ข่าว
จับ'คนดูแลวัด'สุดอู้ฟู่ ขับลัมโบร์กินี่ 12 ล้าน

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายณัฐพงษ์ ศิริบุญ นอภ.เมืองนครนายก สั่งการให้ นายสานิตย์ ศรีทวี ป.อาวุโสเมืองนครนายก นำชุด ฉก.สิงห์พิทักษ์ สนธิกำลังกับทหาร ตำรวจ และสรรพสามิต เข้าปิดล้อมตรวจสอบภายในบ้านเลขที่ 58 หมู่ 3 ต.บ้านใหญ่ อ.เมืองนครนายก ก่อนควบคุมตัว นายสิทธิพร หรือเล็ก กรทัศนา อายุ 46 ปี พื้นเพเป็นชาว อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พร้อมของกลาง รถสปอร์ตหรูลัมโบร์กินี กัลลาร์โด LP560-4 สีส้มคาดดำ ทะเบียน กต-7777 ร้อยเอ็ด

จากนั้นพอค้นในรถก็พบ ปืนขนาด 11 ม.ม.ซุกซ่อนไว้ใต้เบาะข้างคนขับ ก่อนจะพาไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ปรากฏว่าเป็นสีม่วงด้วย ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าเพิ่งจะเสพไอซ์มา

สอบสวน นายสิทธิพร หรือเล็ก รับว่า ตนทำหน้าดูแลวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ปากพลี จ.นครนายก เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่ง ทำอาชีพเสริมด้วยการปลูกหน่อพันธุ์กล้วยชนิดต่างๆขายอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ส่วนบ้านหลังนี้เป็นบ้าน 2 ชั้น ปลูกในพื้นที่ 1ไร่ ทำสัญญาซื้อขายในราคา 8 ล้านบาท ก่อนจะขนของเข้ามาอยู่ แต่เพราะยังไม่มีเงินจ่ายทางเจ้าของเลยต้องการขอบ้านคืน วันนี้จึงต้องมาขนของย้ายออก ส่วนรถหรูซื้อต่อมาจากคนรู้จักที่อยเอ็ดเช่นกัน ในราคา 12 ล้านบาท อยู่ระหว่างผ่อนเป็นงวดๆ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจทะเบียนรถพบว่าที่แท้เป็นทะเบียนปลอม เนื่องจากทะเบียน กต-7777 ร้อยเอ็ด เป็นทะเบียนของรถยี่ห้อนิสสันคันหนึ่ง ส่วนทะเบียนจริงของรถหรูคันนี้ผู้ต้องหายังปากแข็งไม่ยอมบอก แต่ไม่พบในสารบบ ซึ่งจะแจ้งข้อหาเกี่ยวกับคดีอาวุธปืน คดีสวมทะเบียน และคดีเสพยาเสติด เอาไว้ก่อน รวมทั้งจะเช็กประวัติและเส้นทางการเงินทั้งหมดว่ามีความเชื่อมโยงกับธุรกิจมืดหรือไม่

“อั้ม-พัชราภา-ณเดชน์” ได้รางวัลนักแสดงแห่งปี

ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส 2018 คึกคัก ซุป’ตาร์ตบเท้าร่วมเดินพรมม่วง “อั้ม” ควบ “หมิว” คว้านักแสดงหญิงแห่งปี “ณเดชน์” นักแสดงชายแห่งปี “เบลล่า” คว้าขวัญใจมหาชน

เป็นอีกหนึ่งเวทีที่รวมเหล่าศิลปิน-ดาราจากทุกค่าย ทุกช่องมารวมตัวกันเดินพรมม่วงอย่างพร้อมเพรียงได้ทุกปี สำหรับงานประกาศรางวัล ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส 2018 ที่จัดขึ้น ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

ซึ่งครั้งนี้เหล่าบรรดาก็ตบเท้าเข้าร่วมงานคับคั่งเช่นเคย อาทิ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ, ณเดชน์ คูกิมิยะ, เบลล่า ราณี แคมเปน, เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, นน ชานน สันตินธรกุล, BNK48, ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย, เจ เจตริน วรรธนะสิน, เบน ชลาทิศ ตันติวุฒิ, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร, ธันวา บุญสูงเนิน, ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี, บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, พีรวัส แสงโพธิรัตน์, ปราชญา เรืองโรจน์, วิลลี่ แมคอินทอช, มารีญา พูลเลิศลาภ ฯลฯ และต้องบอกว่าปีนี้นางเอกสาวอย่่างอั้มก็เดินหน้ากวาดรางวัลจากหลายๆ เวที ล้างอาถรรพ์เล่นละครแต่ไม่เคยได้รางวัลสะอาดหมดจด

