ข่าว
เจ้าอาวาสวัดดังแวนคูเวอร์ ถ่ายรูปคู่สีกาอย่างไกล้ขิด

14 มี.ค. ในโลกสังคมออนไลน์ขณะนี้ได้มีการเผยแพร่ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่ง อยู่ในอริยาบทและจากการทำกิจกิจกรรมต่างๆ มีทั้งภาพที่ถ่ายรูปคู่กับสีกาอย่างใกล้ชิด ภาพถ่ายในโรงหนัง ภาพเดินบิณฑบาตร หรือแม้แต่ภาพถ่ายที่อยู่ในชุดฆราวาส

ซึ่งขณะนี้ได้มีการแชร์และส่งต่อกันอย่างมากมายในโซเซียลทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ซึ่งชาวเน็ตส่วนใหญ่ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระสงฆ์รูปนี้อย่างมาก เบื้องต้นทราบว่า พระสงฆ์รูปดังกล่าวเป็นเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง สาขาแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

แพทย์ไทยสุดเจ๋ง รักษา'เอดส์'หาย

ทั่วโลกตะลึงแพทย์ไทยโชว์ผลงานวิจัยเด็ดรักษา"เอดส์"หายขาดหากตรวจDNAหลังมีเซ็กส์เสี่ยงไม่เกิน 1 อาทิตย์ ยันกินยาติดต่อกันไม่เกิน 5 ปี ควบคุมเชื้อได้ทันที

ภายหลังการประชุมแพทย์และนักวิจัยเกี่ยวกับโรคเอดส์และโรคติดเชื้อฉวยโอกาสระดับโลก หรือ "CROI 2013" (The Conference on Retroviruses and Opportunistic Infections) ณ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3-6 มีนาคม ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า นักวิจัยจากประเทศไทยได้เผยแพร่ผลงานสร้างความฮือฮาให้แก่สมาชิกในที่ประชุมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรกให้มีโอกาสหายขาดได้

ศ.นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า การประชุมครั้งนี้มีการเสนองานวิจัยใหม่ๆ จากทั่วโลก แต่ที่ได้รับความสนใจมีผู้สอบถามข้อมูลมากสุด คือ งานวิจัยของแพทย์หญิงไทยเกี่ยวกับการทดลองกับอาสาสมัครของคลินิกนิรนาม ที่มาตรวจเชื้อเอชไอวีแล้วพบในระยะเริ่มแรกไม่เกิน 1 อาทิตย์ หลังจากรับเชื้อแล้วให้กินยาสูตรเบื้องต้นทันที หลังเฝ้าติดตามผลปรากฏว่าแทบจะไม่พบเชื้อหลงเหลืออยู่ในร่างกายหรือพบบางส่วนที่น้อยมาก ทำให้แพทย์ทั่วโลกอยากได้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มเติม ถือเป็นงานวิจัยเรื่องเอดส์ของไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลก หากในอนาคตสามารถยืนยันการรักษาเอดส์ได้หายขาดจริง ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่

"เงื่อนไขสำคัญคือ คนที่จะรักษาหายได้ หมายถึงต้องเริ่มกินยาตั้งแต่ติดเชื้อมาใหม่ๆ เพราะเชื้อเอชไอวียังไม่แพร่กระจายออกไป แต่ก่อนแพทย์มีความเชื่อว่าต้องให้ภูมิคุ้มกันลดลง จึงจะให้เริ่มกินยา แต่งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า หากผู้ใดสงสัยว่าไปมีเซ็กส์เสี่ยงหรืออาจได้รับเชื้อเอดส์เข้าร่างกายด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ให้รีบมาตรวจ ถ้าพบเร็วแล้วให้กินยาทันทีจะมีโอกาสรักษาหายได้มากกว่า คำว่ารักษาหายหมายถึงร่างกายควบคุมไม่ให้เชื้อเอชไอวีทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เองโดยไม่ต้องกินยาทุกวันทั้งชีวิตเหมือนผู้ป่วยเอดส์ทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมดสิ้น 100 เปอร์เซ็นต์ อยากขอร้องให้ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงรีบมาตรวจหาเชื้อทันทีที่สงสัยหรือรู้ตัวแล้ว อย่าปล่อยไว้นาน เพราะถ้าติดเชื้อนานจะรักษาหายขาดไม่ได้ ขอให้มาตรวจฟรีได้ที่คลินิกนิรนาม" ศ.นพ.ประพันธ์ แนะนำ

ด้าน รศ.พญ.จินตนาถ อนันต์วรณิชย์ นักวิจัยโรคเอดส์ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์สภากาชาดไทย หัวหน้าโครงการวิจัยการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลัน เล่าถึงความเป็นมาว่า ในแต่ละปีมีผู้มาตรวจหาเชื้อเอชไอวีที่คลินิกนิรนามจำนวนมาก โดยใช้วิธีตรวจหาเชื้อในเลือดแบบปกติทั่วไป หรือตรวจแอนติบอดี หรือตรวจหาจากการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อของร่างกาย หมายความว่า ร่างกายต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไปในการตรวจพบเชื้อไวรัส ทำให้การรักษาเริ่มได้ช้า แต่งานวิจัยนี้ใช้ระบบแน็ต (NAT: Nucleic Acid Amplification Testing) เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ปลอดภัยและแม่นยำ เพราะตรวจจากสารพันธุกรรม เพียงแค่สงสัยว่ารับเชื้อเอดส์มา 5 วันขึ้นไปก็ตรวจพบได้แล้ว ใช้เวลาเพียง 1-2 วัน เมื่อรู้ผลเร็วและรีบกินยาทันทีจะช่วยหยุดการแพร่เชื้อไปอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย

"การวิจัยนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2552 โชคดีที่อาสาสมัครให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะต้องตัดสินใจเร็วมาก จากวันที่ยืนยันผลแน่ชัดและเริ่มกินยาใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน ในปีแรกมีอาสาสมัคร 10 คน ตอนนี้มีอาสาสมัครในงานวิจัย 95 คน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลปรากฏว่าหลังกินยาต้านเอชไอวีเต็มสูตรทันทีทุกวันก็ไม่พบเชื้อแอบหลบซ่อนในเลือดหรือในเม็ดเลือดขาว อย่างไรก็ตาม ก็มีตรวจพบในบางคน แต่เป็นจำนวนเชื้อที่น้อยมากๆ คาดว่ากินยาต่อเนื่องไม่เกิน 5 ปี ร่างกายอาจควบคุมเชื้อได้เอง ไม่ต้องกินยาทั้งชีวิตอีกต่อไป ตอนนี้คงต้องคอยดูผลที่แน่ชัดจากอาสาสมัครปีแรก หากหยุดกินยาแล้วเชื้อไม่แพร่กระจายก็ถือว่าประสบความสำเร็จ" รศ.พญ.จินตนาถ กล่าว

รศ.พญ.จินตนาถ ยอมรับว่า เป็นงานวิจัยที่ทำได้ยาก เนื่องจากต้องหาคนไข้ให้เร็วและให้กินยาทันที ทำให้นักวิจัยในต่างประเทศทำไม่ค่อยได้ เพราะหลายปัจจัย เช่น ต้องมีจำนวนคนติดเชื้อเอชไอวีมากพอ มีเทคโนโลยีสูง ใช้เจ้าหน้าที่วิจัยจำนวนมาก อาสาสมัครมีส่วนสำคัญที่สุด อาสาสมัครไทยมีจิตอาสาในการเข้าร่วมโครงการ ยิ่งไปกว่านั้น การตรวจหาผู้ติดเชื้อเอชไอวีเริ่มต้นที่ร่างกายยังไม่สร้างแอนติบอดีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน แม้แต่คลินิกนิรนามมีผู้มาตรวจ 6 หมื่นคน พบว่าติดเชื้อเอชไอวี 5,000 คน แต่เป็นผู้ติดเชื้อเริ่มแรกแค่ไม่ถึง 100 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักชาย

เนื่องจากเป็นงานวิจัยที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เงินทุนเริ่มต้นได้มาจากกรมแพทย์ทหารบกสหรัฐ เพื่อให้อาสาสมัครไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านยาและการตรวจหาเชื้ออย่างต่อเนื่อง รศ.พญ.จินตนาถจึงตั้งใจว่าจะเขียนเป็นบทความทางวิชาการเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ เมื่องานวิจัยข้างต้นได้เผยแพร่ออกไปทั่วโลก อาจช่วยให้ขอทุนจากแหล่งวิจัยได้ ซึ่งจะทำให้งานวิจัยสามารถพัฒนาต่อไปได้โดยไม่หยุดชะงัก

นายบริพัตร ดอนมอญ ตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี กล่าวว่า รู้สึกดีใจหากค้นพบวิธีรักษาผู้ติดเชื้อรายใหม่โดยไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต กว่าสิบปีแล้วที่ต้องกินยาทุกวัน เช่นเดียวกับผู้ป่วยอีกประมาณ 2 แสนคนทั่วประเทศไทย จึงอยากขอร้องให้รัฐบาลช่วยดูแลเรื่องสูตรยาต้านไวรัสด้วย โดยเฉพาะเรื่องสิทธิบัตรยาไม่ควรทำตามเงื่อนไขของกลุ่มประเทศยุโรปที่เป็นตัวแทนบริษัทยายักษ์ใหญ่

ทั้งนี้ สถิติจากยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS) ระบุว่า ปี 2554 พบทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 34 ล้านคน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2.5 ล้านคน เฉลี่ยเพิ่มนาทีละ 5 คน ประเทศไทยคาดการณ์ว่า ในปี 2555 มีผู้ติดเชื้อเอดส์ประมาณ 5 แสนราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละ 9,000 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 คน และร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

"ทาทา ยัง" ระบายทั้งน้ำตา สารพัดปัญหาและโรครุมเร้า

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในช่วงอารมณ์ท้อแท้กับชีวิตแบบสุดสุดหรือเปล่า เราเลยได้เห็นซูเปอร์สตาร์สาว "อมิตา ทาทา ยัง" ระบายความเหน็ดเหนื่อยใจด้วยการถ่ายคลิปวิดีโอ บอกเล่าถึงเรื่องที่ร่างกายของเธอถูกภาวะรุมเร้าจากโรคไทรอยด์ที่ทำให้เธอดูอวบอ้วนขึ้นจนผิดหูผิดตา และไหนจะโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะอีกด้วย

ล่าสุด นักร้องสาวได้ปล่อยคลิปวิดีโอตัวนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจค เรียลลิตี้ ไลฟ์ ตามติดชีวิตของทาทา ให้มิตรรักแฟนเพลงได้สัมผัสชีวิตของเธออย่างใกล้ชิด

สำหรับตอนล่าสุดที่ถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ยูทูป เป็นตอนที่ ทาทา เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวคลีนิกเสริมความงามชื่อดังที่ประเทศพม่า และมีโชว์มินิคอนเสิร์ต ก่อนที่ช่วงตอนกลางของคลิป จะเป็น ทาทา ตั้งกล้องวิดีโอถ่ายตัวเอง เพื่อระบายปัญหาชีวิต พร้อมกับร้องไห้เป็นระยะ

ซึ่ง ทาทา ยังบอกอีกว่า ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยใจและไม่สบายใจหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องโรคไทรอยด์ และถึงแม้ว่าที่ผ่านมาทาทาจะไม่ค่อยแฮปปี้ แต่ไม่เคยแสดงความรู้สึกแบบนี้ให้ใครเห็น เพราะไม่อยากให้เห็นตัวเองในลักษณะนี้ ตัวเองอยากจะไปสนุกกับเพื่อนๆ ให้ไม่ต้องคิดอะไร แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันเหนื่อยและท้อใจมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ทาทา พูดปิดท้ายว่า ตอนนี้ผ่านมันมาได้แล้ว ก็จะสู้จะยิ้มและสร้างความสุขให้กับผู้คนต่อไป และที่ถ่ายคลิปวิดีโอนี้ไว้ เพื่อเตือนสติตัวเองในอนาคต