ข่าว
'เพชร'สำนึกผิด เข้าขอขมา'พ่อไกรสร'

ขอไม่พูดถึงอดีต อยากเดินหน้าเป็นครอบครัวอบอุ่น ฟุ้งมี แพลนพาพ่อเที่ยวเมืองนอก

เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 28 ต.ค.57 ที่สตูดิโอช่อง 2 ซอยลาดพร้าว นายไกรสร แสงอนันต์ หรือ ไกรสร ลีละเมฆินทร์ สามีของราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ พร้อมด้วยลูกชาย น้องเพชร-ภัควรรธน์ พิสิษวุฒิรัชต์ หรือ สรภพ ลีละเมฆินทร์ ได้เดินทางมาอัดรายการคนดังนั่งเคลียร์ และเมื่ออัดรายการเสร็จเรียบร้อยแล้วงนั้น ไกรสร ได้เผยกับผู้สื่อข่าวและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวบาดหมางในด้านความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่มีมาอย่างยาวนาน ล่าสุดหลังจากที่เพชร ลูกชาย ได้ขอขมานายไกรสร ทำให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันและความสัมพันธ์พ่อลูกก็ดีขึ้น ซึ่งนายไกรสร ได้เผยกับผู้สื่อข่าวก่อนว่า

กลับมาคราวนี้ต้องบอกว่าเรารักกันยิ่งกว่าเดิมครับ ยืนยันว่าคือเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาที่ไม่เข้าใจกัน มันทำให้เราได้คิดถึงกันมากขึ้น ส่วนคนที่ทำให้เราได้คุยกัน อันนี้ต้องยกความดีให้กับคุณทวีชัย ประธานบริษัทท็อปไลน์ไดม่อนด์ เจ้าของค่ายเพลงของคุณพุ่มพวงในอดีต และปัจจุบันเพชรก็อยู่ในสังกัดนี้ และเพชรเองเหมือนกับตอนที่จากกันไปนานๆแล้วไม่ได้เจอกัน เขาก็กลัวว่าพ่อจะเข้าใจไหม พ่อจะเป็นยังไงจะเหมือนเดิมหรือเปล่าก็เลยค่อยๆเข้าทางย่า ทางยายและผู้ใหญ่คือคุณทวีชัย ให้มาเป็นตัวแทนในการเจรจาว่าผมยกโทษให้ลูกหรือเปล่า อภัยให้ลูกไหม ผมก็บอกยินดีเสมอ และคุณทวีชัยก็โทรมาก่อน

ตอนแรกผมเลยคิดว่าเป็นการโปรโมทเทปหรือเปล่า แต่ก็คุณทวีชัยบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่นะ ถ้าเพชรจะมาหลอกเขาก็คงไม่ใช่ ผมเลยเชื่อใจเขา มาพบลูกครั้งแรกเจอกันแบบ 3 คนโดยที่ไม่มีนักข่าวมีแค่คุณทวีชัย น้องเพชรและผม เจอกันครั้งแรกก็เข้ามากอดกัน และความรู้สึกแรกที่เข้ามามันรู้สึกได้ทันทีว่าเพชรกลับมาเป็นเด็กๆเหมือนเดิมๆ

ด้าน เพชร กล่าวเสริมว่า “กับสาเหตุที่ทำให้เรากลับมาเข้าใจกันก็คือ อาจจะเพราะผมมีวุฒิภาวะมากขึ้น และตอนนี้ผมกลับมาในฐานะที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พอเจอคุณพ่อผมก็เลยเข้าใจเหตุผลมากขึ้น เข้าใจมุมมองของคุณพ่อว่าทำไมคุณพ่อถึงดุ ตอนนี้ผมก็เข้าใจแล้วครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมขอไม่โทษใครเลย ขอโทษที่ตัวเองว่าเป็นคนใจร้อนเมื่อก่อน คิดอะไรก็ทำ และไม่ค่อยแคร์อะไร แต่ว่าตอนนี้มันทำให้เรารู้ว่าเราต้องคิดให้รอบคอบก่อนในทุกๆมุมมองๆด้วย

เด้งฟ้าผ่า "ผอ.องค์การเภสัชฯ"

ที่ประชุมคณะกรรมการองค์การเภสัชฯ มีมติเด้ง “ผอ.องค์การเภสัช” เหตุ บริหารบกพร่อง ด้านตัวแทน 8 เครือข่าย พอใจ ชี้ ไม่ควรจ่ายชดเชย 6 เดือน

