิตได้รับบาดเจ็บหนักอาการอยู่ในขั้นวิกฤติและต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ศูนย์พยาบาลแอร์โรว์เฮด ในเมืองซานเบอร์นาร์ดิโด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิต 3 ร่างในซากปรักหักพัง ทั้งหมดเป็นผู้โดยสารเครื่องบิน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำนี้ตก แต่ครูโรงเรียนประถมซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุระบุว่า เธอเห็นเหตุการณ์ผ่านทางหน้าต่างห้องเรียน และมีฝนตกในขณะเกิดเหตุด้วย