ข่าว
สหรัฐฯ ส่ง ‘โดรน’ ปลิดชีพแกนนำระดับสูง ‘ไอซิส‘ ในอัฟกาฯ

เมื่อ 10 ก.พ. สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทางการระดับสูงในอัฟกานิสถานว่า กองกำลังสหรัฐฯ ได้ส่งอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ทิ้งระเบิดปลิดชีพ นายมูลเลาะห์ อับดุล ราอูฟ อดีตหนึ่งในผู้บัญชาการกองกำลังตาลีบันในอัฟกานิสถาน และกลายมาเป็นแกนนำระดับสูงของกลุ่มไอซิส โดยคอยเสาะหา, เกณฑ์นักรบจากอัฟกานิสถาน ไปเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอซิส ในอิรักและซีเรีย

จากการเปิดเผยของ นายโมฮัมเหม็ด จาน ราซูลา รองผู้ว่าจังหวัดเฮลมานด์ ใต้ ในอัฟกานิสถาน ระบุว่า นายราอูฟได้ถูกโดรนของกองกำลังสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดโจมตี ขณะนั่งอยู่ในรถยนต์ที่กำลังแล่นข้ามทะเลทรายในจังหวัดฮัลมานด์ จนทำให้เขาเสียชีวิต พร้อมกับเหล่านักรบอีก 5 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 4 คน เป็นนักรบจากปากีสถาน

การเสียชีวิตของนายราอูฟ ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงด้านความมั่นคงในอัฟกานิสถานเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการสิ้นชีพของผู้ก่อการร้ายตัวเอ้ ซึ่งเคยถูกคุมขังที่เรือนจำสหรัฐฯ บนอ่าวกวนตานาโม มาแล้ว ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวให้กลับมาอยู่ในอัฟกานิสถาน โดย นสพ.นิวยอร์ก ไทมส์ ในสหรัฐฯ เรียกนายราอูฟว่า เป็นเครือข่ายกลุ่มไอซิสใหม่ที่มีความสำคัญในจังหวัดเฮลมานด์เลยทีเดียว

สยบข่าวลี้ภัย ปูควงเจ๊แดง กินก๋วยเตี๋ยว กลางเมืองเชียงใหม่

วันที่ 11 ก.พ. 58 เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าว จ.เชียงใหม่ รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางเยาวเรศ ชินวัตร นางเยาวภา ชินวัตร และเครือญาติ ได้มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวช้างม่อยกาแฟ@สวนดอก ถ.อารักษ์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยเดินทางมาพร้อมกับรถตู้ ยี่ห้อโฟล์คสวาเกน สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กธ -77 เชียงใหม่ หลังจากที่ลงจากรถ ทางเจ้าของร้านและประชาชนที่มานั่งกินก๋วยเตี๋ยว ได้มาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก หลังจากที่มีการถ่ายภาพเสร็จ ก็ได้เดินไปนั่งโต๊ะที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของร้าน และได้ลุกมาหยิบขนม 2 ถุง ไปนั่งทานที่โต๊ะ โดยได้นั่งทานก๋วยเตี๋ยวและขนมอยู่เกือบ 1 ชั่วโมง ระหว่างที่อยู่ที่ร้านก็มีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ก่อนที่ทางคณะจะเดินทางกลับ ซึ่งระหว่างที่เดินทางมาและนั่งอยู่ภายในร้าน ก็มีเจ้าหน้าที่ชุดอารักขาคอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอด

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ชุดอารักขา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ทราบว่า จะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากไปกระทบอะไร นอกจากนี้ ก็เตรียมเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 13 ก.พ.นี้ เพราะต้องรอน้องไปป์ ลูกชายกลับจากการเข้าค่ายที่ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เสร็จก่อน


'ตู่'ยุ'ปู'อย่าหนี อ้าง'คุกแตกแน่'ถ้าติดคุกจริง

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ "มองไกล" ตอนหนึ่งระบุว่า กรณีตรวจค้นรถตู้ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จ.เชียงใหม่นั้น เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เช่นเดียวกับกรณีขบวนล้อการเมือง ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ หรือกรณีอุปทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องที่กระทบความรู้สึกของคนอีกกลุ่ม โดยไม่จำเป็น