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรมัย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม โดยมีการหยิบยกการประเมินการทำงานของนพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผอ.องค์การเภสัชกรรม ขึค้นมาพิจารณาโดย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จนในที่สุดที่ประชุมจึงมีมติให้ปลด นพ.สุวัช ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากบริหารงานไม่ตอบสนองภารกิจอย่างเพียงพอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และให้เวลาอีก 30 วัน ในการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อป้องกันการฟ้องร้องภายหลัง โดยจะจ่ายค่าชดเชยให้ 6 เดือน ระหว่างนี้คาดว่า จะมีการแต่งตั้งภญ.วนิชา ใจสำราญ รองผอ.อภ. รักษาการแทน และแถลงชี้แจงมติในวันที่ 27 ต.ค.

โดยนพ.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม เป็นผู้ชี้แจงเพียงคนเดียวเท่านั้น ตนคงไม่สามารถให้ข้อมูลในเรื่องนี้ได้ขณะที่น.ส.สุภทรา นาคะผิว ตัวแทน 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ กล่าวว่า ตนพอใจมติของบอร์ดที่ให้เลิกจ้างนพ.สุวิช แต่เรื่องการจ่ายค่าชดเชยให้ 6 เดือนนั้น จริงๆ ตนคิดว่าไม่อยากให้เอาเงินไปจ่าย เพราะนพ.สุวิชมีความบกพร่องต่อหน้าที่ แต่ทางบอร์ดก็ให้เหตุผลว่า เพื่อป้องการฟ้องร้องภายหลัง ดีกว่าปล่อยให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ซึ่งจะก่อความเสียหายให้กับองค์การ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านพ.สุวิชจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ยังมีประเด็นส่อทุจริตกรณีรพ.มหาสารคามอินเตอร์ ซึ่งทางเครือข่ายจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และจะติดตาม ตรวจสอบการทำงานของผอ.คนใหม่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากองค์การเภสัชกรรมมีความสำคัญมาก เราอยากเห็นระบบประกันสุขภาพเดินหน้าไปได้ เครือข่ายเองก็เป็นพันธมิตรกับองค์การเภสัชมาตลอด 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สุวิช เข้าดำรงตำแหน่งผอ.อภ. เมื่อปี 56 จากนั้นปี 57 ก็ถูก 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพร้องเรียนเรื่องประสิทธิภาพการทำงานว่า ดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ที่ ต.ทับกวาง จ.สระบุรี ปัญหาการก่อสร้างโรงงานผลิตยายาต้านไวรัสเอชไอวีที่รังสิต ปัญหาการก่อสร้างโรงงานแมสโปรดักชั่น พระราม 6 ที่ล่าช้ากว่ากำหนด โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ที่เป็นปัญหาจนทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการก่อสร้างโรงงานทั้ง 3 แห่งล่าช้านั้น เป็นผลต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยนพ.วิทิต อรรถเวชกุล เป็นผอ.อภ.


"คาเมนไรเดอร์" โพสต์แฉพฤติกรรมคนไทย

นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นโพสต์เฟซบุ๊กจวกพฤติกรรมคนไทยในเมืองหลวง กินแล้วไม่เก็บขยะเป็นธรรมเนียมของไทย วอนช่วยมีเกียรติกัน

เมื่อวันที่ 25 ต.ค ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่าวันที่21ต.ค.ที่ผ่านมาในโลกของสังคมโซเชียลมีเดีย มีผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวรายหนึ่งชื่อ “Koki Aki” ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า อากิฮิโระ โทมิ วัย 45 ปี หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม คาเมนไรเดอร์ ที่มีความรักในประเทศไทยมาก และมักเดินทางเข้ามาประเทศไทย 2 เดือนครั้ง ก่อนแต่งชุดฮีโร่ แจกขนมเด็กๆ คนไทย ได้โพสต์ข้อความเนื้อหาอธิบายถึงลักษณะพฤติกรรมของคนไทยในเมืองหลวง โดยระบุว่า "ขณะที่ตนเดินทางไปงานเกม และคอสเพลย์ที่ห้างใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พบวัยรุ่นหญิง2คน นั่งอยู่ในร้านโดนัท ใช้กระเป๋าแบรนด์เนม แต่มีพฤติกรรมทานแล้วไม่เก็บ มีขยะเต็มโต๊ะ ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นหน้าลิฟท์ มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกกระแทกด้วยประตูลิฟท์ เนื่องจากไม่มีใครกดปุ่มให้ประตูเปิดค้างไว้ ส่วนเหตุการณ์สุดท้ายที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกเหนื่อยหน่าย และคงจะเป็นธรรมเนียมของไทย คือ นิสัยคนไทยที่รับประทานอาหารในร้านอาหารแล้วไม่ยอมเก็บขยะไปทิ้ง

ทั้งนี้ อากิฮิโระ โทมิ ยังโพสต์ภาพพร้อมระบุว่า “รูปนี้ถ่ายเมื่อ3วันก่อน พวกเขาเดินทางมาไกล และมาเพื่อทำงานที่เมืองไทย ถึงพวกเขาจะใช้เงินวันละ100บาท แต่พวกเขาก็ต้องส่งเงินกลับบ้านด้วยคุณคิดยังไง ถ้าพวกคุณไม่ได้เกิดที่เมืองไทย แต่เกิดที่ประเทศที่ลำบาก และยากจนมากๆคุณเกิดที่เมืองไทย ไม่ได้เกิดในประเทศที่ยากจน ไม่ได้หมายความว่าคุณสูงส่งกว่าคนอื่น หรือคุณดีกว่าคนอื่นพวกคุณมาเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าได้ในวันหยุด นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจเหรอ”

หลังจากรูปและข้อความถูกโพสต์และแชร์กันในโลกออนไลน์ ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในประเทศไทย ก่อนหน้าจะอยู่ในรูปแบบภัตตาคาร ซึ่งค่อนข้างแพง เพราะรวมค่าบริการทุกอย่างแล้ว ลูกค้าจึงไม่ต้องเก็บขยะหลังรับประทานเสร็จ อีกทั้งผู้ที่เห็นด้วยยังระบุว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการปลูกฝังที่ดีเหมือนคนญี่ปุ่น แต่จะพบเห็นวัฒนธรรมการรับผิดชอบต่อสังคมแบบนี้ได้ตามมหาวิทยาลัย ซึ่งร้านอาหารไม่ได้เตรียมจุดเก็บจานไว้แบบในมหาวิทยาลัย บ้างก็ว่า วัฒนธรรมทางสังคมของญี่ปุ่นค่อนข้างเข้มงวด ต่างจากไทยที่มีวัฒนธรรมทางสังคมแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย บางสิ่งบางอย่างอาจจะมีความต่างกันอย่างไรก็ตาม ผู้ใช้เฟสบุ๊กดังกล่าวยังฝากถึงคนไทยด้วยว่า “ช่วยมีเกียรติกันหน่อยนะครับ”


เร่งพิจารณาคืนความสุขพี่น้องตำรวจ

"สมยศ" สั่งพิจารณาคืนความสุขตำรวจ กู้เงินสหกรณ์ดอกเบี้ยต่ำ ปรับชั้นประทวนจบ ป.โท เป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เรียก พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) และ พ.ต.อ.วิบูลย์ สีสุข รองผู้บังคับการ กองทะเบียนพล (ผบก.ทพ.) เข้าพบพร้อมกับได้สั่งการให้ไปพิจารณาทบทวนความเหมาะสมในการคัดเลือกข้าราชการตำรวจชั้นประทวนผู้มีวุฒิปริญญาโท เพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ให้ไปศึกษายกระดับสถานีตำรวจและการแบ่งพื้นที่เขตความรับผิดชอบของสถานีตำรวจให้เกิดความเหมาะสมกับมิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พร้อมทั้งให้ไปพิจารณาปรับลดระยะเวลาในการครองยศของข้าราชการตำรวจในระดับรองสารวัตรของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน เพื่อที่จะเลื่อนขึ้นเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรให้เหมาะสมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และให้ไปพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจที่มีดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีอัตราสูงอยู่นั้น เพื่อเป็นการ "คืนความสุขให้แก้ข้าราชการตำรวจ"

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในข้อสั่งการของ ผบ.ตร. และให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้กองบังคับการอัตรากำลัง (อต.) กองบังคับการทะเบียนกำลังพล (ทพ.) และกองบังคับการสวัสดิการ (สก.) กลับไปพิจารณาศึกษาในรายละเอียดของเรื่องดังกล่าวโดยด่วน แล้วให้ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รอง ผบช.สกพ. สรุปเสนอเรื่องดังกล่าวผ่านไปยัง พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการ สำนักงานกำลังพล (รรท.ผบช.สกพ.) แล้วให้รีบเสนอเรื่องดังกล่าวต่อ ผบ.ตร. เพื่อพิจารณาต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ถ้าหากเรื่องดังกล่าวทางสำนักงานกำลังพล (สกพ.) นั้นสามารถได้ข้อสรุปที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เห็นด้วยและเป็นไปได้ในรายละเอียดก็อาจจะบรรจุวาระเข้าในการประชุม ก.ตร. เพื่อขอมติเห็นชอบจากที่ประชุมในโอกาสต่อไป..