สำหรับผลการประกาศรางวัลมีดังต่อไปนี้

รางวัลพระราชทานบันเทิงเทิดธรรม “อาทิวราห์ คงมาลัย”

รางวัลบุคคลเบื้องหลังแห่งปี “ประวิทย์ มาลีนนท์”

รางวัลครอบครัวแห่งปี “ครอบครัวจรรยาธนากร”

รางวัลพิธีกรแห่งปี “กันต์ กันตถาวร”

รางวัลเพลงแห่งปี “คนละชั้น - เจ้านาย จิณเจษฎ์ วรรธนะสิน”

รางวัลศิลปินเดี่ยวแห่งปี “The TOYS ธันวา บุญสูงเนิน”

รางวัลศิลปินกลุ่มแห่งปี “BIG ASS”

รางวัลภาพยนตร์แห่งปี “ฉลาดเกมส์โกง”

รางวัลนักแสดงชายแห่งปี “ณเดชน์ คูกิมิยะ”

รางวัลนักแสดงหญิงแห่งปี “พัชราภา ไชยเชื้อ, ลลิตา ปัญโญภาส”

รางวัลละครโทรทัศน์แห่งปี “รากนครา”

รางวัลขวัญใจมหาชน “ราณี แคมเปน”


"ประยุทธ์"มาอีกดอก โวยลั่นไม่ทรยศชาติ

(8 มิย.)ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างมอบนโยบายข้าวว่า วันนี้หากทุกคนใจร้อน อยากได้อะไรดีๆเร็วๆด่วนๆ ท้ายสุดก็กลับมามีปัญหาทั้งสิ้น รัฐบาลไม่อยากจะทำอะไรที่แก้ปัญหาอย่างง่ายๆ หากเดือดร้อนแล้วให้เงินไป แต่วัดสัมฤทธิ์อะไรไม่ได้เลย ขณะเดียวกันสังคมวันนี้หลายอย่างมีปัญหา โดยเฉพาะสังคมในโซเชียลมีเดียที่ด่ากันไปด่ากันมาทุกวันตนไม่เห็นว่าจะได้สาระอะไรทำให้สิ่งที่ดีๆล้มไปหมด เพราะซึ่งเกิดจาก 2 อย่าง คือ การเมืองและความเพลิดเพลินในการเล่นโซเชียลมีเดียโดยไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นขออย่าให้การเมืองนำ แต่ต้องใช้สติปัญญาและความคิดในการทำงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยได้ประโยชน์จากข้าว เพราะตนเป็นประธานเองและเข้าประชุมทุกครั้ง อะไรที่ไม่เข้าคณะกรรมการก็จะไม่อนุมัติให้ ทุกอย่างเปิดเผยทั้งหมด มีการประมูลที่หน้าคลัง หากใครไม่ไปร่วมแล้วมาบอกว่าไม่ยุติธรรมไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นการงุบงิบเปิดแล้วใส่ซอง อีกทั้งคนที่เคยได้แล้วไม่ได้ ก็หาว่ารัฐบาลไม่เป็นธรรมได้เงินมา 4 หมื่นล้านจากการขายข้าว 2 ล้านตัน แล้วเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ที่ไหน แล้วยังบอกว่ารัฐบาลจะเอาเงินนี้ไปทำการเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เละไปหมด

