ข่าว
เชียงใหม่ ดังก้องโลกเมืองน่าเที่ยว! สหรัฐฯ ยกมากสุดอันดับ 2 ปี 59

นครพิงค์เวียงเชียงใหม่ มนต์เสน่ห์ขจรขจาย...นิตยสารสหรัฐฯ จัดอันดับให้เป็นเมืองน่าเที่ยวมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากเมืองชาร์ลสตัน ในสหรัฐฯ ขณะที่กรุงเทพฯ ติดอันดับ 14 ตามหลังเมืองเสียมราฐ ในกัมพูชา

เว็บไซต์ของนิตยสาร Travel and Leisure (ทราเวล แอนด์ เลซเซอร์) ของสหรัฐฯ ประกาศผลการจัดอันดับเมืองน่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก 20 อันดับแรก ประจำปี 2559 จากการสอบถามผู้อ่านและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ปรากฏว่า เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์ แคโรไลนา ในสหรัฐฯ ได้คะแนนมากสุด 91.66 คะแนน เป็นเมืองน่าเที่ยวมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก ขึ้นจากอันดับ 2 ของปีที่แล้ว โดยนักท่องเที่ยวมีความเห็นว่า เมืองชาร์ลสตัน เป็นเมืองที่มีความเงียบสงบอย่างไม่น่าเชื่อ นอกเหนือจากการเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เคยผ่านการสู้รบนองเลือด

ขณะที่เมืองเชียงใหม่ของไทย ได้รับเลือกให้เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวมากที่สุดอันดับ 2 ได้คะแนน 91.25 คะแนน เนื่องจากเป็นเมืองที่รักษาวัฒนธรรมประเพณีที่งดงาม แม้จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ก็ยังรักษาบรรยากาศที่เงียบสงบ อันดับ 3 เมืองซาน มิกูเอล อัลเลนเด ประเทศเม็กซิโก ได้ 91.19 คะแนน อันดับ 4 เมืองฟลอเรนซ์ ในอิตาลี อันดับ 5 เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ส่วน อันดับ 6 เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น อันดับ 7 เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา อันดับ 8 เมืองบาร์เซโลนา ของสเปน นอกจากนั้น กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทย ติดอันดับที่ 14 เมืองน่าเที่ยวมากที่สุดในโลก ตามหลังเมืองเสียมราฐ ของกัมพูชา ซึ่งอยู่อันดับ 13.

หญิงไก่หลอกให้วัด 10 ล. ขอเป็นประธานทอดกฐิน

เป็นภาพที่ ถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 โดยเป็นเหตุการณ์ทีหญิงไก่ หรือ สุชาดา หยกวิริยะกุล ในงานทอดกฐินสามัคคี โดยนายชาตรี เดชกำเหนิด ผู้ดูแลวัดสวนหลวง เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า หญิงไก่ ติดต่อว่าจะขอเป็นประธานทอดกฐินประจำปี จำนวนเงิน 10 ล้านบาท ให้กับทางวัด และได้นำเช็คเงินสด มาแสดงให้คณะกรรมการวัดดู ในระหว่างการจัดเตรียมงาน ตัวแทนวัดและชาวบ้านได้ช่วยกันงานอย่างเต็มที่ และได้นำเงินส่วนตัวมาจัดซื้อเครื่องอัฐบริขารให้เจ้าภาพก่อน รวมถึงได้จัดทำ ตาลปัตรที่ปักชื่อ และขึ้นป้ายไวนิลชื่อของหญิงไก่ ในฐานะประธานทอดกฐิน

จนกระทั่งวันงาน หญิงไก่ ได้นั่งรถตู้มาพร้อมกับพวก 7-8 คน มาร่วมงานทอดกฐิน โดยวันนั้นไม่มีใครเห็นเช็คเงินสดที่หญิงไก่ อ้างว่าหลังเสร็จสิ้นพิธีการ จะนำเช็คเงินสดไปเข้าธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงครามทันที แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้นำเงินถวายวัดตามที่อ้างไว้ ทั้งนี้ทางวัดไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต


หญิงไก่ นอนคุก! ศาลไม่ให้ประกัน ชี้โทษสูง ส่งฝากขังทัณฑสถานหญิง

รอง ผบก.ป. คุมตัว "หญิงไก่" ค้นห้องพักคอนโดมิเนียม ย่านประชาชื่น เพื่อหาเอกสารทางคดีเพิ่มเติม เจอพาสปอร์ต 19 เล่ม ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ก่อนยื่นฝากขัง ศาลคัดค้านการประกันตัว หลังญาติยื่นหลักทรัพย์ 1.1 ล้านบาท ชี้ คดีมีอัตราโทษสูง ก่อนนำตัวไปฝากขังทัณฑสถานหญิงกลาง

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 7 ก.ค. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ บก.ป. นำตัว นางมณตรา หยกรัตนกาญ หรือไก่ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาในคดีแจ้งความเท็จ พยายามค้ามนุษย์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 3/551 ชั้น 1 อาคาร 3 คอนโดบ้านเคหะประชานิเวศ 1 ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.

โดยระหว่างนำตัวมาถึงคอนโด เมื่อหญิงไก่เห็นกองทัพสื่อมวลชนจากหลายสำนัก จึงไม่ยอมลงจากรถของตำรวจ ก่อนที่ พ.ต.อ.ชาคริต จะเจรจาใช้เวลาไม่นาน หญิงไก่จึงยอมลงจากรถ มีใบหน้าถอดสี พร้อมตะโกนว่า ไม่ให้นักข่าวเข้าไปในคอนโด แต่หญิงไก่ ให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เข้าไปเพียงที่เดียวเท่านั้น โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง

พ.ต.อ.ชาคริต เปิดเผยภายหลังตรวจค้นห้องพักของหญิงไก่ ว่า วันนี้มาในส่วนของคดีของนายชูเกียรติ ใจกล้า นางประภาพร ทองเฟื้อง และ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย ที่ถูกหญิงไก่ อดีตนายจ้างแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ โดยทาง บก.ป. ทำการตรวจสอบและแจ้งข้อหาแก่หญิงไก่ ข้อหาแจ้งความเท็จ พยายามค้ามนุษย์ และความผิดมาตรา 112 มาทำการค้นห้องพักดังกล่าว ซึ่งภายในห้องพัก แบ่งออกเป็นห้องรับแขกใหญ่ 1 ห้อง ห้องนอน 1 ห้อง และห้องน้ำ 1 ห้อง พบกล้องวงจรปิด 2 ตัว ในห้องรับแขก

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบภายในห้องไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่นำหนังสือเดินทาง จำนวน 19 เล่ม สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 9 เล่ม และเอกสารบางส่วน กลับไปตรวจสอบ หลังจากนี้จะควบคุมตัวหญิงไก่ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา เบื้องต้นมีการคัดค้านการประกันตัว เพราะมีความผิดมาตรา 112 ตามที่พยานทั้ง 4 ปาก ให้การว่าหญิงไก่ กล่าวอ้างถึงสถาบันเบื้องสูง เบื้องต้นหญิงไก่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังจากนี้จะมีการประสานกับ กก.4 บก.ป.และ ปคม. ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ จ.แม่ฮ่องสอน ในกรณีการค้ามนุษย์ต่อไป ภายหลังจากการตรวจค้น หญิงไก่ เดินออกมาจากคอนโด ใบหน้ายิ้มอ่อนๆ ปนความกังวล พร้อมพูดว่า ยืนยันในความบริสุทธิ์ เจอกันที่ศาลอาญารัชดา พร้อมกับยกมือขวาขึ้น ก่อนจะถูกควบคุมไปที่ศาล

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 1.1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์แล้ว ความหนักเบาของข้อหาแล้ว เห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์มีลักษณะนำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบันอันเป็นที่เทิดทูนของประชาชนผู้จงรักภักดี ประกอบกับพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน อีกทั้งผู้ต้องหายังถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีข้อหาเดียวกันนี้ของศาลทหารอีก ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้องโดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวหญิงไก่ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบฯ ยื่นคำร้องฝากขังหญิงไก่ผู้ต้องหานี้ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงข้อหาเดียวเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นๆ หญิงไก่ ได้เข้ารับทราบในชั้นสอบสวนไปก่อนหน้านี้แล้ว


ดีเอ็นเอเด็กจากของเล่นยัน “บรรยินมีลูกกับป้อนข้าว”