นายจตุพร กล่าวต่อว่า หลักใหญ่อย่างหนึ่งมีการสร้างกระแส เรื่องการหลบหนี เพื่อประโคมโหมข่าวกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขออนุญาตเดินทางไปฮ่องกง ระหว่างการรอฟ้องคดีจำนำข้าว ซึ่งอำนาจอยู่ที่คสช. และหากฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองแล้ว เงื่อนไขในการประกันตัว การเดินทางไปต่างประเทศ ต้องขออนุญาตศาลด้วย เป็น 2 เด้ง ตนเข้าใจว่า หลายฝ่ายต้องการให้น.ส.ยิ่งลักษณ์หนี เพราะการต่อสู้ในศาล และการพิสูจน์จะง่ายกว่ากระบวนการในป.ป.ช. ปลายทางจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่การกดดันให้เกิดการตัดสินใจหนีนั้น เป็นความพยายาม ตนไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ไอ้พวกนี้คิดกันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดคุก วันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ประชาชนจะแห่เข้ามาเต็มเรือนจำพิเศษ สภาพการณ์นึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก บางคนอธิบายถึงขนาดว่าคำว่า "คุกแตก" ดังนั้นเราก็เห็นสภาพการณ์ว่า ขณะนี้ก็ชิงไหวชิงพริบ พูดกันว่า "อย่าหนี ๆ" ในใจก็ท่องว่า "จงหนี ๆ" เพราะสถานการณ์ในวันข้างหน้า ยากจะคาดการณ์อารมณ์ความรู้สึกประชาชน

“ความเห็นผม ในเมื่อป.ป.ช.บอกว่าไม่ใช่เรื่องการทุจริต เป็นเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยก็ต่อสู้ในประเด็นนั้น ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง เราไม่ได้ทำความผิด ไม่จำเป็นต้องหนี ยืนหยัดทายท้าต่อสู้เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา การประโคมโหมข่าวหนี เจตนาจงใจในทางการเมือง ผมก็รู้ว่าบีบให้หนี เพราะอยู่นั้นยากกว่า ไม่รู้ปัญหาจะเกิดอะไรขึ้น ไปไหว้บรรพบุรุษยังเกิดปัญหาขนาดนี้ อาการขนาดนี้ในทางการเมือง กูรูทั้งหลายเขารู้กันเลยว่า จะสร้างภาวะความกดดัน บีบคั้นทุกรูปแบบ ท้ายที่สุดก็คือว่า อดรนทนไม่ได้ก็ต้องไป ถ้าเขาคิดอย่างนั้น เราก็ต้องคิดอีกทางหนึ่งว่าอดทนได้ ที่หลายฝ่ายห่วงกันว่าเรานั่งจัดรายการกันนั้น จะเป็นการปลุกระดมให้ประชาชนออกมา ผมก็บอกว่าที่นั่งพูดนี่แหล่ะ ประชาชนจึงไม่ออกมา แต่ถ้ามองว่าความเห็นต่าง เป็นพวกที่ต้องมาทำลายตัวเอง ถ้าตั้งหลักตั้งสติกันได้ อย่าระแวงเกินกว่าความเป็นจริง ความเห็นต่างคือความสวยงามและเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง”นายจตุพร กล่าว


รวบแล้วตัวการใหญ่แก๊ง"บรรพต"หมิ่นสถาบัน

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) ร่วมแถลงความคืบการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่าย "บรรพต" ขบวนการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงรายสำคัญ โดยระบุว่า ล่าสุดศาลทหารกรุงเทพ ได้อนุมัติหมายจับผู้ที่ใช้นามแฝง "บรรพต" คือ นายหัสดิน อุไรไพรวัน อยู่บ้านเลขที่ 167 ถ.วิสุทธิ์กษัตริย์ แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร ในข้อหาหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

