ข่าว
′สมชัย′รับผิดชอบจัดเลือกตั้งไม่สำเร็จ ขอสละเก้าอี้บริหารจัดเลือกตั้ง ปัดโยนภาระหรือถูกกดดัน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อาคารโดมบริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยก่อนการประชุม กกต. ว่าตนจะเรียนต่อ กกต.ว่าเนื่องจากการจัดการเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จในเชิงประสิทธิผล เนื่องจากมีหน่วยเลือกตั้งจำนวนมากกว่า 1 หมื่นหน่วยที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ดังนั้น จะขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอเปลี่ยนตำแหน่ง ไม่ทำหน้าที่บริหารจัดการเลือกตั้ง โดยขอสลับให้ กกต.คนอื่นมาทำหน้าที่แทน ซึ่งไม่ใช่การโยนภาระและไม่ได้ถูกกดดัน ส่วน กกต. 5 คนจะคิดอย่างไรนั้น คงต้องรอฟังมติหลังประชุม

นายสมชัยกล่าวต่อว่า ภาพรวมของการจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนพอใจที่มีความสงบเรียบร้อย เพราะสิ่งที่หลายฝ่ายประเมินก่อนการเลือกตั้งว่าจะรุนแรงนำไปสู่การจลาจล สูญเสีย แต่เหตุการณ์ต่างๆ ไม่เกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์สงบเรียบร้อย คงเป็นเพราะทุกฝ่ายในสังคมตระหนักหากเกิดความรุนแรงและสูญเสีย ถือว่าประสบความสำเร็จในมุมมองด้านความสงบเรียบร้อย แต่ในมุมของผลสำเร็จในการจัดการเลือกตั้ง คิดว่ายังทำได้ไม่ดี เพราะยังมีการจัดการเลือกตั้งไม่ได้กว่า 1 หมื่นหน่วย หรือกว่า 10 เปอร์เซ็นต์

"สำหรับประสิทธิภาพเรื่องการใช้จ่ายเงิน ถือว่าการเลือกตั้งใช้จ่ายสูง ต้นทุนต่างๆ เกิดขึ้นแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ บัตรเลือกตั้งพิมพ์ไปแล้วต้องทำลายทิ้งไม่สามารถนำไปใช้ได้อีก วัสดุอุปกรณ์สูญเสีย สูญหายจำนวนมาก ดังนั้น ผมถือว่าประสบความสำเร็จเรื่องเดียว คือช่วยให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ไม่ได้ทำให้เกิดความสูญเสีย" นายสมชัยกล่าว

กกต.สรุปผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ 20 กว่าล้านคนคิดเป็น 45.84% - กทม. 26.18%

กกต.สรุปตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศอย่างไม่เป็นทางการ มาใช้สิทธิ 20 กว่าล้านคน คิดเป็น 45.84% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด กทม.มาใช้สิทธิ 26.18% โดย 9 จังหวัดนิ่งสนิท

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยจำนวนผู้มาใช้สิทธิสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป 2 กุมภาพันธ์ แบบไม่เป็นทางการ ดังนี้

1. กรุงเทพมหานคร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 4,369,120 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน1,143,667 คน คิดเป็น 26.18 เปอร์เซ็นต์

2. กาญจนบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 599,147 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 149,786 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00

3. จันทบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 400,849 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 137,184 คน คิดเป็นร้อยละ34.22

4. ฉะเชิงเทรา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 522,929 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 247,241 คน คิดเป็นร้อยละ 47.28

5.ชลบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,001,146 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 283,010 คน คิดเป็นร้อยละ28.27

6. ชัยนาท มีผู้มีสิทธิ จำนวน 262,953 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 127,084 คน คิดเป็นร้อยละ48.33

7. ตราด มีผู้มีสิทธิ จำนวน 165,398 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 49,620 คน คิดเป็นร้อยละ30.00

8. นครนายก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 198,271 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 87,219 คน คิดเป็นร้อยละ43.99

9. นครปฐม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 680,624 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 272,250 คน คิดเป็นร้อยละ40.00

10. นนทบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 904,394 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 406,977 คน คิดเป็นร้อยละ45.00

11. ปทุมธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 801,561 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 360,702 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00

12. ปราจีนบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 355,606 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 178,066 คน คิดเป็นร้อยละ 50.07

13. พระนครศรีอยุธยา มีผู้มีสิทธิ จำนวน614,410 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 314,183คน คิดเป็นร้อยละ 51.14

14. เพชรบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 334,192 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 97,883 คน คิดเป็นร้อยละ29.29

15.ระยอง มีผู้มีสิทธิ จำนวน 456,066 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 118,900 คน คิดเป็นร้อยละ26.07

16.ราชบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 651,223 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 293,050 คน คิดเป็นร้อยละ45.00

17. ลพบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 571,245 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 281,307 คน คิดเป็นร้อยละ49.24

18. สมุทรปราการ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 944,294คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 330,502 คน คิดเป็นร้อยละ 35.00

19. สมุทรสงคราม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 153,883คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 37,650 คน คิดเป็นร้อยละ 24.47

20.สมุทรสาคร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 385,863 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 131,095 คน คิดเป็นร้อยละ 33.97

21. สระแก้ว มีผู้มีสิทธิ จำนวน 405,558 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 202,779 คน คิดเป็นร้อยละ50.00

22. สระบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 476,275 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 238,138 คน คิดเป็นร้อยละ50.00

23. สิงห์บุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 168,864 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 83,565 คน คิดเป็นร้อยละ 49.49

24. สุพรรณบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 644,940 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 360,873 คน คิดเป็นร้อยละ55.95

25. อ่างทอง มีผู้มีสิทธิ จำนวน 222,503 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 132,185 คน คิดเป็นร้อยละ59.41

26. อุทัยธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 252,946 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 109,375 คน คิดเป็นร้อยละ 43.24

27. กำแพงเพชร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 548,674คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 202,798 คน คิดเป็นร้อยละ 36.96

28. เชียงราย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 889,889 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 507,419 คน คิดเป็นร้อยละ 57.02

29.เชียงใหม่ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,251,590คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 684,591 คน คิดเป็นร้อยละ 54.70

30.ตาก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 356,504 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 213,902 คน คิดเป็นร้อยละ60.00

31.นครสวรรค์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 827,193 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 339,560 คน คิดเป็นร้อยละ 41.05

32.น่าน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 377,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 194,935 คน คิดเป็นร้อยละ51.69

33. พิจิตร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 443,447 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 172,442 คน คิดเป็นร้อยละ38.89

34. พิษณุโลก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 666,427 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 299,892 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00

35. เพชรบูรณ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 761,981 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 329,111 คน คิดเป็นร้อยละ 43.19

36. แพร่ มีผู้มีสิทธิ จำนวน372,858 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 233,114คน คิดเป็นร้อยละ 62.52 คน

37.พะเยา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 394,041 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 244,792 คน คิดเป็นร้อยละ62.12

38. แม่ฮ่องสอน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 160,829คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 103,863 คน คิดเป็นร้อยละ 64.58

39.ลำปาง มีผู้มีสิทธิ จำนวน 619,215 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 393,062 คน คิดเป็นร้อยละ63.48

40. ลำพูน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 331,343 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 241,209 คน คิดเป็นร้อยละ72.80

41.สุโขทัย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 438,920 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 220,834 คน คิดเป็นร้อยละ50.31

42.อุตรดิตถ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 363,116 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 182,878 คน คิดเป็นร้อยละ50.36

43.กาฬสินธุ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 756,333 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 428,437 คน คิดเป็นร้อยละ 56.65

44. ขอนแก่น มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,381,002คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 757,640 คน คิดเป็นร้อยละ 54.86

45. ชัยภูมิ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 867,363 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 478,822 คน คิดเป็นร้อยละ55.20

46.นครพนม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 530,501 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 305,048 คน คิดเป็นร้อยละ57.50

47.นครราชสีมา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,994,802คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 1,112,469 คน คิดเป็นร้อยละ 55.77

48.บึงกาฬ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 305,182 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 213,627 คน คิดเป็นร้อยละ70.00

49.บุรีรัมย์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,164,126 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 581,603 คน คิดเป็นร้อยละ49.96

50.มหาสารคาม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 714,450คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 411,501 คน คิดเป็นร้อยละ 57.60

51.มุกดาหาร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 257,799 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 167,569 คน คิดเป็นร้อยละ65.00

52.ยโสธร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 419,524 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 244,708 คน คิดเป็นร้อยละ58.33

53.ร้อยเอ็ด มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,017,852 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 539,024 คน คิดเป็นร้อยละ 52.96

54. เลย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 483,969 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 296,431 คน คิดเป็นร้อยละ61.25

55. ศรีษะเกษ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,098,960คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 589,344 คน คิดเป็นร้อยละ 53.63

56. สกลนคร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 849,835 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 467,409 คน คิดเป็นร้อยละ 55.00

57. สุรินทร์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,031,137 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 520,525 คน คิดเป็นร้อยละ 50.48

58. หนองคาย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 386,073 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 219,289 คน คิดเป็นร้อยละ 56.80

59. หนองบัวลำภู มีผู้มีสิทธิ จำนวน 382,095คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 277,018 คน คิดเป็นร้อยละ 72.50

60. อำนาจเจริญ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 285,095คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 142,413 คน คิดเป็นร้อยละ 49.95

61. อุดรธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,169,246 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 637,438 คน คิดเป็นร้อยละ 54.52

62. อุบลราชธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,360,684 ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 754,554 คน คิดเป็นร้อยละ 55.45

63. นครศรีธรรมราช มีผู้มีสิทธิ จำนวน1,153,060 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 1,292คน คิดเป็นร้อยละ 0.11

64. นราธิวาส มีผู้มีสิทธิ จำนวน 509,604 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 232,790 คน คิดเป็นร้อยละ 45.68

65. ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน389,471 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 55,818คน คิดเป็นร้อยละ 14.33

66. ปัตตานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 447,270 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 182,614 คน คิดเป็นร้อยละ40.83

67. ยะลา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 311,603 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 101,604 คน คิดเป็นร้อยละ32.61

68. สตูล มีผู้มีสิทธิ จำนวน 35,318 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 10,966 คน คิดเป็นร้อยละ 31.05

ขณะที่ กระบี่ ชุมพร ตรัง พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี งดการลงคะแนน

รวมผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งหมด 44,649,742 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 20,468,646 คน คิดเป็นร้อยละ 45.84

ม็อบ กปปส.ชุมพรคืนหีบ-บัตรเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์ แกนนำ กปปส.ชุมพร และเป็นตัวแทนกลุ่ม กปปส. 5 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา และภูเก็ต ได้ทำพิธีมอบกุญแจประตูห้องเก็บหีบและบัตรเลือกตั้งที่กปปส.ใช้ล็อกป้องกันเจ้าหน้าที่นำออกไปใช้เลือกตั้ง ให้กับ นายสมบัตินุภักดิ์ หัวหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ท่ามกลางกลุ่มมวลจาก 5 จังหวัด จำนวนมากที่ปักหลักอยู่หน้าศูนย์ไปรษณีย์มานานถึง 8 วัน ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบกุญแจและคืนพื้นที่การชุมนุมในครั้งนี้

จากนั้น นายกฤษณ์ แก้วรักษ์ ประธาน กปปส.ชุมพร ได้ประกาศชัยชนะการล้มการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ในพื้นที่ 5 จังหวัดได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ และว่าถือประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งโดยในขั้นตอนต่อไปก็จะนำมวลชนไปร่วมกับทางส่วนกลางที่กรุงเทพมหานครต่อไป

หลังจากที่ทางแกนนำได้ประกาศชัยชนะและมอบกุญแจพร้อมคืนพื้นที่ให้กับศูนย์ไปรษณีย์ชุมพรแล้ว แกนนำกปปส.ได้ขอให้หัวหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพรทำการไขกุญแจห้องเพื่อตรวจสอบหีบและบัตรเลือกตั้งพร้อมทรัพย์สินภายในศูนย์ฯทั้งหมดว่ายังอยู่ครบหรือไม่อย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพัสดุภัณฑ์ทั้งหีบและบัตรเลือกตั้งทั้ง 5 จังหวัดยังอยู่ในสภาพห่อหุ้มพลาสติกใสอย่างดี แกนนำ กปปส.แต่ละจังหวัดจึงได้ร่วมบันทึกภาพหีบบัตรและบัตรการเลือกตั้ง ไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. กกต.ชุมพร ไปมีหนังสือประกาศงดการลงคะแนนเลือกตั้งส.ส.ในครั้งนี้ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง จำนวน 720 หน่วยเลือกตั้ง เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและถูกกลุ่มมวลชนปิดทางเข้าออกค่าย ตชด.ชุมพรและศูนย์ไปรณีย์ชุมพรเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งจึงไม่สามารถนำมาใช้ในการจัดการเลือกตั้งได้


แห่แจ้งความเอาความผิดกกต.ตรัง เหตุไม่ได้เลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร นายนพพร อุสิทธิ์ แกนนำ กปปส.ชุมพร และเป็นตัวแทนกลุ่ม กปปส. 5 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา และภูเก็ต ได้ทำพิธีมอบกุญแจประตูห้องเก็บหีบและบัตรเลือกตั้งที่กปปส.ใช้ล็อกป้องกันเจ้าหน้าที่นำออกไปใช้เลือกตั้ง ให้กับ นายสมบัตินุภักดิ์ หัวหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ท่ามกลางกลุ่มมวลจาก 5 จังหวัด จำนวนมากที่ปักหลักอยู่หน้าศูนย์ไปรษณีย์มานานถึง 8 วัน ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบกุญแจและคืนพื้นที่การชุมนุมในครั้งนี้

จากนั้น นายกฤษณ์ แก้วรักษ์ ประธาน กปปส.ชุมพร ได้ประกาศชัยชนะการล้มการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ในพื้นที่ 5 จังหวัดได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ และว่าถือประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งโดยในขั้นตอนต่อไปก็จะนำมวลชนไปร่วมกับทางส่วนกลางที่กรุงเทพมหานครต่อไป

หลังจากที่ทางแกนนำได้ประกาศชัยชนะและมอบกุญแจพร้อมคืนพื้นที่ให้กับศูนย์ไปรษณีย์ชุมพรแล้ว แกนนำกปปส.ได้ขอให้หัวหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพรทำการไขกุญแจห้องเพื่อตรวจสอบหีบและบัตรเลือกตั้งพร้อมทรัพย์สินภายในศูนย์ฯทั้งหมดว่ายังอยู่ครบหรือไม่อย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพัสดุภัณฑ์ทั้งหีบและบัตรเลือกตั้งทั้ง 5 จังหวัดยังอยู่ในสภาพห่อหุ้มพลาสติกใสอย่างดี แกนนำ กปปส.แต่ละจังหวัดจึงได้ร่วมบันทึกภาพหีบบัตรและบัตรการเลือกตั้ง ไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. กกต.ชุมพร ไปมีหนังสือประกาศงดการลงคะแนนเลือกตั้งส.ส.ในครั้งนี้ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง จำนวน 720 หน่วยเลือกตั้ง เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและถูกกลุ่มมวลชนปิดทางเข้าออกค่าย ตชด.ชุมพรและศูนย์ไปรณีย์ชุมพรเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งจึงไม่สามารถนำมาใช้ในการจัดการเลือกตั้งได้