หลักฐานยันชัด “บรรยิน-ป้อนข้าว” มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง จากดีเอ็นเอเครื่องใช้และของเล่นเด็กที่หมู่บ้านย่านพระราม 9 ขัดต่อคำให้การก่อนหน้านี้ที่บอกไม่รู้จักกัน เผยล่าสุดอัยการมีความเห็นส่งฟ้องคดีโอนหุ้นโดยพิรุธ เตรียมออกหมายเรียก 4 ผู้ต้องหานำตัวส่งฟ้อง หากไม่มาพบออกหมายจับทันที

วันนี้ (8 ก.ค.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.1บก.ป.บุกจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ที่ลานจอดรถโรงแรมทอซคาน่า สวีท วัลเลย์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตามหมายศาลจังหวัดพระโขนง ในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน หลังมีหลักฐานพบว่า พ.ต.ท.บรรยินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตปริศนาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน จากอุบัติเหตุรถยนต์ที่ขับโดย พ.ต.ท.บรรยินพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ในพื้นที่ของ สน.อุดมสุข ทั้งนี้ ในขณะจับกุมยังพบ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว โบรกเกอร์สาวหนึ่ง ในผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย อย่างไรก็ตาม ศาลได้ให้ประกันตัว พ.ต.ท.บรรยิน ในวงเงิน 2 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ก่อนหน้าที่จะมีการจับกุม พ.ต.ท.บรรยินที่รีสอร์ตดังกล่าวในเขาใหญ่นั้น ทางชุดสืบสวนได้ส่งกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์พบว่า พ.ต.ท.บรรยิน และ น.ส.อุรชา อาศัยอยู่ห้องเดียวกัน เนื่องจากพบว่าทั้งคู่ใส่ชุดนอนเดินออกทางระเบียงหลังห้อง สอดคล้องกับคำให้การของแม่บ้านและพนักงานในรีสอร์ตดังกล่าวที่ระบุว่าทั้งคู่เดินทางมาถึงพร้อมกัน และรับกุญแจก่อนเดินขึ้นห้องไปพร้อมกัน

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับผลการตรวจดีเอ็นเอของเครื่องใช้ และของเล่นเด็กแรกเกิดที่พบในบ้านพักของ น.ส.อุรชา ในหมู่บ้านบูเลอวาร์ด ย่านพระราม 9 ที่ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ยืนยันด้วยวาจากับ พ.ต.อ.จิรภพ ว่าตรงกับดีเอ็นเอของ น.ส.อุรชา และ พ.ต.ท.บรรยินนั้น ทางชุดสืบสวนจะนำผลดีเอ็นเอดังกล่าวไปประกอบสำนวนเพื่อให้เห็นชัดเจนถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งของทั้ง น.ส.อุรชา และ พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งทำให้เห็นว่าขัดแย้งกับคำให้การที่ก่อนหน้านี้ที่ พ.ต.ท.บรรยินเคยบอกว่าไม่ได้รู้จักกับ น.ส.อุรชา อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลดีเอ็นเอดังกล่าวน่าจะสามารถออกมาเป็นทางการภายในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคมนี้

ขณะที่ในส่วนของคดีการโอนหุ้นนั้น หลังจากที่พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นตามที่อัยการพิจารณามีความเห็นให้สอบปากคำเพิ่ม ก่อนจะส่งให้อัยการพิจารณาตรวจสอบสำนวนตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนนั้น ล่าสุดทราบว่าอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว แต่อยู่ระหว่างดำเนินการทางเอกสาร อย่างไรก็ตาม หากอัยการสั่งฟ้องอย่างเป็นทางการ ตำรวจจะต้องออกหมายเรียกพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว, นางศรีธรา พรหมา มารดาป้อนข้าว และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล พริตตี้สาว 4 ผู้ต้องหาในคดีการโอนหุ้นโดยพิรุธมาเพื่อนำตัวส่งฟ้องให้อัยการ แต่หากทั้ง 4 คนไม่มาพบจะต้องออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า ผลตรวจตัวอย่างดีเอ็นเอที่เก็บจากของใช้เด็กในบ้าน น.ส.อุรชา วชิรกุณฑล โบรกเกอร์สาว ย่านพระราม 9 พบว่ามีความเชื่อมโยงทางสายสัมพันธ์ระหว่าง น.ส.อุรชา กับ พ.ต.ท.บรรยินจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปผลดีเอ็นเอดังกล่าว เพื่อรายงานเป็นเอกสารส่งให้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี


มือสไนเปอร์สอยตร.สหรัฐฯ5ศพ แก้แค้นแทนคนดำถูกจนท.ยิงดับ

หนึ่งในพลซุ่มยิงที่ลั่นไกสังหารตำรวจ 5 นายและบาดเจ็บ 7 คนในเมืองดัลลัส ของสหรัฐฯ ระหว่างการชุมนุมประท้วงในค่ำคืนวันพฤหัสบดี(7ก.ค.) บอกก่อนถูกระเบิดปลิดชีพว่าเขาต้องการฆ่าคนขาว โดยเฉพาะพวกเจ้าหน้าที่ เพราะแค้นที่ตำรวจยิงคนดำเสียชีวิต 2 รายซ้อนเมื่อช่วงกลางสัปดาห์

การซุ่มยิงครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการประท้วงเหตุตำรวจยิงคนดำเสียชีวิตไป 2 รายในสัปดาห์นี้ ขณะที่จุดเกิดเหตุเป็นหนึ่งในหลายๆเมืองที่มีการชุมนุมทั่วสหรัฐฯ ต่อเหตุสังหารคนดำระลอกล่าสุดที่กระพือขบวนการเคลื่อนไหว“ชีวิตคนดำมีความสำคัญ (Black Lives Matter)” ให้ลุกฮือขึ้นมาอีก

ตำรวจบรรยายสถานการณ์เหตุซุ่มโจมตีในช่วงค่ำคืนวันพฤหัสบดี(7ก.ค.) ว่าเป็นการวางแผนมาอย่างระมัดระวัง และแต่ละนัดถูกยิงมาจากจุดต่างๆของดาดฟ้า พร้อมเผยว่าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 ราย ก่อนลงมือสังหารรายที่ 4 หลังเผชิญหน้ากันบริเวณอู่รถแห่งหนึ่งย่านกลางเมืองเป็นเวลานาน

"เราดวลปืนกับผู้ต้องสงสัย เราไม่มีทางเลือกยกเว้นแต่ใช้ระเบิดหุ่นยนต์" เดวิด บราวน์ ผู้บัญชาการตำรวจดัลลัสบอกกับผู้สื่อข่าวที่ศาลากลางเมือง "ผู้ต้องสงสัยบอกว่าเขาไม่พอใจประเด็นชีวิตคนดำมีความสำคัญ เขาบอกว่าไม่พอใจต่อเหตุคนดำถูกตำรวจยิงตายเมื่อเร็วๆนี้ ผู้ต้องสงสัยบอกว่าเขาไม่พอใจตำรวจขาวและย้ำว่าเขาต้องการฆ่าคนขาว โดยเฉพาะตำรวจขาว"

บราวน์เผยว่าระหว่างพูดคุยกับหน่วยเจรจาของตำรวจ ผู้ต้องสงสัยอ้างว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มไหนๆและลงมือเพียงลำพัง

สื่อมวลชนสหรัฐฯทั้งซีบีเอสและเอ็นบีซีนิวส์ รายงานว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้แก่นาย ไมคาห์ จอห์นสัน ชาวเทกซัสวัย 25 ปี โดยเขาไม่มีประวัติทางอาญาและไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับพวกหัวรุนแรง

เอบีซีนิวส์รายงานว่านายจอห์นสัน เคยเป็นกองกำลังสำรองของกองทัพสหรัฐฯจนถึงปี 2015 โดยได้รับการฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านช่างไม้และก่อสร้าง

เหตุโจมตีคราวนี้มีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่ชายผิวดำ 2 คนถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในแบตันรูซ ลุยเซียนาและรอบนอกมินนิอาโปลิส โดยทั้ง2คดีซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ได้กระพือความตึงเครียดทางผิวสีและกระบวนการยุติธรรมในสหรัฐฯ

ในบัญชีทวิตเตอร์ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของขบวนการชีวิตคนดำมีความสำคัญ ระบุว่า "Black Lives Matter สนับสนุนความมีศักดิ์ศรี ความยุติธรรมและเสรีภาพ ไม่ใช่ฆาตกร"