พล.ต.ต.ศิริพงษ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ปอท.ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง และทหาร เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายหัสดิน ภายในซอยสุขุมวิท 101 ตรวจพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสื่อ อาทิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์บันทึกเสียง เอกสารร่างเพื่อใช้ในการบันทึกเสียง เอกสารทางการเงิน จากการตรวจสอบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารแต่ละเดือนเป็นหลักแสนบาท คาดว่ามาจากรายได้การจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มผู้สนับสนุน โดยหลังจากนี้จะมีการส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย ขณะเดียวกันได้มีการตรวจยึดแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมาก ที่นายหัสดินใช้ในการทำสำเนาจำหน่ายให้กับกุล่มเครือข่าย ทั้งนี้ นายหัสดิน เคยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่จากการสืบสวนไม่พบว่ากลุ่มนปช.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว เพียงแต่พบว่ามีสมาชิกในเครือข่ายนี้ ที่ได้ไปร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่มนปช.เท่านั้น

ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมตัว ผู้ที่ใช้นามแฝง "บรรพต" หรือ นายหัสดิน อุไรไพรวัน อยู่บ้านเลขที่ 167 ถ.วิสุทธิ์กษัตริย์ แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยจับกุมได้ที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านซอยศูนย์วิจัย ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนยังกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์


'ลูกสาวปธ.โคเรียนแอร์'โดนคุก 1 ปี 'คดีโมโหถั่ว'

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ว่า ผู้พิพากษา "โอ ซอง-วู" แห่งศาลแขวงกรุงโซล ขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาให้น.ส.โช ฮยอน-อา บุตรสาวของนายโช ยาง-โฮ ประธานสายการบินโคเรียนแอร์ รับโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี จากความผิดใน 3 ข้อหา ได้แก่การละเมิดกฎหมายความปลอดภัยอากาศยาน ด้วยการใช้อิทธิพลและอารมณ์รบกวนการทำงานของลูกเรือโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ทำให้เที่ยวบินขากลับจากนครนิวยอร์กสู่สนามบินอินชอน ชานกรุงโซล เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ต้องล่าช้ากว่ากำหนดนานหลายสิบนาที

ทั้งนี้ คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยเห็นพ้องกันว่า จำเลยกระทำการเสมือนเที่ยวบินในวันเกิดเหตุเป็นเที่ยวบินส่วนตัวของเธอ ด้วยการใช้อำนาจและอารมณ์ในฐานะเป็นบุตรสาวคนโตของประธานสายการบิน สั่งให้นักบินนำเครื่องบินที่กำลังอยู่บนทางวิ่งเพื่อเตรียมเทคออฟ เลี้ยวกลับมายังอาคารผู้โดยสารเพื่อส่งให้หัวหน้าพนักงานต้อนรับลงจากเครื่อง เพียงเพราะไม่พอใจที่ได้รับเสิร์ฟถั่วแมคคาเดเมียทั้งซอง ซึ่งผิดมาตรฐานของการให้บริการผู้โดยสารชั้นหนึ่ง

นอกจากนี้ น.ส.โช วัย 40 ปี ยังมีความผิดฐานขัดขวางกระบวนการทำงานของเจ้าพนักงาน ด้วยการพยายามปกปิดหลักฐาน และการประทุษร้ายร่างกายลูกเรือ ด้วยการทุบตีที่มือและบังคับให้อีกฝ่ายคุกเข่าขอโทษ ขณะที่ผู้พิพากษาโอกล่าวด้วยว่า น.ส.โชยังไม่มีความสำนึกผิดต่อสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แม้เธอยื่นหนังสือแสดงความสำนึกผิดและขอความเมตตาต่อศาลแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม บทลงโทษจำคุกที่ศาลพิพากษาให้แก่น.ส.โช ถือเป็นการลดโทษจากที่อัยการยื่นขอเอาไว้ในตอนแรก คือ 3 ปี ขณะที่ยังไม่มีรายงานชัดเจนจากทนายความของตระกูลโช ว่าจะยื่นเรื่องอุทธรณ์หรือไม่


มะกันกังวลหลังบิ๊กตู่แบะท่า"กองทัพ"อาจยึดอำนาจอีก

กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ "นิกเคอิ" ของญี่ปุ่น ฉบับวันอังคารที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยตอนหนึ่ง ตอบคำถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในประเทศไทย โดยพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบโดยตรง เพียงแต่กล่าวว่า "ประเทศไทยไม่เหมือนที่อื่น หากรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งวุ่นวายได้ ก็เป็นหน้าที่ของกองทัพ ที่จะต้องเข้ามาจัดการอีกครั้ง"

ในเรื่องนี้ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยนางเจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ถึงกรณีดังกล่าวว่า รายงานข่าวคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีไทย สร้างความกังวลใจอย่างแน่นอน แม้ตามปกติ รัฐบาลสหรัฐฯจะไม่มีท่าทีตอบโต้ใดๆ หากเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะตรวจสอบว่ามีหน่วยงานใด ได้แสดงความกังวลต่อรัฐบาลไทยถึงคำพูดดังกล่าวหรือไม่

สาวเมาเจอด่าน-ไม่ยอมลง เจอลากรถมาโรงพัก

เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 11 ก.พ. ขณะที่ ร.ต.ท.รัฐกร โอษฐ์เจษฎา รองสว.จร.สน.บางโพงพาง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.บางโพงพาง กำลังตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อยู่บริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ใกล้กับปากซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 24 แขวงช่องนนทรี เขตยานาวา กรุงเทพฯ พบหญิงรายหนึ่งทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.ชุติมา กันทาง อายุ 28 ปี ชาวจ.นครพนม ได้ขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า บริโอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กอ-2123 กทม. เลี้ยวเข้าซอยเพื่อเลี่ยงด่านตรวจ พร้อมทั้งพยายามจะขับผ่านเจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจรถคันอื่นอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไปเคาะกระจกให้หยุดรถ เพื่อขอตรวจใบอนุญาตขับขี่ บัตรประชาชน ปรากฏว่าภายในรถมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง จึงขอให้เป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่น.ส.ชุติมาไม่ยอม ทั้งยังนั่งอบู่บนเบาะไม่ยอมลงจากรถ พร้อมกับต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่มีมารยาทที่ไปเคาะรถ

จนถึงเวลา 03.00 น.เจ้าหน้าที่จะเลิกตั้งด่านตรวจ จึงขอให้ น.ส.ชุติมา ลงมาจากรถแต่ก็ไม่เป็นผล จึงต้องใช้รถยกลากรถคันดังกล่าวมาไว้ที่ สน.บางโพงพาง เจ้าหน้าที่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลงจากรถ จนกระทั่งถึงเวลา 06.30 น. น.ส.ชุติมาถึงจะยอมลงมาพบกับพนักงานสอบสวน โดยให้การว่า ทำอาชีพขายของ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เพิ่งไปดื่มกับเพื่อนมา แต่คิดว่ายังสามารถขับรถได้ สาเหตุที่ไม่ยอมลงจากรถเนื่องจากแต่งตัวไม่เรียบร้อย และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ส่วนใบขับขี่รถยนต์กับบัตรประชาชนนั้นไม่ได้เอามาเนื่องจากเปลี่ยนกระเป๋าถือ

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 ก.พ. ร.ต.ท.เทียนทิพย์ อุเทศ พนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นหลังจากที่ น.ส.ชุติมา ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ปล่อย น.ส.ชุติมา โดยให้ประกันตัวไป 20,000 บาทแล้ว และในวันพรุ่งนี้ประมาณ 10.00 น. ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัว น.ส.ชุติมา ไปส่งฟ้องที่ศาลแขวงพระนครใต้ โดยแจ้งข้อหาทั้งหมด 5 ข้อหา 1.ขับขี่รถในขณะเมาสุรา 2.ขับขี่รถในขณะหย่อนความสามารถ 3.ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานในการตรวจวัดแอลกอฮอล์ 4.ไม่แสดงบัตรประจำตังประชาชน 5.ไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่