รวบรองสารวัตรใช้ห้องสืบค้ายาบ้า

สืบสวนภาค 4 รวบ ร.ต.ท. โรงพักเขาสวนกวาง ค้ายาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้า 107 เม็ด ยาไอซ์ 2 กรัม หลังแอบลักลอบใช้ห้องสืบสวนเป็นที่ทำการ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.สส.ภ. 4 พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ. 4 หน.ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศพ ส.ภ. 4 พ.ต.ท.จีระวัฒน์ โพธินา รอง ผกก.ฯพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.สส.ภ. 4 ได้ร่วมกันจับกุม ร.ต.ท.สุชาติ สุดบุรินทร์ รอง สว.สส.สภ.เขาสวนกวาง อายุ 43 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 107 เม็ด ยาไอซ์หนัก2กรัม เงินล่อซื้อ 3,600 บาท มือถือ 1 เครื่อง อาวุธปืนพกสั้นชนิดไทยประดิษฐ์ขนาด 9 มม.พร้อมซองบรรจุกระสุน อาวุธปืนลูกกรดยาวขนาด .22 ยี่ห้อซีแซด 511 พร้อมซองบรรจุกระสุน และเครื่องกระสุนปืนขนาด.22 จำนวน 2 นัด หลังสืบทราบ ร.ต.ท.สุชาติ มีพฤติกรรมลักลอบขายยาบ้าโดยใช้ห้องสืบสวน สภ.เขาสวนกวาง เป็นสถานที่จำหน่ายยา จึงวางแผนล่อซื้อจนสามารถจับกุมตัวไว้ได้ เบื้องต้น ร.ต.ท.สุชาติ ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้ถ้อยคำอื่นที่ปรากฏตามบันทึกจับกุม โดยจะให้การชั้นศาลเท่านั้น ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป..

"ต๊ะ นารากร" โต้ขายกระเป๋าไม่ได้ถังแตก

พิธีกร ผู้ประกาศข่าวสาวมั่น "ต๊ะ นารากร ติยายน" โต้ขายกระเป๋าผ่านเฟซบุ๊กไม่ได้ถังแตก เตรียมเปิดกิจการร่วมกับพี่สาว..

เมื่อวันที่28 ต.ค. มีการโพสต์ภาพประกาศขายกระเป๋าใบหรูนับสิบใบ ของพิธีกรสาวชื่อดัง จนทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดพิธีกรสาวจึงประกาศขายกระเป๋าผ่านสื่อออนไลน์อยู่เป็นประจำ กำลังจะผันตัวมาเป็นแม่ค้าหรือไม่ หรือเป็นเพราะหมดงานพิธีกร หรือมีปัญหาทางการเงินหรือไม่นั้น

ล่าสุด ต๊ะ นารากร ติยายน พิธีกรผู้ประกาศสาวชื่อดังให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ว่า “ส่วนตัวชอบซื้อกระเป๋ามากซื้อเยอะมาก ใช้ไม่กี่ครั้งก็เก็บแล้วก็ซื้อใหม่เรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งพบว่ากระเป๋าที่เราซื้อมันเยอะมาก ไม่รู้จะนำไปเก็บไว้ที่ไหน จึงนำออกมาขายแบบถูก ๆ ซึ่งทุกใบยังคงมีสภาพดี ยืนยันว่ายังไม่คิดจะยึดอาชีพแม่ค้า ลงขายขำ ๆ แค่งานผู้ประกาศข่าว และพิธีกรทางช่อง ONE ก็ไม่เหลือเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว ส่วนใครจะครหาว่าถังแตกนั้น เราไม่สนใจ เพราะขายกระเป๋าได้หมื่นนิด ๆ แต่เราไปซื้อใหม่ใบละแสนกว่า และในเร็ว ๆ นี้เตรียมเปิดกิจการสปากระเป๋า ย่านพระราม 9 ร่วมกับพี่สาวอีกด้วย..