ปฏิบัติการซุ่มยิงเกิดขึ้นตอนที่ผู้ประท้วงในดัลลัสกำลังจะสลายตัว ส่งผลให้ผู้ชุมนุมกรีดร้องและวิ่งหนีด้วยความแตกตื่นไปตามถนนสายต่างๆของเมือง ขณะที่เหตุการณ์นี้กลายเป็นเหตุนองเลือดที่สุดของตำรวจในสหรัฐฯนับตั้งแต่ก่อการร้ายโจมตีนิวยอร์กและวอชิงตัน ในวินาศกรรม 11 กันยายน 2011

บราวน์บอกว่าพวกมือปืนที่บางคนอยู่ในตำแหน่งสูง ใช้ปืนไรเฟิลยิงใส่เจ้าหน้าที่ในปฏิบัติการที่เชื่อว่าเป็นการลงมือโจมตีอย่างพร้อมเพรียง แต่ปฏิเสธเจาะจงว่ามีคนร้ายจำนวนเท่าใดในเหตุโจมตี

ไมค์ รอว์ลิงส์ นายกเทศมนตรีดัลลัส ระบุว่ารวมแล้วมีตำรวจ 12 นายและพลเรือน 2 คนถูกยิงระหว่างการโจมตี โดยในบรรดาตำรวจที่ถูกยิงนั้น เป็นตำรวจหญิง 3 นาย

นายกเทศมนตรีดัลลัส เผยว่าพวกผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งในนั้นเป็นผู้หญิง 1 คน ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับทีมสืบสวนของตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือของสไนเปอร์ที่เสียชีวิตและกำลังตรวจสอบตัวตนของเขากับเจ้าหน้าที่

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนโปแลนด์ กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ในนามของประชาชนชาวอเมริกัน "ผมเชื่อว่าตอนที่ผมพูดว่าเราตกตะลึงต่อเหตุการณ์ต่างเหล่านี้ นั่นคือผมพูดแทนชาวอเมริกันทุกคน และเราขอเป็นอันหนึ่งเดียวกับผู้คนและกรมตำรวจในดัลลัส"

โอบามาเผยว่าเอฟบีไอกำลังประสานงานกับตำรวจดัลลัส และรัฐบาลกลางจะมอบความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ "เรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด สิ่งที่รู้ตอนนี้คือมันเป็นการโจมตีที่ชั่วช้าต่อเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและผ่านการไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี"

เหตุยิงนี้เกิดขึ้นตอนประมาณ 21.00น. ใกล้กับแหล่งพลุกพล่านย่านกลางเมืองดัลลัส ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร โรงแรมและอาคารราชการ ขณะที่ รอว์ลิงส์ แนะประชาชนในตอนเช้าวันศุกร์(8ก.ค.) ให้อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากตำรวจต้องเข้าตรวจค้นพื้นที่ทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด ส่งผลให้การสัญจรหยุดชะงักและเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสั่งห้ามจราจรทางอากาศเหนือพื้นที่ ด้วยมีเฮลิคอปเตอร์ตำรวจคอยบินวนอยู่ด้านบน

การซุ่มยิงนองเลือดในดัลลัสเกิดขึ้นในขณะที่มีการชุมนุมอย่างสันติตามเมืองต่างๆทั่วสหรัฐฯ หลังตำรวจยิงนายฟิลันโด คาสติล ชายผิวดำวัย 32 ปีเสียชีวิตในวันพุธ(6ก.ค.) หลังเรียกให้จอดรถใกล้กับเมืองเซนต์ปอล มินนิโซตา ขณะที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากตำรวจในแบตันรูซ ยิงนายอัลตัน สเตอร์ลิง วัย 37 ปี เสียชีวิต จากคำกล่าวอ้างว่าเขาคุกคามในบางคนด้วยอาวุธปืน

การใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจกับชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันตามเมืองต่างๆ ไล่ตั้งแต่ เมืองเฟอร์กูสัน ในมิสซูรี ไปจนถึงบัลติมอร์และนิวยอร์ก จุดชนวนการประท้วงรุนแรงประปรายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และกระตุ้นให้เกิดขบวนการเคลื่อนไหว “ชีวิตคนดำมีความสำคัญ (Black Lives Matter)” ขณะที่ความโกรธแค้นทวีความหนักหน่วงขึ้น เมื่อพวกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์เหล่านั้นมักถูกชำระคดีหรือแม้กระทั่งไม่มีการตั้งข้อหาเลย