“เชื่อใจผมสิครับ ผมเป็นอย่างนี้ผมไม่ทำหรอก ถึงไม่เข้ามาผมก็ไม่ทำ ผมไม่เคยทำอย่างนั้นไม่เคยทรยศกับประเทศชาติ จำคำพูดผมไว้แล้วกันนโยบายผมชัดเจน ส่วนของการปฏิบัติก็ไปไล่กันตรงโน้น มีการตรวจสอบไปไล่กันมา ผิดก็ลงโทษ แต่ยืนยันว่าผมมีเจตนาบริสุทธิ์ในการทำงาน ในการบริหารราชการแผ่นดินขณะที่ผมเข้ามาในลักษณะนี้ ผมรู้ตัวดีอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เข้ามาจะทำอย่างไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าย้อนกลับไปได้ ผมก็อยากจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ดูสิว่าวันนี้จะอยู่กันได้ไหม มันจะเกิดสงครามการเมืองหรือเปล่าผมก็ไม่รู้แล้ววันนี้จะปล่อยในเกิดขึ้นอีกหรือ ทุกอย่างที่ทำวันนี้มันจะล้มไปหมดเลย ทั้งการค้าการลงทุน หลายประเทศก็เชิญมา ผมก็ต้องไป อาจไม่ให้ไปเป็นทางการแต่พูดคุยได้เพราะกฎหมายเขียนอย่างนั้น ผมก็ทน ผมไม่อายใครเพราะผมทำความดี แต่เรื่องกฎหมายมันก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเขา แต่ความรู้สึกส่วนตัวเขาไม่มีอะไรกับผม ต้องเข้าใจตรงนี้ไม่ใช่ตีกันไปเหมือนที่ผมบอก ทำลายกันเข้าไปนายกรัฐมนตรี วันหน้ามาอีกก็โดนอีกนายกฯ ดีไม่ดีก็โดนด่าพอกัน ทำดีก็โดนทำไม่ดีก็โดนแล้วมันจะเป็นอย่างนี้หรือ จะแยกแยะใครได้”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

`พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า แม้ตนไม่ได้เรียนด็อกเตอร์ แต่คิดและอ่านหนังสือรวมถึงอ่านโซเชียลมีเดียและสื่อที่มีทั้งด่าและชม แต่ส่วนใหญ่ด่ามากกว่า ตนไม่เคยน้อยใจจะรู้เองว่าวันหน้าเกิดอะไรขึ้นเพราะตนทำวันนี้เพื่อวันหน้าและไม่ได้โทษใคร ซึ่งการไปสู่ประชาธิปไตยต้องสงบและเรียบร้อย การตีกันไปมาจะเลิกได้ไม่ได้ก็มีผลกระทบกับทุกคน ประท้วงกันไปมารัฐบาลก็ไม่สามารถทำงานหรือแก้อะไรต่อได้ จึงขอให้เลิกได้แล้วการประท้วงแบบเดิม ขออย่าเข้าไปร่วม ทั้งนี้ประชาธิปไตยไม่ใช่แก้ทุกอย่างได้ทั้งหมด แต่มีความจำเป็น เพราะโลกเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องมองว่าประชาธิปไตยของเราควรเป็นแบบใด จะเป็นแบบเดินหรือไม่ จึงต้องร่วมมือกัน ซึ่งประชาธิปไตยต้องดูแลทั้งคนส่วนใหญ่และส่วนน้อยโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


‘วัฒนา’กระทบชิ่งบิ๊กตู่ จะด่าแล้ว มีปัญหามั้ย!

8 มิ.ย.61 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Watana Muangsook โดยตั้งหัวข้อ ระบุว่า “จะด่า...มีปัญหามั้ย”

ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเห็นใครแสดงความถ่อยกักขฬะ หรือแสดงพฤติกรรมแบบที่โบราณเรียกว่าไม่มีสมบัติผู้ดีติดตัวใส่พลเอกประยุทธ์ เช่น กินกล้วยเสร็จปาเปลือกกล้วยใส่ หรือตอบคำถามแบบกระโชกโฮกฮาก จึงทำให้ผมไม่เข้าใจที่พลเอกประยุทธ์กล่าวใน สนช. ทำนองข่มขู่ว่า “ตัวเองมีความเป็นมนุษย์สูง หรือนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติจะมาหมิ่นไม่ได้ อยากรักษาให้ตำแหน่งนี้มีเกียรติ หรือเวลาจะด่าตนให้ระวัง”

ผมเชื่อว่าคนทั้งโลกให้เกียรติกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้นำของฝ่ายบริหาร แต่จะต้องพิจารณาถึงการได้มาซึ่งตำแหน่ง รวมทั้งการปฏิบัติตัวของบุคคลนั้นด้วย เช่น มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือเป็นคนรักษาคำพูด หรือเป็นคนเคารพสิทธิของผู้อื่น หรือพูดจาสุภาพและไม่แสดงพฤติกรรมถ่อยหรือกักขฬะใส่บุคคลอื่น เป็นต้น หากบุคคลใดมีพฤติกรรมดังกล่าวย่อมจะมีคนให้เกียรติ อย่างน้อยจะไม่มีคนด่าลับหลังว่าทางบ้านไม่อบรมสั่งสอนหรือไม่มีสมบัติผู้ดี ทั้งยังไม่ต้องไปโพนทะนาให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองยังเป็นคน

พลเอกประยุทธ์จึงต้องสำเหนียกว่า ตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่และอำนาจที่มีอยู่นั้นเป็นของประชาชน ความจริงแล้วพลเอกประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมแม้แต่น้อยที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะไม่ได้มาจากประชาชน จึงต้องใช้อำนาจด้วยความระมัดระวังเพื่อประโยชน์ของประชาชนและต้องรีบคืนอำนาจให้กับเจ้าของอำนาจ ไม่ใช่เลื่อนการเลือกตั้งเรื่อยมา หรือสร้างเงื่อนไขประเภทจะหาเสียงต้องมาขออนุญาตเป็นครั้งคราว รวมทั้งจะต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์เพราะเงินที่ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือค่าเสียหายที่หลายคนเรียกว่า “ค่าโง่” ที่อาจจะต้องจ่ายจากการใช้อำนาจเผด็จการปิดเหมืองทองอัคราล้วนมาจากภาษีของประชาชนทั้งสิ้น

ถ้าทนฟังไม่ได้ก็รีบคืนอำนาจให้ประชาชนแล้วกลับไปอยู่บ้านรอหมายเรียก


พาอดีตพระพรหมเมธีหนี “สีกาจุ๋ม” โผล่เกาะอังกฤษ

กว่า 10 วัน ในการหลบหนีของอดีตพระพรหมเมธี หรือเจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งได้รับการช่วยเหลือบินไปประเทศเยอรมนี ล่าสุดผู้ให้การช่วยเหลือทั้ง 5 คน ถูกออกหมายจับ

1 ในนั้นคือ นางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือสีกาจุ๋ม อายุ 54 ปี ลูกศิษย์คนสนิท และได้เดินทางออกประเทศไทยไปยังประเทศอังกฤษแล้ว เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ก่อนจะมีหมายจับ เมื่อ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อดูจากช่วงเวลา นับตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 24 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เปิดปฏิบัติการบุกเข้าจู่โจมวัดดังในกทม. นำกำลังพร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้น จับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด โดยวันนั้นอดีตพระพรหมเมธี รับกิจนิมนต์ที่จ.พิษณุโลก และเมื่อรู้ข่าวจึงเดินทางหลบหนีในทันทีไปยังวัดป่าสุคนธลักษณ์ อ.เรณูนคร จ.นครพนม จากการช่วยเหลือของสีกาจุ๋ม และลูกศิษย์ชาวลาว พาหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติข้ามฝั่งไป จนไปโผล่ที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต และถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเยอรมนี กักตัว เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบร่องรอยการหลบหนีของอดีตพระพรหมเมธี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ไม่รีรอได้นำทีมลงพื้นที่ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 31 พ.ค. และควบคุมตัวสีกาจุ๋ม เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.มาสอบสวน หลังกลับจากประเทศลาว เข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา

ในการสอบสวนขณะนั้น สีกาจุ๋ม ให้การว่า ได้ข้ามแดนเพื่อไปพบกับอดีตพระพรหมเมธี จริง เนื่องจากมีนัดไปทำบุญที่ประเทศลาว และทราบว่าอดีตพระพรหมเมธี เดินทางจากประเทศไทยโดยทางเรือ กระทั่งทราบข่าวอดีตพระพรหมเมธี มีหมายจับและเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด จึงเดินทางกลับมาไทย และให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีใดๆ และได้ปล่อยตัวในที่สุด

กระทั่งล่าสุด 7 มิ.ย. สีกาจุ๋มและพวก รวม 5 คน ได้ถูกออกหมายจับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทว่าก่อนมีการออกหมายจับพบว่า สีกาจุ๋ม ได้ออกจากประเทศไทยไปแล้ว โดยบินไปสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เที่ยวบินที่ BR 67 สายการบินอีวีเอ แอร์ เมื่อเวลา 12.50 น. คืนวันที่ 5 มิ.ย. ทำให้รอดจากการถูกจับกุมในที่สุด

จนเกิดคำถามคาใจไว้มากมาย เหตุใด? เจ้าหน้าที่ไม่ควบคุมตัวสีกาจุ๋ม ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. จนปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป และหนีรอดไปได้อย่างง่ายได้ เหมือนมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่ต่างกับการวางแผนหลบหนีของอดีตพระพรหมเมธี ที่มีการทำบ้านเป็นอย่างดี.

นักจัดรายการท่องเที่ยวชื่อดังของ CNN "แอนโธนี บอร์เดน" ฆ่าตัวตายในวัย 61

(8 มิ.ย.) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายแอนโธนี บอร์เดน นักเขียน และนักจัดรายการช่องเที่ยวชื่อดังทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเสียชีวิตลงแล้วในวัย 61 ปี ด้วยเหตุจากการทำอัตวินิบาตกรรม หรือ ฆ่าตัวตาย

"นับเป็นความน่าโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก เราขอยืนยันถึงการเสียชีวิตของแอนโธนี บอร์เดน เพื่อน และเพื่อนร่วมงานของเรา" สำนักข่าวดังของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา "ความรักในการผจญภัย การได้พบเพื่อนใหม่ ๆ ได้รับประทานอาหารและเครื่องดื่มชั้นดี รวมไปถึงการเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจในโลก ทำให้เขาถือเป็นนักเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พรสวรรค์ของเขาทำให้เรารู้สึกทึ่งอยู่ตลอดเวลา และเราจะระลึกถึงเขา เราขอแสดงความเสียใจ และขอภาวนาต่อลูกสาวรวมถึงครอบครัวของเขา ในห้วงเวลาอันยากลำบากยิ่งนี้"

ขณะที่เกิดเหตุบอร์เดนอยู่ระหว่างการทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อถ่ายทำรายการ พาร์ส อันโนน (Parts Unknown) รายการสารคดีท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลหลายรางวัลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเอริค ริเพิร์ด พ่อครัวชาวฝรั่งเศส เพื่อนสนิทของบอร์เดน พบร่างบอร์เดนในห้องพักในโรงแรม

"โทนีเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมาก" เจฟฟ์ ซัคเกอร์ ประธานของซีเอ็นเอ็นระบุในอีเมลที่ส่งถึงพนักงาน "ทุกคนจะคิดถึงเขา ไม่เพียงแต่งานที่เขาทำ แต่รวมถึงความกระตือรือร้นในสิ่งที่เขาทำกำลังทำ"

แอนโธนี บอร์เดน เกิดที่นิวยอร์ก จบการศึกษาจากสถาบันการทำอาหารแห่งอเมริกา (Culinary Institute of America หรือ CIA) วิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่เปิดสอนหลักสูตรต่าง ๆ ในสาขาวิชาชีพด้านการทำอาหารในปี พ.ศ.2521 ก่อนออกมาเป็นพ่อครัวอาชีพ จนกระทั่งสร้างชื่อจากหนังสือเรื่องคิตเชน คอนฟิเดนเชียล ซึ่งออกตีพิมพ์ในปี 2543 ก่อนที่เจ้าตัวจะเขยิบมาทำรายการท่องเที่ยวและอาหารทางโทรทัศน์และมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งขึ้น โดยรายการที่เป็นที่รู้จักเช่น A Cook's Tour ซึ่งออกฉายทางฟู้ด เน็ตเวิร์ก, แอนโธนี บอร์เดน : โน เรเซอร์เวชัน และ เดอะ เลย์โอเวอร์ ทางทราเวล แชแนล จากนั้นจึงหันมาทำรายการพาร์ทส์ อันโนนให้กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น

ทั้งนี้ในปี 2559 รายการของบอร์เดนกลายเป็นข่าวดังทั่วโลก เมื่อสามารถดึงนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นมานั่งทานอาหารเวียดนามในร้านอาหารข้างถนนกลางกรุงฮานอย ระหว่างที่โอบามาไปเยือนเวียดนาม

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารประเทศไทย นายบอร์เดนก็เคยเดินทางมาถ่ายทำรายการหลายครั้ง ในหลายเมือง เช่น กรุงเทพ เชียงใหม่ เป็นต้น