“หลวงปู่พุทธะอิสระ” แจ้งจับ “เจ้าคุณประสาร”

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” บุกกองปราบปรามแจ้งจับ “เจ้าคุณประสาร” แพร่ข้อความเท็จผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ยุยงปลุกปั่นคณะสงฆ์-ประชาชนต่อต้านรัฐบาล ปมเตะถ่วงไม่แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช

วันนี้ (8 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.วิทวัส สายอ๋อง สารวัตร (สอบสวน) กก.2 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อพระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร ในความผิดฐานปลุกปั่นให้เกิดความสับสน ปั่นปวน กระด้างกระเดื่องในหมู่คณะสงฆ์ และประชาชน ด้วยการเผยแพร่ข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต

หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวว่า ในวันนี้ตนได้เดินทางเพื่อมาพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อพระเมธีธรรมาจารย์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ในการยุยง ส่งเสริม ชักชวนให้พระภิกษุสงฆ์ รวมถึงประชาชนเกิดความสับสนวุ่นวาย และยังเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ฉบับที่ 18/2557 ในเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะที่ส่อให้เกิดวามขัดแย้ง

หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวต่อว่า การกระทำของพระเมธีธรรมาจารย์ในการโพสต์ข้อความผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “พระเมธีธรรมาจารย์ เจ้าคุณประสาร” ในลักษณะที่ความแตกแยกภายในประเทศ และ ปลุกปั่นให้ประชาชนทั่วไป ตลอดจนคณะสงฆ์ออกมาต่อต้าน และแสดงความคิดเห็นในการต่อต้านรัฐบาลที่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช การกระทำดังกล่าวยังเป็นความผิดในฐานนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อีกด้วย ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้

ด้าน พ.ต.ต.วิทวัสกล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจได้รับแจ้งความก่อนที่จะตรวจสอบรายละเอียดว่าพระเมธีธรรมาจารย์มีการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ และจะนำเสนอผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาต่อไป

ผลชันสูตร "ครูอิ๋ว" ไม่พบการข่มขืน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่ บช.ภ.1 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีนายชาตรี ร่วมสูงเนิน ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา หรือครูอิ๋ว จนเสียชีวิต ที่บ้านเช่า ถนนสุดบรรทัด ซ.8 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้เรามีพยานทั้งสิ้น 24 ปาก สอบสวนไปแล้ว 18 ปาก เบื้องต้น แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนบทเพิ่มโทษทางกฎหมายข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน และรวบรวมหลักฐานว่าเจตนาของคนร้ายไปในแนวทางใดในกฎหมาย

ขณะที่ พล.ต.ต.นพ.พรชัย กล่าวว่า ผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่า อวัยวะเพศภายนอกของผู้ตายไม่มีร่องรอยบาดเจ็บและบาดแผล รวมทั้งไม่พบอสุจิอยู่ในร่างกายและช่องคลอดผู้ตายแต่อย่างใด ส่วนที่คอมีรอยถูกปาด 4 แผล ตัดเส้นเลือดขาดเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนบริเวณมือมีบาดแผลที่เกิดจากของมีคมในระหว่างต่อสู้ และมีบาดแผลตามร่างกายอีกหลายแห่ง

พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานจากทั้งบริเวณที่เกิดเหตุ และบ้านของผู้ต้องหา พบว่าดีเอ็นเอของผู้ต้องหาสัมพันธ์กับผู้ตาย และในห้องพักผู้ต้องหายังพบคราบเลือดของผู้ตายติดอยู่ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับคำรับสารภาพ จึงได้ข้อสรุปว่าคนร้ายเป็นผู้กระทำผิดจริง โดยมีจุดประสงค์คือต้องการล่วงละเมิดทางเพศ และปล้นทรัพย์ของผู้ตาย

ด้าน พล.ต.ต.ธิติ กล่าวว่า จากการรวบรวมหลักฐาน และพยานบุคคลบ่งชี้ว่าผู้ต้องหาพยายามข่มขืน และชิงทรัพย์ผู้เสียชีวิต ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุป ในการแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพิ่มเติมจากข้อหาเดิม ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต และจะเร่งรัดดำเนินคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว